แต่งก่อนค่อยอ้อนรัก – ตอนที่ 136 เหมือนถูกตีหัวซ้ำ ๆ สองครั้ง

จากนั้นหมั่นโถวก็ใช้เข่ากดเจินเมี่ยวหยูไว้กับพื้น พลางตะคอกเสียงดังว่า

 

“ถ้าคุณไม่อยากแขนหรือขาหัก ก็อย่าขยับตัว”

 

เซี่ยฉิงกงเดินกลับไปยืนข้างกายมู่เฉินฮ่าว มู่เฉินฮ่าวกวาดตามองเธอตั้งแต่หัวจรดเท้า เขารู้สึกโล่งใจเมื่อแน่ใจว่าผู้หญิงของเขาปลอดภัยดี

 

เซี่ยฉิงกงไม่รู้จะหัวเราะหรือร้องไห้ดี เธออยู่ในสายตาของเขาตลอดเวลา เช่นนี้แล้วจะให้เธอบาดเจ็บได้อย่างไร ?

 

“เอาตัวเธอไปที่ห้องนั่งเล่น”

 

มู่เฉินฮ่าวเอ่ยปากเบา ๆ จากนั้นก็เดินนำไปที่ห้องนั่งเล่น

 

ครั้นเซี่ยฉิงกงเห็นว่าเซี่ยเจิ้งหัวหายใจติดขัด อีกทั้งใบหน้าของเขาก็ซีดมาก เธอจึงตะโกนออกมาว่า

 

“อาเจิ้ง มาช่วยพยุงคุณพ่อของฉันหน่อย”

 

“ขอรับ นายหญิงน้อย”

 

ภายในห้องนั่งเล่นบ้านสกุลเซี่ย

 

หลังจากเงียบงันกันอยู่นาน

 

“เมี่ยวหยู ถ้าคุณมีอะไรติดค้างในใจเราก็มาคุยกันเถอะ ถ้าคุณไม่พอใจอะไรผม วันนี้เราจะได้เคลียร์กันให้ชัดเจน อย่างไรเสีย พวกเราก็เป็นสามีภรรยากันแล้ว”

 

ช่วงเวลาแค่เพียงไม่นาน ทว่าผมขาวของเซี่ยเจิ้งหัวกลับเพิ่มขึ้นมากมาย

 

“ฉันไม่มีอะไรจะพูดกับคุณ หากคุณยังคิดว่าเราเคยเป็นสามีภรรยากัน คุณก็ช่วยปล่อยชิงฉวนและฉันไปก็พอ !”

 

เซี่ยเจิ้งหัวเงียบ

 

เขาสูดลมหายใจเข้าลึก ก่อนจะหันไปมองมู่เฉินฮ่าวด้วยท่าทีที่ซับซ้อน

 

“คุณชายมู่ในเมื่อทุกอย่างกลายเป็นแบบนี้แล้ว เช่นนั้นก็ให้มันแล้ว ๆ ไปเถอะ อย่างไรเสียเราก็เป็นคนกันเองไม่ใช่ใครที่ไหน !”

 

ขณะที่เซี่ยเจิ้งหัวพูดเช่นนี้ หัวใจของเขาก็สั่นสะท้าน

 

ตอนเซี่ยเจิ้งหัวอายุ 21 เขาได้พบกับเจินเมี่ยวหยูซึ่งมีอายุ 15 ปี ทั้งสองรู้จักกันและตกหลุมรักกัน ตอนนี้ก็ผ่านมาเกือบ 30 ปีแล้ว เขาไม่คาดคิดว่าความสัมพันธ์ของเขาและเจินเมี่ยวหยูจะพัฒนาไปสู่สถานการณ์ที่เป็นอยู่ในปัจจุบันนี้

 

มู่เฉินฮ่าวเหลือบไปมองเจินเมี่ยวหยู จากนั้นก็เงยหน้าขึ้นพูดกับเซี่ยเจิ้งหัว

 

“คุณลุงเซี่ยไม่ต้องกังวล ผมเพียงอยากให้คุณลุงได้เห็นอะไรบางอย่าง แล้วจากนั้นคุณลุงก็ตัดสินใจเองเถิดว่า คุณลุงต้องการปล่อยเธอไปหรือไม่ ?”

 

“อะไร ?”

 

“อาเจิ้ง” มู่เฉินฮ่าวตะโกนเรียกเบา ๆ

 

อาเจิ้งหยิบเอกสารสองชุดออกมาจากกระเป๋าเอกสารที่อยู่ข้างตัว จากนั้นก็ยื่นส่งให้เซี่ยเจิ้งหัว

 

“นายท่านเซี่ย นี่คือรายงานผลการตรวจดีเอ็นเอของพ่อบ้านของคุณ โจวหยุนเซินและเจินเมี่ยวหยูภรรยาของคุณ จากผลการวิเคราะห์เครื่องหมายพันธุกรรมทางดีเอ็นเอพบว่าโจวหยุนเซิน และเจินเมี่ยวหยูมีความสัมพันธ์กันทางสายเลือด

 

เซี่ยฉิงกงตกตะลึง เธอเอ่ยถามด้วยเสียงเบา ๆ

 

“ทำไมก่อนหน้านี้คุณไม่บอกเรื่องพวกนี้กับฉันบ้าง ?”

 

เธอรู้เพียงว่าเจินเมี่ยวหยูคบชู้ หากแต่เธอไม่รู้เลยว่าโจวหยุนเซินเองก็มีความเกี่ยวข้องกับเจินเมี่ยวหยู ทั้งยังเกี่ยวข้องกันถึงเพียงนี้ด้วยงั้นหรือ ?

 

หากเป็นเช่นที่มู่เฉินฮ่าวพูดไว้เมื่อครู่ ก็ไม่รู้แล้วว่าเซี่ยชิงฉวนจะเป็นลูกสาวของเซี่ยเจิ้งหัวจริง ๆ หรือไม่ ?

 

“ผมบอกแล้วไงว่า เรื่องพวกนี้จะทำให้มือของคุณสกปรก ปล่อยให้ผมจัดการเองดีกว่า”

 

ต่อหน้าคนอื่นชายหนุ่มยังคงแสดงทีท่าเฉยเมยเฉกเช่นปกติ  ทว่าเซี่ยฉิงกงกลับอดไม่ได้ที่จะรู้สึกอบอุ่นในหัวใจ

 

เห็นได้ชัดว่า เซี่ยเจิ้งหัวได้รับผลกระทบอย่างหนัก ทันทีที่เขาได้อ่านเอกสารทั้งสองฉบับ เสียงของเขาที่เปล่งออกมาพลันสั่นสะท้าน รายงานในเอกสารเหล่านั้น ทำให้แววตาของเขาเต็มไปด้วยความเจ็บปวด

 

“เมี่ยวหยู … คุณ … ”

 

“ใช่..ถูกต้องแล้ว หยุนเซินเป็นลูกของฉันกับโจวฉีชวน คุณรู้มั้ยว่าในช่วงห้าปีที่คุณจากไป ใครเป็นผู้ดูแลฉัน ? คุณรู้มั้ยว่าฉันมาตามหาคุณที่บ้านเซี่ยนี่กี่ครั้งกัน ? และฉันถูกพ่อของคุณขับไล่ออกมากี่หน ?”

 

เจินเมี่ยวหยูจดจำได้ชัดเจนว่าคืนนั้นสายลมพัดแรง ทั้งฝนก็ตกกระหน่ำ เธอถูกขับออกจากประตูบ้านสกุลเซี่ยอีกครั้ง ครั้งนี้เธอล้มลงกับพื้นร่ำไห้อยู่เป็นเวลานานท่ามกลางสายฝน

 

ชายคนหนึ่งเดินถือร่มมา คน ๆ นั้นก็คือโจวฉีชวน พ่อบ้านตระกูลเซี่ย ณ เวลานั้น  เขาช่วยพยุงเธอขึ้นจากพื้น และพาเธอกลับบ้าน เขาดูแลเธอที่กำลังติดเชื้อหวัด และบอกเธอว่าคุณชายรองกำลังจะหมั้นกับคุณหนูใหญ่สกุลน่าหลาน

 

อาเจิ้งรอให้เจินเมี่ยวหยูพูดจบ เขาเหลือบมองเธออย่างเฉยเมย ก่อนจะส่งรายงานอีกสองฉบับให้เซี่ยเจิ้งหัว

 

“นายท่านเซี่ย ฉบับนี้คือรายงานผลการตรวจดีเอ็นเอของคุณกับเซี่ยชิงฉวน ลูกสาวคนรองของคุณ จากผลการวิเคราะห์เครื่องหมายพันธุกรรมทางดีเอ็นเอ พบว่าคุณและเซี่ยชิงฉวนไม่ได้มีความเกี่ยวพันกันทางสายเลือด”

 

***จบตอน เหมือนถูกตีหัวซ้ำ ๆ สองครั้ง***

แต่งก่อนค่อยอ้อนรัก

แต่งก่อนค่อยอ้อนรัก

แต่งก่อนค่อยอ้อนรัก
Status: Ongoing
โดย เรื่อง แต่งก่อนค่อยอ้อนรัก บ้างส่วนของนิยาย ณ ผับคราวน์คลับ ที่ยิ่งดึกก็ยิ่งมีชีวิตชีวา ภายในห้องส่วนตัวห้องหนึ่งที่ตกแต่งด้วยแสงสลัว และมืดทึม “โจวตัน ไอ้หัวหมูนั่นอยากร่วมมือกับฉันด้วยเรอะ ! เฮอะ เขาคงเขมือบเงินทองมากไปจนไม่ดูฐานะของตัวเองเลย ถ้าไม่ใช่เพื่อกำราบความหยิ่งยโสของตระกูลเซี่ย ฉันไม่ทางเซ็นสัญญากับไอ้หมูนั่นแน่ ?” “ตูม !” มือเล็กกดโทรศัพท์บนโต๊ะ เพื่อปิดเสียงที่บันทึกไว้ นิ้วเรียวยาวขาวละเอียดวาวอย่างคนสุขภาพผิวดี “บอสโจว คุณได้ยินแล้วใช่ไหม ?” เจ้าของมือยิ้ม ใบหน้าของโจวตันที่อยู่ฝั่งตรงข้ามเปลี่ยนเป็นสีตับหมูซึ่งเห็นได้ชัดเจนมากแม้จะอยู่ภายใต้แสงริบหรี่ “อ้อ..และนี่” เซี่ยฉิงกงจูบสัญญานั่นแล้วพับครึ่ง ก่อนจะซุกไว้บริเวณบั้นเอวภายใต้เสื้อของเธอ เครื่องแบบบริกรของผับคราวน์คลับนี่ออกจะเปิดเผยมาก จนเซี่ยฉิงกงต้องดึงขอบเสื้อบนหน้าอกของเธอขึ้นอย่างแรง แต่ก่อนที่เธอจะจัดการทุกอย่างเสร็จเรียบร้อย เธอก็รู้สึกว่าไหล่ของเธอถูกดึงขึ้น “นี่เธอ ช่วยส่งไวน์นี้ไปที่ห้อง 8069 ด้วย” ผู้จัดการเจ้ากี้เจ้าการยกแขนของเซี่ยฉิงกงแล้วยัดถาดใส่มือเธอ เซี่ยฉิงกงยักไหล่ ในเมื่อปลอมตัวเป็นบริกรก็ต้องมีจรรยาบรรณในวิชาชีพจนกว่าจะหมดหน้าที่ อย่างไรเสียที่สุดฉันก็ได้สัญญามาแล้ว เอาเป็นว่าฉันยินดีที่จะส่งไวน์ให้ก็แล้วกัน “8096 หรือ 8069 ?” เซี่ยฉิงกงคลำทางเดินไปพร้อมกับถาดที่ใส่ไวน์แดง ขณะเดียวกันก็มองผู้คนในห้องส่วนตัวเหล่านั้นอย่างระแวดระวัง เธอโทรไปที่แผนกต้อนรับ แต่สายไม่ว่างเลย เธอจึงไม่รู้ว่าห้องไหนแน่ และนั่นทำให้เซี่ยฉิงกงต้องค่อย ๆ คลำหาไปเรื่อย ๆ “ช่างมันเถอะ เลือกเอาสักห้องก็แล้วกัน !” ต่อให้เปิดประตูเข้าไปแล้วผิด ก็แค่ออกมาเท่านั้นเอง ! เมื่อนึกได้เช่นนี้ เซี่ยฉิงกงก็เคาะประตู 8069 เธอไม่ได้ยินเสียงการเคลื่อนไหวใด ๆ จึงค่อย ๆ แง้มประตูเปิดออก “อา !” แล้วเซี่ยฉิงกงก็ต้องผงะกับฉากในห้อง “ขอโทษค่ะ คุณผู้ชาย… “ แม้ว่าแสงไฟจะไม่สว่างไสวเท่าใดนัก ทว่าเซี่ยฉิงกงก็พอจะมองเห็นว่า ชายคนหนึ่งในห้องกำลังกดร่างของผู้หญิงที่เสื้อผ้าหลุดรุ่ยอยู่บนโซฟา ทันทีที่เห็นประตูเปิดออก ทั้งสองคนในห้องก็มองไปที่ประตู เซี่ยฉิงกงยังคงสามารถมองเห็นผมยาวยุ่งเหยิงของสาวงามคนนั้น ทั้งยังใบหน้าที่ดูเหมือนจะเมามายเล็กน้อย นอกจากนี้เสื้อผ้าที่แหวกลึกของเธอยังเปิดรับสายลมฤดูใบไม้ผลิมากจนน่าละอาย “หยุดอยู่ตรงนั้นแหละ !” เซี่ยฉิงกงกำลังจะปิดประตู รีบเผ่นจากไป ทว่าชายในห้องกลับห้ามเธอไว้ มู่เฉินฮ่าวปลดมือหญิงสาวที่กำลังคล้องคอของเขาไว้ เขาเหลือบตาไปมองเซี่ยฉิงกงด้วยท่าทีที่อันตราย “ไม่คาดคิดว่าจะมีพวกมาด้วย” มู่เฉินฮ่าวลุกขึ้นนั่งตัวตรง สายตาที่เขามองเซี่ยฉิงกงเต็มไปด้วยความเย็นชา “คุณผู้ชายคะ คุณเข้าใจผิด ฉันไม่รู้จักเธอเลย” เซี่ยฉิงกงรู้ดีว่าคนที่มาผับคราวน์คลับแห่งนี้ล้วนเป็นพวกเศรษฐี หรือมีอำนาจพอควร ดังนั้นเธอจึงไม่ควรสร้างปัญหาใด ๆ ที่นี่ หลังจากได้สัญญา และเสิร์ฟไวน์เรียบร้อยแล้ว เธอก็จะออกไปจากที่นี่ทันที “นั่นเธอถ่ายรูปไว้ใช่ไหม เอามานี่” เซี่ยฉิงกงเพิ่งสังเกตเห็นว่า เธอยังคงถือมือถือที่เพิ่งโทรหาแผนกต้อนรับเอาไว้ในมือข้างหนึ่ง … แย่แล้ว ! เขาคงคิดว่า เธอกำลังถ่ายภาพลามกที่พวกเขามีอะไรกันเพื่อใช้แบล็คเมล์ ดังนั้นเขาจึงมองเธอด้วยสายตาเช่นนั้น ! คนอะไรหน้าด้านชะมัด ? นี่คงลักกินขโมยกินล่ะสิท่าถึงกลัวโดนถ่ายรูป ? หน้าตาก็หล่อเหลาดี แต่กลับกินไม่เลือกเหมือนหมา ฉิงกงคิดกับตัวเอง “คุณผู้ชาย ฉันคิดว่าคุณคงเข้าใจผิด ฉันไม่ได้ถ่ายรูปคุณ” ในใจของเซี่ยฉิงกงรู้สึกขยะแขยง ทว่าเธอก็พยายามพูดอย่างใจเย็น เพราะมีรูปโป๊ของภรรยาโจวตันกับชายอื่นอยู่ในโทรศัพท์มือถือของเธอ ดังนั้นเธอจึงไม่อาจโชว์ให้เขาดูได้ มู่เฉินฮ่าวยิ่งมั่นใจว่า ผู้หญิงทั้งสองคนเป็นพวกเดียวกัน “ใครส่งเธอมา ?” น้ำเสียงของมู่เฉินฮ่าวเย็นชา ทำให้เซี่ยฉิงกงอึดอัดมาก นี่หมายความว่าไง ? แสดงว่าต่อให้เธอกระโดดลงล้างตัวที่แม่น้ำฮวงโหก็ไม่สะอาดล่ะสินะ ? (สำนวนแปลว่า แก้ตัวอย่างไรก็ฟังไม่ขึ้น) “ฉันมาเอง” เซี่ยฉิงกงเผลอตอบไปโดยไม่รู้ตัว จากนั้นก็เหลือบไปมองหญิงสาวบนโซฟาที่กำลังมองจ้องมาด้วยสายตาแปลก ๆ เธอรีบเปลี่ยนคำพูดว่า “คุณผู้ชาย คุณเห็นมั้ย ? ฉันเป็นแค่บริกรตัวเล็ก ๆ ฉันต้องรีบนำไวน์ไปเสิร์ฟห้องที่เขาสั่งไว้ !” “เลิกพูดไร้สาระ ส่งโทรศัพท์ของเธอมา” มู่เฉินฮ่าวไม่สนใจคำร้องขอความเมตตาของเธอ เขากวาดตามองเธอจากหัวจรดเท้าก่อนจะพูดต่อ เซี่ยฉิงกงพูดไม่ออกไปชั่วขณะ คน ๆ นี้ คือโจโฉกลับชาติมาเกิดหรือไง ? ท่าทางเขาแลดูน่าสงสัยมาก ถ้าจะระแวงกันถึงขนาดนี้ จะมาเที่ยวผับนี่ทำไม ? “ฉัน…” “ยังไม่ไสหัวไปอีก !” “ฉันจะไปแล้ว จะไปแล้ว … ” เซี่ยฉิงกงพยักหน้า พร้อมกับโค้งคำนับทันทีที่เธอได้ยินประโยคนี้ “ไม่ใช่เธอ” มู่เฉินฮ่าวขัดจังหวะเซี่ยฉิงกงทันที เขาเบี่ยงหน้าเล็กน้อยแววตาของเขาเย็นชาอีกทั้งน่ากลัว ผู้หญิงที่อยู่ข้าง ๆ เขาดึงขอบเสื้อเกาะอกของเธอขึ้นมาให้เข้าที่เข้าทาง ความขาวเนียนราวหิมะทำให้เซี่ยฉิงกงตาแทบค้าง “คุณชายมู่… ” ผู้หญิงคนนั้นครางชื่อเขาเบา ๆ ด้วยความเสียใจ หากแต่เธอกลัวสายตาที่เย็นชาของมู่เฉินฮ่าวมากกว่า เธอจึงไม่กล้าขัดขืนคำสั่งเขา ก่อนที่เธอจะจากไป เธอยังกวาดตามองเซี่ยฉิงกงอย่างอาฆาตมาดร้าย เซี่ยฉิงกงสับสน เธอหันไปมองมู่เฉินฮ่าวด้วยความประหลาดใจ เกิดอะไรขึ้นกันเนี่ย ? “ฉันเป็นแค่พนักงานเสิร์ฟเท่านั้น !” เซี่ยฉิงกงพยายามใจกล้ากล่าวย้ำอีกครั้ง มู่เฉินฮ่าวเยาะเย้ย “บริกรที่ผับคราวน์ก็ไม่ได้ทำหน้าที่เพียงเสิร์ฟน้ำเท่านั้นนี่” ครั้นได้ยินเขาพูดเช่นนั้น เซี่ยฉิงกงก็เข้าใจได้ทันที เธอหยิบถาดขึ้นมาด้วยความโกรธ หวังจะรีบออกไปจากห้อง ทว่าเธอก้าวออกไปได้เพียงก้าวเดียว มู่เฉินฮ่าวก็กระชากตัวเธอกลับมาอย่างแรง ไวน์แดงในถาดพลัดตกลงบนพื้นและแตกกระจาย จบกัน ฉันทำไวน์ตกแตก ไวน์นี่มีมูลค่าหลายแสนเสียด้วย ? “คุณบ้าไปแล้ว !” เซี่ยฉิงกงโกรธมาก มู่เฉินฮ่าวไม่สนใจกับความโกรธของเธอเลย เขากดร่างเซี่ยฉิงกงลงบนโซฟา ครั้นถูกกดตัวอย่างแรง เซี่ยฉิงกงก็เดือดจัด เธอยกมือขึ้นผลักอกมู่เฉินฮ่าวออก “นี่ไม่ใช่ความต้องการของเธอหรอกเหรอ ในเมื่อมาเสนอตัวถึงหน้าประตูก็อย่าโทษว่าฉันหยาบคาย” “ความต้องการของฉันงั้นรึ ? นี่คุณสมองพิการหรือเปล่า..หา..?” เซี่ยฉิงกงดิ้นรนขัดขืน ทว่ากลับถูกกดตัวไว้อย่างแน่นหนา มู่เฉินฮ่าวยกมือของเธอขึ้นเหนือศีรษะ “ปล่อยฉันนะ คนไร้ยางอาย !”

Comment

Options

not work with dark mode
Reset