แต่งก่อนค่อยอ้อนรัก – ตอนที่ 151 เยือนมหาวิทยาลัย

แต่งก่อน…ค่อยอ้อนรัก ตอนที่ 151 เยือนมหาวิทยาลัย

 

เริ่มต้นวันใหม่อีกวัน…

 

หลังจากเซี่ยฉิงกงลุกขึ้นส่องกระจก เธอก็ถึงกับถอนหายใจ อย่างเซ็ง ๆ เมื่อได้เห็นรอยจูบสีแดงเข้มบนลําคอขาว ๆของตน

 

ผู้ชายคนนี้นี่มันจริง ๆ เลย ต้องทิ้งร่องรอยไว้บนร่างกายของเธอทุกครั้งไปสิน่า

 

คอยดูครั้งหน้าเถอะ เธอจะจูบให้แรง ๆ ฝากรอยจูบใหญ่ ๆ ไว้บนคอเพื่อแก้แค้นเขา

 

ตอนแรกหมั่นโถวต้องการให้เซี่ยฉิงกงพักผ่อนอยู่กับบ้าน เธอจะขับรถไปที่มหาวิทยาลัยเพื่อไปเอาหนังสือของเซี่ยฉิงกงกลับมาด้วยตนเอง

 

ทว่าเซี่ยฉิงกงปฏิเสธ

 

เธอเบื่อบ้าน การอยู่บ้านเฉย ๆ ไม่ได้ทําอะไรถือเป็นเรื่องน่าเบื่อจริง ๆ มู่เฉินฮ่าวก็เข้าบริษัทแต่เช้า หากหมั่นโถวออกไปอีกคน วันนี้เซี่ยฉิงกงก็คงไม่รู้จะทําอะไรแล้ว

 

เมื่อนึกถึงเรื่องนี้ เซี่ยฉิงกงก็ยิ่งมุ่งมั่นในความคิดของตนที่จะออกหางานทํา

 

หลังจากตื่นนอน เธอก็กินอาหารเช้า จากนั้นหมั่นโถวก็ไปรับรถที่โรงรถใต้ดิน

 

ในวันนี้ เธอเลือกโฟล์คสวาเก้น แฟต้น ที่ราคาค่อนข้างต่ําจากรถทั้งหมดที่มี เพราะต้องขับเข้าไปในมหาวิทยาลัย ถ้าขับลัมโบกินี หรือ บูเก็ตติ เวย์รอน ไป หมั่นโถวคิดว่ามันจะแลดูฟังเฟ้อมากเกินไปหน่อย

 

การขับรถหรูมาก ๆ เข้าไปในมหาวิทยาลัย คงจะไม่ดีนัก หากได้พบกับเพื่อนในมหาวิทยาลัยบางคนที่เธอรู้จักคุ้นเคย เซี่ยฉิงกงยังคงหวังที่จะใช้ชีวิตแบบธรรมดา ๆ หากแต่เนื่องจากเธอเลือกที่จะแต่งงานกับมู่เฉินฮ่าว เธอจึงไม่สามารถเปลี่ยนแปลงทัศนคติของคนอื่นได้

 

คู่หมั้นของเธอน่าตื่นตะลึงเกินไปสําหรับคนอื่น ๆ

 

เซี่ยฉิงกงผลัดเปลี่ยนเสื้อผ้าแบบที่เธอเคยใส่ไปมหาวิทยาลัย

 

เสื้อยืดสีขาว กางเกงยีนส์ รองเท้ากีฬาสีขาว ผมยาวตรงดําขลับ ใบหน้าสวยใสไร้ริ้วรอยเต็มไปด้วยรอยยิ้ม ราวกับดอกไม้งามประจํามหาวิทยาลัยที่เพิ่งจะจบการศึกษา

 

มหาวิทยาลัยที่เซี่ยฉิงกงจบการศึกษามา คือมหาวิทยาลัย เซี่ยงไฮ้ ซึ่งเป็นมหาวิทยาลัยครบวงจร และเป็นส่วนสําคัญของโครงการ 211 ซึ่งเป็นโครงการของมหาวิทยาลัย และวิทยาลัยหลักแห่งชาติในเมืองเซี่ยงไฮ้

 

เซี่ยฉิงกงเองก็ต้องใช้ความพยายามอย่างมากในการสอบ เข้ามหาวิทยาลัยแห่งนี้

 

นึกถึงตอนนั้น ตอนนั้นเธอต้องสู้อย่างสุดความสามารถ

 

เซี่ยฉิงกงเป็นคนที่มีความฉลาดเฉลียวมาตั้งแต่ยังเด็ก เพราะรู้ว่าแม่บุญธรรมต้องใช้ชีวิตอย่างยากลําบาก เธอจึงต้องขยันเรียนให้หนักขึ้น

 

เนื่องจากมหาวิทยาลัยอยู่ไม่ไกลจากคฤหาสน์มู่มากนัก ประมาณ 45 นาที รถก็ขับมาถึงที่หมาย

 

ตอนนี้แม้จะเป็นเป็นเดือนกันยายน แต่ทางตอนใต้ก็ยังคงร้อน

 

ครั้นเดินเข้าไปในมหาวิทยาลัยที่ห่างหายไปนาน เซี่ยฉิงกงก็หลับตาลงขนตายาวของเธอสันเล็กน้อย เธอสูดลมหายใจเข้าลึก 

 

จนรู้สึกได้ถึงกลิ่นดอกแมกโนเลียสีขาวจาง ๆ ที่ลอยมาปะทะปลายจมูกของเธอพร้อมด้วยกลิ่นของดินผสมกลิ่นหญ้า

 

นี่คือรสชาติของมหาวิทยาลัยที่เธอคุ้นเคยเป็นอย่างมาก คิดถึงว่าในครั้งนั้นเธอเองก็ใช้ชีวิตที่นี่นานถึง 4 ปี

 

ตอนนี้รอบ ๆ ตัวเธอเต็มไปด้วยนักเรียนที่เดินไปเดินมา พวกเขาต่างก็กําลังมองมาที่เธอทั้งสองคน

 

เดิมทีเซี่ยฉิงกงเองก็เป็นคนสวยที่ยากจะหาใครเทียบได้ ขณะที่รูปลักษณ์ของหมั่นโถวก็ดูแข็งแกร่งพร้อมปกป้องเซี่ยฉิงกงตลอดเวลา เมื่อทั้งสองคนมาเดินคู่กันในมหาวิทยาลัยก็กลายเป็นความแตกต่างที่ลงตัวอย่างเห็นได้ชัด

 

ไม่ถึงครึ่งทาง สองสาวก็ต้องหยุด เพราะวัยรุ่นที่สวมชุดกีฬาพร้อมบาสเก็ตบอลในมือ

 

“รุ่นน้อง หน้าคุ้นจังเลย เราเคยเจอกันที่ไหนหรือเปล่า ?”

 

จู่ ๆ เซี่ยฉิงกงก็ถูกทัก ขณะเดินบนทางเดินของมหาวิทยาลัยที่มีต้นไม้เรียงราย

 

แม้จะเป็นเพียงคําทักทายธรรมดา ๆ หากแต่เซี่ยฉิงกงก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะเบา ๆ

 

“รุ่นพี่ เราไม่น่าที่จะเคยเจอกันมาก่อนนะ”

 

ในขณะที่เซี่ยฉิงกงหัวเราะ นัยน์ตาของเธอก็ยิบหยี ราวกับพระจันทร์เสี้ยวสวยงาม เธอจ้องมองชายหนุ่มตรงหน้าที่มีสีหน้างุนงง

 

มหาวิทยาลัยของพวกเขามีสาวงามเช่นนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่ ? เป็นน้องใหม่ที่เพิ่งเข้าปีนี้หรือเปล่า ?

 

“โอ้..หากเราไม่เคยพบเจอกันมาก่อน เช่นนั้นตอนนี้เราก็ได้พบกันแล้ว น้องสาวเพิ่งเข้าเรียนปีนี้ล่ะสิ งั้นน้องอยากทําความรู้จักกับรุ่นพี่บ้างมั้ย..?”

 

ขณะที่เขาพูดกรงเล็บหมาป่าของเขาก็กําลังจะวางลงบนไหล่ของเซี่ยฉิงกงเพื่อแสดงความสนิทสนม

 

อย่างไรก็ตามหมั่นโถวไม่ใช่คนใจเย็นนัก อีตานี่กล้าแหย่นายหญิงน้อยของฉันงั้นหรือ ?

 

ก่อนที่กรงเล็บหมาป่าของเขาจะวางลงบนไหล่ของเซี่ยฉิงกง หมั่นโถวก็ลงมือเสียก่อนแล้ว

 

***จบตอน เยือนมหาวิทยาลัย*-*-*

แต่งก่อนค่อยอ้อนรัก

แต่งก่อนค่อยอ้อนรัก

แต่งก่อนค่อยอ้อนรัก
Status: Ongoing
โดย เรื่อง แต่งก่อนค่อยอ้อนรัก บ้างส่วนของนิยาย ณ ผับคราวน์คลับ ที่ยิ่งดึกก็ยิ่งมีชีวิตชีวา ภายในห้องส่วนตัวห้องหนึ่งที่ตกแต่งด้วยแสงสลัว และมืดทึม “โจวตัน ไอ้หัวหมูนั่นอยากร่วมมือกับฉันด้วยเรอะ ! เฮอะ เขาคงเขมือบเงินทองมากไปจนไม่ดูฐานะของตัวเองเลย ถ้าไม่ใช่เพื่อกำราบความหยิ่งยโสของตระกูลเซี่ย ฉันไม่ทางเซ็นสัญญากับไอ้หมูนั่นแน่ ?” “ตูม !” มือเล็กกดโทรศัพท์บนโต๊ะ เพื่อปิดเสียงที่บันทึกไว้ นิ้วเรียวยาวขาวละเอียดวาวอย่างคนสุขภาพผิวดี “บอสโจว คุณได้ยินแล้วใช่ไหม ?” เจ้าของมือยิ้ม ใบหน้าของโจวตันที่อยู่ฝั่งตรงข้ามเปลี่ยนเป็นสีตับหมูซึ่งเห็นได้ชัดเจนมากแม้จะอยู่ภายใต้แสงริบหรี่ “อ้อ..และนี่” เซี่ยฉิงกงจูบสัญญานั่นแล้วพับครึ่ง ก่อนจะซุกไว้บริเวณบั้นเอวภายใต้เสื้อของเธอ เครื่องแบบบริกรของผับคราวน์คลับนี่ออกจะเปิดเผยมาก จนเซี่ยฉิงกงต้องดึงขอบเสื้อบนหน้าอกของเธอขึ้นอย่างแรง แต่ก่อนที่เธอจะจัดการทุกอย่างเสร็จเรียบร้อย เธอก็รู้สึกว่าไหล่ของเธอถูกดึงขึ้น “นี่เธอ ช่วยส่งไวน์นี้ไปที่ห้อง 8069 ด้วย” ผู้จัดการเจ้ากี้เจ้าการยกแขนของเซี่ยฉิงกงแล้วยัดถาดใส่มือเธอ เซี่ยฉิงกงยักไหล่ ในเมื่อปลอมตัวเป็นบริกรก็ต้องมีจรรยาบรรณในวิชาชีพจนกว่าจะหมดหน้าที่ อย่างไรเสียที่สุดฉันก็ได้สัญญามาแล้ว เอาเป็นว่าฉันยินดีที่จะส่งไวน์ให้ก็แล้วกัน “8096 หรือ 8069 ?” เซี่ยฉิงกงคลำทางเดินไปพร้อมกับถาดที่ใส่ไวน์แดง ขณะเดียวกันก็มองผู้คนในห้องส่วนตัวเหล่านั้นอย่างระแวดระวัง เธอโทรไปที่แผนกต้อนรับ แต่สายไม่ว่างเลย เธอจึงไม่รู้ว่าห้องไหนแน่ และนั่นทำให้เซี่ยฉิงกงต้องค่อย ๆ คลำหาไปเรื่อย ๆ “ช่างมันเถอะ เลือกเอาสักห้องก็แล้วกัน !” ต่อให้เปิดประตูเข้าไปแล้วผิด ก็แค่ออกมาเท่านั้นเอง ! เมื่อนึกได้เช่นนี้ เซี่ยฉิงกงก็เคาะประตู 8069 เธอไม่ได้ยินเสียงการเคลื่อนไหวใด ๆ จึงค่อย ๆ แง้มประตูเปิดออก “อา !” แล้วเซี่ยฉิงกงก็ต้องผงะกับฉากในห้อง “ขอโทษค่ะ คุณผู้ชาย… “ แม้ว่าแสงไฟจะไม่สว่างไสวเท่าใดนัก ทว่าเซี่ยฉิงกงก็พอจะมองเห็นว่า ชายคนหนึ่งในห้องกำลังกดร่างของผู้หญิงที่เสื้อผ้าหลุดรุ่ยอยู่บนโซฟา ทันทีที่เห็นประตูเปิดออก ทั้งสองคนในห้องก็มองไปที่ประตู เซี่ยฉิงกงยังคงสามารถมองเห็นผมยาวยุ่งเหยิงของสาวงามคนนั้น ทั้งยังใบหน้าที่ดูเหมือนจะเมามายเล็กน้อย นอกจากนี้เสื้อผ้าที่แหวกลึกของเธอยังเปิดรับสายลมฤดูใบไม้ผลิมากจนน่าละอาย “หยุดอยู่ตรงนั้นแหละ !” เซี่ยฉิงกงกำลังจะปิดประตู รีบเผ่นจากไป ทว่าชายในห้องกลับห้ามเธอไว้ มู่เฉินฮ่าวปลดมือหญิงสาวที่กำลังคล้องคอของเขาไว้ เขาเหลือบตาไปมองเซี่ยฉิงกงด้วยท่าทีที่อันตราย “ไม่คาดคิดว่าจะมีพวกมาด้วย” มู่เฉินฮ่าวลุกขึ้นนั่งตัวตรง สายตาที่เขามองเซี่ยฉิงกงเต็มไปด้วยความเย็นชา “คุณผู้ชายคะ คุณเข้าใจผิด ฉันไม่รู้จักเธอเลย” เซี่ยฉิงกงรู้ดีว่าคนที่มาผับคราวน์คลับแห่งนี้ล้วนเป็นพวกเศรษฐี หรือมีอำนาจพอควร ดังนั้นเธอจึงไม่ควรสร้างปัญหาใด ๆ ที่นี่ หลังจากได้สัญญา และเสิร์ฟไวน์เรียบร้อยแล้ว เธอก็จะออกไปจากที่นี่ทันที “นั่นเธอถ่ายรูปไว้ใช่ไหม เอามานี่” เซี่ยฉิงกงเพิ่งสังเกตเห็นว่า เธอยังคงถือมือถือที่เพิ่งโทรหาแผนกต้อนรับเอาไว้ในมือข้างหนึ่ง … แย่แล้ว ! เขาคงคิดว่า เธอกำลังถ่ายภาพลามกที่พวกเขามีอะไรกันเพื่อใช้แบล็คเมล์ ดังนั้นเขาจึงมองเธอด้วยสายตาเช่นนั้น ! คนอะไรหน้าด้านชะมัด ? นี่คงลักกินขโมยกินล่ะสิท่าถึงกลัวโดนถ่ายรูป ? หน้าตาก็หล่อเหลาดี แต่กลับกินไม่เลือกเหมือนหมา ฉิงกงคิดกับตัวเอง “คุณผู้ชาย ฉันคิดว่าคุณคงเข้าใจผิด ฉันไม่ได้ถ่ายรูปคุณ” ในใจของเซี่ยฉิงกงรู้สึกขยะแขยง ทว่าเธอก็พยายามพูดอย่างใจเย็น เพราะมีรูปโป๊ของภรรยาโจวตันกับชายอื่นอยู่ในโทรศัพท์มือถือของเธอ ดังนั้นเธอจึงไม่อาจโชว์ให้เขาดูได้ มู่เฉินฮ่าวยิ่งมั่นใจว่า ผู้หญิงทั้งสองคนเป็นพวกเดียวกัน “ใครส่งเธอมา ?” น้ำเสียงของมู่เฉินฮ่าวเย็นชา ทำให้เซี่ยฉิงกงอึดอัดมาก นี่หมายความว่าไง ? แสดงว่าต่อให้เธอกระโดดลงล้างตัวที่แม่น้ำฮวงโหก็ไม่สะอาดล่ะสินะ ? (สำนวนแปลว่า แก้ตัวอย่างไรก็ฟังไม่ขึ้น) “ฉันมาเอง” เซี่ยฉิงกงเผลอตอบไปโดยไม่รู้ตัว จากนั้นก็เหลือบไปมองหญิงสาวบนโซฟาที่กำลังมองจ้องมาด้วยสายตาแปลก ๆ เธอรีบเปลี่ยนคำพูดว่า “คุณผู้ชาย คุณเห็นมั้ย ? ฉันเป็นแค่บริกรตัวเล็ก ๆ ฉันต้องรีบนำไวน์ไปเสิร์ฟห้องที่เขาสั่งไว้ !” “เลิกพูดไร้สาระ ส่งโทรศัพท์ของเธอมา” มู่เฉินฮ่าวไม่สนใจคำร้องขอความเมตตาของเธอ เขากวาดตามองเธอจากหัวจรดเท้าก่อนจะพูดต่อ เซี่ยฉิงกงพูดไม่ออกไปชั่วขณะ คน ๆ นี้ คือโจโฉกลับชาติมาเกิดหรือไง ? ท่าทางเขาแลดูน่าสงสัยมาก ถ้าจะระแวงกันถึงขนาดนี้ จะมาเที่ยวผับนี่ทำไม ? “ฉัน…” “ยังไม่ไสหัวไปอีก !” “ฉันจะไปแล้ว จะไปแล้ว … ” เซี่ยฉิงกงพยักหน้า พร้อมกับโค้งคำนับทันทีที่เธอได้ยินประโยคนี้ “ไม่ใช่เธอ” มู่เฉินฮ่าวขัดจังหวะเซี่ยฉิงกงทันที เขาเบี่ยงหน้าเล็กน้อยแววตาของเขาเย็นชาอีกทั้งน่ากลัว ผู้หญิงที่อยู่ข้าง ๆ เขาดึงขอบเสื้อเกาะอกของเธอขึ้นมาให้เข้าที่เข้าทาง ความขาวเนียนราวหิมะทำให้เซี่ยฉิงกงตาแทบค้าง “คุณชายมู่… ” ผู้หญิงคนนั้นครางชื่อเขาเบา ๆ ด้วยความเสียใจ หากแต่เธอกลัวสายตาที่เย็นชาของมู่เฉินฮ่าวมากกว่า เธอจึงไม่กล้าขัดขืนคำสั่งเขา ก่อนที่เธอจะจากไป เธอยังกวาดตามองเซี่ยฉิงกงอย่างอาฆาตมาดร้าย เซี่ยฉิงกงสับสน เธอหันไปมองมู่เฉินฮ่าวด้วยความประหลาดใจ เกิดอะไรขึ้นกันเนี่ย ? “ฉันเป็นแค่พนักงานเสิร์ฟเท่านั้น !” เซี่ยฉิงกงพยายามใจกล้ากล่าวย้ำอีกครั้ง มู่เฉินฮ่าวเยาะเย้ย “บริกรที่ผับคราวน์ก็ไม่ได้ทำหน้าที่เพียงเสิร์ฟน้ำเท่านั้นนี่” ครั้นได้ยินเขาพูดเช่นนั้น เซี่ยฉิงกงก็เข้าใจได้ทันที เธอหยิบถาดขึ้นมาด้วยความโกรธ หวังจะรีบออกไปจากห้อง ทว่าเธอก้าวออกไปได้เพียงก้าวเดียว มู่เฉินฮ่าวก็กระชากตัวเธอกลับมาอย่างแรง ไวน์แดงในถาดพลัดตกลงบนพื้นและแตกกระจาย จบกัน ฉันทำไวน์ตกแตก ไวน์นี่มีมูลค่าหลายแสนเสียด้วย ? “คุณบ้าไปแล้ว !” เซี่ยฉิงกงโกรธมาก มู่เฉินฮ่าวไม่สนใจกับความโกรธของเธอเลย เขากดร่างเซี่ยฉิงกงลงบนโซฟา ครั้นถูกกดตัวอย่างแรง เซี่ยฉิงกงก็เดือดจัด เธอยกมือขึ้นผลักอกมู่เฉินฮ่าวออก “นี่ไม่ใช่ความต้องการของเธอหรอกเหรอ ในเมื่อมาเสนอตัวถึงหน้าประตูก็อย่าโทษว่าฉันหยาบคาย” “ความต้องการของฉันงั้นรึ ? นี่คุณสมองพิการหรือเปล่า..หา..?” เซี่ยฉิงกงดิ้นรนขัดขืน ทว่ากลับถูกกดตัวไว้อย่างแน่นหนา มู่เฉินฮ่าวยกมือของเธอขึ้นเหนือศีรษะ “ปล่อยฉันนะ คนไร้ยางอาย !”

Comment

Options

not work with dark mode
Reset