แต่งก่อนค่อยอ้อนรัก – ตอนที่ 62 น็อทร์-ดามเดอปารีสไม่มีระฆัง !

เพื่อที่จะเปลี่ยนทัศนคติที่มู่เฉินฮ่าวมีต่อเธอ ฉีเหยียนเอ๋อไม่ลังเลที่จะขอร้องให้พ่อของเธอใช้ความสัมพันธ์ส่วนตัวในฐานะตระกูลที่มีชื่อเสียง ส่งเธอไปศึกษาต่อที่คณะบริหารธุรกิจของมหาวิทยาลัยแครนฟิลด์ซึ่งเป็นมหาวิทยาลัยชั้นนำของสหราชอาณาจักร

 

เธอหวังว่าทันทีที่เรียนจบ เธอจะได้กลับมาเป็นมือขวาของมู่เฉินฮ่าว จะได้ช่วยสนับสนุนหน้าที่การงานให้แก่เขา มีแต่การได้ใกล้ชิดกับเขาเท่านั้น จึงจะทำให้เธอเข้าตาเขาได้บ้าง

 

ในช่วงสามปีนับตั้งแต่เธอไปสหราชอาณาจักร ฉีเหยียนเอ๋อก็เฝ้าแต่คิดถึงมู่เฉินฮ่าว เธอหมกมุ่นอยู่แต่กับเขาอย่างบ้าคลั่ง

 

“นี่..คุณไม่ได้ไปเรียนที่อังกฤษหรอกเหรอ ?” มู่เฉินฮ่าวถามพลางเงยหน้าขึ้น

 

“ฉันคิดถึงพี่ เลยถือโอกาสลาหยุดหนึ่งเดือนเพื่อกลับมาหาพี่”

 

ฉีเหยียนเอ๋อหดมือของเธอกลับมาเหน็บปอยผมของเธอเข้าหลังกกหู พลางยิ้มอย่างอ่อนโยนให้กับมู่เฉินฮ่าว

 

“การเรียนเป็นสิ่งสำคัญ พักผ่อนเที่ยวเล่นสักสองสามวันก็ควรกลับไปเรียนต่อได้แล้ว”

 

ครั้นได้ยินคำพูดที่เฉยชาของมู่เฉินฮ่าว ฉีเหยียนเอ๋อก็รู้สึกผิดหวังเล็กน้อย นับแต่วัยเด็กท่าทีของมู่เฉินฮ่าวที่มีต่อเธอ ก็มีแต่ความเย็นชามาโดยตลอด

 

ฉีเหยียนเอ๋อคิดว่าเธอเป็นผู้หญิงที่เหมาะสมที่สุดที่จะอยู่เคียงข้างมู่เฉินฮ่าว แต่ทำไมเขาถึงไม่สนใจเธอเลย

 

โชคดีที่ตระกูลฉี และตระกูลมู่เป็นทั้งหุ้นส่วนทางธุรกิจ และเป็นทั้งเพื่อนที่ดีต่อกันมาโดยตลอด ซิงเหวินจิ้งกับแม่ของฉีเหยียนเอ๋อ จางหยูหลานก็เป็นเพื่อนร่วมชั้นเรียนมัธยมปลายที่สนิทสนมกัน

 

ด้วยเหตุนี้ฉีเหยียนเอ๋อจึงคิดเสมอว่า ภายหน้าเธอมีโอกาสอย่างมากที่จะได้แต่งงานเข้าสกุลมู่

 

“เฉินฮ่าว ลูกตื่นแล้ว”

 

ครั้นเห็นว่าลูกชายของเธอตื่นแล้ว ซิงเหวินจิ้งก็รีบลงนั่งข้างเตียง พลางกล่าวทักทายอย่างห่วงใย

 

จะอย่างไรเสียซิงเหวินจิ้งก็เป็นแม่แท้ ๆ ของมู่เฉินฮ่าว ด้วยเหตุนี้การแสดงออกของเขาจึงผ่อนคลายลงเล็กน้อย

 

“สบายดีครับ คุณแม่..กลับไปก่อนเถอะ”

 

“แม่จะทำอย่างนั้นได้อย่างไร ? แม่ยังเป็นห่วงลูกอยู่เลย แขนของลูกยังเจ็บอยู่มั้ย ?”

 

ซิงเหวินจิ้งมองผ้าพันแผลที่พันรอบแขนของมู่เฉินฮ่าว เธอเห็นเลือดยังคงไหลซึมออกมา

 

“ไม่เจ็บ”

 

หมอซูกำลังจะเข้ามารายงานการตรวจร่างกายของมู่เฉินฮ่าว หากแต่กลับเห็นว่าในห้องผู้ป่วยกำลังวุ่นวาย

 

ห้องเล็ก ๆ นั้นมีผู้คนมากมายเต็มไปหมด

 

แม้เธอจะไม่พอใจนัก หากแต่หลังจากก้าวเข้ามาในห้อง ซูเฟยก็ต้องปั้นหน้ายิ้มแย้ม พลางกล่าวทักทายทุกคน

 

“สวัสดีคุณนาย, สวัสดีคุณหนูฉี สวัสดีนายหญิงน้อย”

 

ครั้นได้ยิน ซูเฟยเรียกขานเซี่ยฉิงกงว่านายหญิงน้อย  การแสดงออกของฉีเหยียนเอ๋อก็เปลี่ยนไปทันที เมื่อเดือนที่แล้วเธอเพิ่งขอให้ใครบางคนตรวจสอบสถานการณ์ของมู่เฉินฮ่าวในประเทศจีน เธอไม่เคยได้ยินเรื่องผู้หญิงคนอื่นรอบ ๆ ตัวมู่เฉินฮ่าวเลย

 

ทำไมทุกคนในโรงพยาบาลเอกชนของสกุลมู่ถึงได้เรียกผู้หญิงคนนั้นว่านายหญิงน้อย ?

 

“พูดอะไรไร้สาระ นายหญิงน้อยอะไรกัน ? ไม่ได้ยินที่แม่บุญธรรมของฉันพูดหรือ ท่านไม่ยอมรับผู้หญิงคนนี้ว่าเป็นลูกสะใภ้สักหน่อย”

 

ฉีเหยียนเอ๋อ จ้องเซี่ยฉิงกง พลางกล่าว

 

ครั้นซูเฟยได้ยินเช่นนั้น เธอก็ได้แต่ยืนนิ่งอึ้ง เธอไม่รู้จะพูดอะไร เธอรู้สึกว่าภายในห้องนี้กำลังเต็มไปด้วยไฟแห่งสงครามอันร้อนระอุ

 

เซี่ยฉิงกงจูงหมั่นโถวไปนั่งลงบนเก้าอี้ จากนั้นก็โน้มกายลงตรวจดูใบหน้าของหมั่นโถวอย่างระมัดระวัง มือของซิงเหวินจิ้งหนักมาก ยามนี้ใบหน้าของหมั่นโถวพลันบวมเป่ง

 

ใบหน้าที่เคยสวยกลับกลายเป็นน่าขัน

 

“หากฉันไม่ใช่ลูกสะใภ้ของท่าน แล้วคุณล่ะเป็นลูกสะใภ้ของท่านแล้วหรือ ?”

 

ยามใดที่เซี่ยฉิงกงโกรธขึ้นมาจริง ๆ เธอจะไม่แสดงอาการโมโหอาละวาด หากแต่จะจะยิ่งนิ่งมากขึ้นเรื่อย ๆ

 

การที่เธอไม่พูด ไม่ได้หมายความว่าเธอจะยอมถูกรังแกอยู่ฝ่ายเดียว

 

ครั้นฉีเหยียนเอ๋อได้ยินคำถามนั้น เธอก็ผงะ ใบหน้าของเธอเปลี่ยนเป็นสีแดง เธอบิดตัว หันไปมองมู่เฉินฮ่าว

 

“เธอพูดเรื่องอะไร พี่เฉินฮ่าวกับฉันยังไม่ถึงจุดนั้นสักหน่อย”

 

เซี่ยฉิงกงหัวเราะเบา ๆ

 

“อ้อ คุณเพิ่งกลับมาจากอังกฤษใช่มั้ย ?”

 

ฉีเหยียนเอ๋อรู้สึกงง ๆ เธอพูดอย่างภาคภูมิใจว่า

 

“ฉันกำลังเรียนอยู่ที่ คณะบริหารธุรกิจซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของมหาวิทยาลัยแครนฟิลด์“

 

ครั้นไม่เห็นท่าทางตื่นเต้นของเซี่ยฉิงกง ท่าทางภาคภูมิใจของฉีเหยียนเอ๋อก็พลันชะงักไป

 

“เธอคงไม่เคยไปอังกฤษสินะ นั่นน่ะคือมหาวิทยาลัยที่ดีที่สุดในยุโรปเลยเชียว”

 

“อ้อ..มหาลัยที่ดีที่สุด งั้นคุณรู้ไหมว่าน็อทร์-ดามเดอปารีสไม่มีระฆัง ?”

 

***จบตอน น็อทร์-ดามเดอปารีสไม่มีระฆัง !***

แต่งก่อนค่อยอ้อนรัก

แต่งก่อนค่อยอ้อนรัก

แต่งก่อนค่อยอ้อนรัก
Status: Ongoing
โดย เรื่อง แต่งก่อนค่อยอ้อนรัก บ้างส่วนของนิยาย ณ ผับคราวน์คลับ ที่ยิ่งดึกก็ยิ่งมีชีวิตชีวา ภายในห้องส่วนตัวห้องหนึ่งที่ตกแต่งด้วยแสงสลัว และมืดทึม “โจวตัน ไอ้หัวหมูนั่นอยากร่วมมือกับฉันด้วยเรอะ ! เฮอะ เขาคงเขมือบเงินทองมากไปจนไม่ดูฐานะของตัวเองเลย ถ้าไม่ใช่เพื่อกำราบความหยิ่งยโสของตระกูลเซี่ย ฉันไม่ทางเซ็นสัญญากับไอ้หมูนั่นแน่ ?” “ตูม !” มือเล็กกดโทรศัพท์บนโต๊ะ เพื่อปิดเสียงที่บันทึกไว้ นิ้วเรียวยาวขาวละเอียดวาวอย่างคนสุขภาพผิวดี “บอสโจว คุณได้ยินแล้วใช่ไหม ?” เจ้าของมือยิ้ม ใบหน้าของโจวตันที่อยู่ฝั่งตรงข้ามเปลี่ยนเป็นสีตับหมูซึ่งเห็นได้ชัดเจนมากแม้จะอยู่ภายใต้แสงริบหรี่ “อ้อ..และนี่” เซี่ยฉิงกงจูบสัญญานั่นแล้วพับครึ่ง ก่อนจะซุกไว้บริเวณบั้นเอวภายใต้เสื้อของเธอ เครื่องแบบบริกรของผับคราวน์คลับนี่ออกจะเปิดเผยมาก จนเซี่ยฉิงกงต้องดึงขอบเสื้อบนหน้าอกของเธอขึ้นอย่างแรง แต่ก่อนที่เธอจะจัดการทุกอย่างเสร็จเรียบร้อย เธอก็รู้สึกว่าไหล่ของเธอถูกดึงขึ้น “นี่เธอ ช่วยส่งไวน์นี้ไปที่ห้อง 8069 ด้วย” ผู้จัดการเจ้ากี้เจ้าการยกแขนของเซี่ยฉิงกงแล้วยัดถาดใส่มือเธอ เซี่ยฉิงกงยักไหล่ ในเมื่อปลอมตัวเป็นบริกรก็ต้องมีจรรยาบรรณในวิชาชีพจนกว่าจะหมดหน้าที่ อย่างไรเสียที่สุดฉันก็ได้สัญญามาแล้ว เอาเป็นว่าฉันยินดีที่จะส่งไวน์ให้ก็แล้วกัน “8096 หรือ 8069 ?” เซี่ยฉิงกงคลำทางเดินไปพร้อมกับถาดที่ใส่ไวน์แดง ขณะเดียวกันก็มองผู้คนในห้องส่วนตัวเหล่านั้นอย่างระแวดระวัง เธอโทรไปที่แผนกต้อนรับ แต่สายไม่ว่างเลย เธอจึงไม่รู้ว่าห้องไหนแน่ และนั่นทำให้เซี่ยฉิงกงต้องค่อย ๆ คลำหาไปเรื่อย ๆ “ช่างมันเถอะ เลือกเอาสักห้องก็แล้วกัน !” ต่อให้เปิดประตูเข้าไปแล้วผิด ก็แค่ออกมาเท่านั้นเอง ! เมื่อนึกได้เช่นนี้ เซี่ยฉิงกงก็เคาะประตู 8069 เธอไม่ได้ยินเสียงการเคลื่อนไหวใด ๆ จึงค่อย ๆ แง้มประตูเปิดออก “อา !” แล้วเซี่ยฉิงกงก็ต้องผงะกับฉากในห้อง “ขอโทษค่ะ คุณผู้ชาย… “ แม้ว่าแสงไฟจะไม่สว่างไสวเท่าใดนัก ทว่าเซี่ยฉิงกงก็พอจะมองเห็นว่า ชายคนหนึ่งในห้องกำลังกดร่างของผู้หญิงที่เสื้อผ้าหลุดรุ่ยอยู่บนโซฟา ทันทีที่เห็นประตูเปิดออก ทั้งสองคนในห้องก็มองไปที่ประตู เซี่ยฉิงกงยังคงสามารถมองเห็นผมยาวยุ่งเหยิงของสาวงามคนนั้น ทั้งยังใบหน้าที่ดูเหมือนจะเมามายเล็กน้อย นอกจากนี้เสื้อผ้าที่แหวกลึกของเธอยังเปิดรับสายลมฤดูใบไม้ผลิมากจนน่าละอาย “หยุดอยู่ตรงนั้นแหละ !” เซี่ยฉิงกงกำลังจะปิดประตู รีบเผ่นจากไป ทว่าชายในห้องกลับห้ามเธอไว้ มู่เฉินฮ่าวปลดมือหญิงสาวที่กำลังคล้องคอของเขาไว้ เขาเหลือบตาไปมองเซี่ยฉิงกงด้วยท่าทีที่อันตราย “ไม่คาดคิดว่าจะมีพวกมาด้วย” มู่เฉินฮ่าวลุกขึ้นนั่งตัวตรง สายตาที่เขามองเซี่ยฉิงกงเต็มไปด้วยความเย็นชา “คุณผู้ชายคะ คุณเข้าใจผิด ฉันไม่รู้จักเธอเลย” เซี่ยฉิงกงรู้ดีว่าคนที่มาผับคราวน์คลับแห่งนี้ล้วนเป็นพวกเศรษฐี หรือมีอำนาจพอควร ดังนั้นเธอจึงไม่ควรสร้างปัญหาใด ๆ ที่นี่ หลังจากได้สัญญา และเสิร์ฟไวน์เรียบร้อยแล้ว เธอก็จะออกไปจากที่นี่ทันที “นั่นเธอถ่ายรูปไว้ใช่ไหม เอามานี่” เซี่ยฉิงกงเพิ่งสังเกตเห็นว่า เธอยังคงถือมือถือที่เพิ่งโทรหาแผนกต้อนรับเอาไว้ในมือข้างหนึ่ง … แย่แล้ว ! เขาคงคิดว่า เธอกำลังถ่ายภาพลามกที่พวกเขามีอะไรกันเพื่อใช้แบล็คเมล์ ดังนั้นเขาจึงมองเธอด้วยสายตาเช่นนั้น ! คนอะไรหน้าด้านชะมัด ? นี่คงลักกินขโมยกินล่ะสิท่าถึงกลัวโดนถ่ายรูป ? หน้าตาก็หล่อเหลาดี แต่กลับกินไม่เลือกเหมือนหมา ฉิงกงคิดกับตัวเอง “คุณผู้ชาย ฉันคิดว่าคุณคงเข้าใจผิด ฉันไม่ได้ถ่ายรูปคุณ” ในใจของเซี่ยฉิงกงรู้สึกขยะแขยง ทว่าเธอก็พยายามพูดอย่างใจเย็น เพราะมีรูปโป๊ของภรรยาโจวตันกับชายอื่นอยู่ในโทรศัพท์มือถือของเธอ ดังนั้นเธอจึงไม่อาจโชว์ให้เขาดูได้ มู่เฉินฮ่าวยิ่งมั่นใจว่า ผู้หญิงทั้งสองคนเป็นพวกเดียวกัน “ใครส่งเธอมา ?” น้ำเสียงของมู่เฉินฮ่าวเย็นชา ทำให้เซี่ยฉิงกงอึดอัดมาก นี่หมายความว่าไง ? แสดงว่าต่อให้เธอกระโดดลงล้างตัวที่แม่น้ำฮวงโหก็ไม่สะอาดล่ะสินะ ? (สำนวนแปลว่า แก้ตัวอย่างไรก็ฟังไม่ขึ้น) “ฉันมาเอง” เซี่ยฉิงกงเผลอตอบไปโดยไม่รู้ตัว จากนั้นก็เหลือบไปมองหญิงสาวบนโซฟาที่กำลังมองจ้องมาด้วยสายตาแปลก ๆ เธอรีบเปลี่ยนคำพูดว่า “คุณผู้ชาย คุณเห็นมั้ย ? ฉันเป็นแค่บริกรตัวเล็ก ๆ ฉันต้องรีบนำไวน์ไปเสิร์ฟห้องที่เขาสั่งไว้ !” “เลิกพูดไร้สาระ ส่งโทรศัพท์ของเธอมา” มู่เฉินฮ่าวไม่สนใจคำร้องขอความเมตตาของเธอ เขากวาดตามองเธอจากหัวจรดเท้าก่อนจะพูดต่อ เซี่ยฉิงกงพูดไม่ออกไปชั่วขณะ คน ๆ นี้ คือโจโฉกลับชาติมาเกิดหรือไง ? ท่าทางเขาแลดูน่าสงสัยมาก ถ้าจะระแวงกันถึงขนาดนี้ จะมาเที่ยวผับนี่ทำไม ? “ฉัน…” “ยังไม่ไสหัวไปอีก !” “ฉันจะไปแล้ว จะไปแล้ว … ” เซี่ยฉิงกงพยักหน้า พร้อมกับโค้งคำนับทันทีที่เธอได้ยินประโยคนี้ “ไม่ใช่เธอ” มู่เฉินฮ่าวขัดจังหวะเซี่ยฉิงกงทันที เขาเบี่ยงหน้าเล็กน้อยแววตาของเขาเย็นชาอีกทั้งน่ากลัว ผู้หญิงที่อยู่ข้าง ๆ เขาดึงขอบเสื้อเกาะอกของเธอขึ้นมาให้เข้าที่เข้าทาง ความขาวเนียนราวหิมะทำให้เซี่ยฉิงกงตาแทบค้าง “คุณชายมู่… ” ผู้หญิงคนนั้นครางชื่อเขาเบา ๆ ด้วยความเสียใจ หากแต่เธอกลัวสายตาที่เย็นชาของมู่เฉินฮ่าวมากกว่า เธอจึงไม่กล้าขัดขืนคำสั่งเขา ก่อนที่เธอจะจากไป เธอยังกวาดตามองเซี่ยฉิงกงอย่างอาฆาตมาดร้าย เซี่ยฉิงกงสับสน เธอหันไปมองมู่เฉินฮ่าวด้วยความประหลาดใจ เกิดอะไรขึ้นกันเนี่ย ? “ฉันเป็นแค่พนักงานเสิร์ฟเท่านั้น !” เซี่ยฉิงกงพยายามใจกล้ากล่าวย้ำอีกครั้ง มู่เฉินฮ่าวเยาะเย้ย “บริกรที่ผับคราวน์ก็ไม่ได้ทำหน้าที่เพียงเสิร์ฟน้ำเท่านั้นนี่” ครั้นได้ยินเขาพูดเช่นนั้น เซี่ยฉิงกงก็เข้าใจได้ทันที เธอหยิบถาดขึ้นมาด้วยความโกรธ หวังจะรีบออกไปจากห้อง ทว่าเธอก้าวออกไปได้เพียงก้าวเดียว มู่เฉินฮ่าวก็กระชากตัวเธอกลับมาอย่างแรง ไวน์แดงในถาดพลัดตกลงบนพื้นและแตกกระจาย จบกัน ฉันทำไวน์ตกแตก ไวน์นี่มีมูลค่าหลายแสนเสียด้วย ? “คุณบ้าไปแล้ว !” เซี่ยฉิงกงโกรธมาก มู่เฉินฮ่าวไม่สนใจกับความโกรธของเธอเลย เขากดร่างเซี่ยฉิงกงลงบนโซฟา ครั้นถูกกดตัวอย่างแรง เซี่ยฉิงกงก็เดือดจัด เธอยกมือขึ้นผลักอกมู่เฉินฮ่าวออก “นี่ไม่ใช่ความต้องการของเธอหรอกเหรอ ในเมื่อมาเสนอตัวถึงหน้าประตูก็อย่าโทษว่าฉันหยาบคาย” “ความต้องการของฉันงั้นรึ ? นี่คุณสมองพิการหรือเปล่า..หา..?” เซี่ยฉิงกงดิ้นรนขัดขืน ทว่ากลับถูกกดตัวไว้อย่างแน่นหนา มู่เฉินฮ่าวยกมือของเธอขึ้นเหนือศีรษะ “ปล่อยฉันนะ คนไร้ยางอาย !”

Comment

Options

not work with dark mode
Reset