มุกดามองชลธีอยู่อยากบอกเรื่องคืนวันแต่งงานของตนเองกับเขาให้ชัดเจน เธอเป็นคนที่หัวโบราณมาก เกิดเรื่องราวแบบนี้ขึ้นแล้ว ถึงแม้เธอจะไม่อยากพูดถึงมาโดยตลอด แต่ว่านั่นก็เป็นรอยแผลเป็นในใจเธอมาตลอด
“อดีตที่มืดหม่น? คืออะไร?” ชั่วขณะนั้นชลธีประหม่าขึ้นมาแล้ว เขามั่นใจในเรื่องราวชีวิตตั้งแต่เกิดของมุกดาทั้งหมดแล้ว หรือว่ายังมีเรื่องราวอะไรที่เขาไม่รู้อีก?
“อะแฮ่ม คือว่าแบบนี้ ฉัน ฉัน……” เดิมทีมุกดาเตรียมพร้อมไว้แล้ว แต่ตอนที่ต้องพูดออกมาจริงๆ ยังรู้สึกเศร้าใจอยู่เล็กน้อย
“คืนวันแต่งงานฉัน……” สีหน้าของมุกดาไม่ได้ดูดีมากเท่าไรนัก เรื่องนี้คือจุดด่างพร้อยชั่วชีวิตของเธอ
“ช่างเถอะ คุณไม่อยากพูดก็ไม่ต้องพูดแล้ว เรื่องพวกนั้นไม่ได้สำคัญแล้ว ที่สำคัญคือตอนนี้คุณมีชีวิตที่ดีก็พอแล้ว” ชลธีที่เป็นคนฉลาดจึงรู้ว่ามุกดาอยากพูดอะไร
เขาขัดจังหวะมุกดาแล้ว ไม่ให้เธอพูดต่อไป
ประธานชลธีผู้น่าเกรงขาม คงไม่สามารถพูดกับมุกดาได้ว่า ขอโทษนะ คืนวันแต่งงานของเธอถูกฉันทำแบบนั้นไปแล้ว
มุกดาเงยหน้ามองชลธี ตอนนั้นเป็นเพราะอาการป่วยของบิดาไม่สามารถยืดต่อไปได้ ดังนั้นเธอจึงไม่ได้บอกอะไรกับชลธี จะว่าไปแล้วก็แค่สัญญาสองปีเอง
แต่ว่าตอนนี้ไม่เหมือนกัน เธอตั้งครรภ์แล้ว
“ประธานชลธีคะ ไม่ว่าต่อไปเป็นอย่างไร ฉันอยากบอกอะไรคุณไว้สักหน่อย ฉันจะไม่ไปจากลูกของฉันแน่นอน ต่อให้หย่ากัน ฉันก็ไม่ต้องการอะไรทั้งนั้นนอกจากลูก” มุกดาพูดความในใจของตนเองออกมา หากไม่มีลูก เธอคงไม่อาจไปได้อย่างอิสระไร้กังวล ตอนที่ชลธีไม่รู้ตัว เขาได้เข้าไปอยู่ในใจของเธอแล้ว
ถ้ามีลูก แล้วตระกูลสุวรรณเลิศไม่ให้เธอนำลูกไปด้วย งั้นเธอจะทำอย่างไร
“คุณมองผมแบบนี้เหรอ?” ชลธีเห็นมุกดาทำหน้ายืนหยัด นี่หมายความว่าอย่างไรกัน? ตนเองยังไม่ได้พูดอะไรเลยนะ เธอก็คิดว่าเขาจะให้เธอกับลูกแยกจากกันแล้วเหรอ?
“ประธานชลธี งั้นคุณจะรับปากคำขอหนึ่งกับฉันได้หรือไม่ อย่าให้คนที่ตระกูลสุวรรณเลิศรู้เรื่องนี้ชั่วคราวได้ไหม?” มุกดาคิดแบบนี้ ถ้านีรชารู้ว่าตนเองตั้งครรภ์ ต้องให้ตนเองกลับไปพักอยู่ที่คฤหาสน์ของตระกูลสุวรรณเลิศแน่นอน แต่ว่าสถานะตอนนี้ของเธอน่ากระอักกระอ่วนมาก
“ทำไม?” หรือว่าตั้งท้องลูกของเขามันน่าอายมาก? ชลธีรู้สึกว่ามุกดาตั้งท้องลูกของตนเองแล้วดูเปลี่ยนเป็นแปลกประหลาดไปหมด
“ถ้าแม่ของคุณรู้ จะต้องให้ฉันกลับไปอยู่ที่คฤหาสน์ คุณคิดว่าสถานะนี้ของฉันเหมาะจะกลับไปเหรอ?” มุกดาไม่ได้ไร้เหตุผล บอกความกังวลใจของตนเองออกมา
แน่นอนว่าชลธีเองก็ไม่อยากให้มุกดากลับไปที่คฤหาสน์นั้น ที่คฤหาสน์ยังมีพี่ชายต่างมารดาสองคนของตนเองอยู่ด้วย
คุณปู่บอกแล้วว่าถ้าใครมีลูกก่อน ไม่ว่าผู้หญิงหรือผู้ชาย ต่อไปล้วนเป็นหลานคนโตของตระกูลสุวรรณเลิศ นั่นก็คือต้องสืบทอดทรัพย์สมบัติของตระกูลสุวรรณเลิศ ถึงแม้ว่าพี่ชายทั้งสองคนจะจ้องเขมือบตนเอง แต่ก็ไม่มีทางทำอะไรตนเองได้ เขาไม่อยากให้มุกดาและลูกของตนเองได้รับบาดเจ็บด้วย
ดังนั้นชลธีจึงไม่คิดจะให้มุกดาไปประสบพบเจอกับอันตราย
“ก็ใช่ ผมคิดว่าไม่เหมาะจะกลับไปเหมือนกัน อยู่ที่นี่ดีมากแล้ว” ชลธีพยักหน้า เขาไปหานักโภชนาการที่เชี่ยวชาญมาหลายคน ดูแลโภชนาการช่วงตั้งครรภ์ของมุกดาให้เข้มข้นขึ้น
มุกดาได้ยินคำพูดของชลธีกลับรู้สึกผิดหวังอยู่ในใจนิดหน่อย ดูสิ เขาไม่คิดจะให้ตนเองกลับไปเลย แม้แต่ความเกรงใจยังไม่เกรงใจสักนิด ยังดีที่ตนเองก็ไม่ได้คิดจะกลับไปเช่นกัน
สิ่งที่ควรพูดก็พูดไปหมดแล้ว ชลธีและมุกดาจมสู่ความเงียบอีกครั้ง
“ไปเถอะ ผมจะส่งคุณกลับไปก่อน คุณพักผ่อนดีๆ สักหน่อยเถอะนะ” ชลธีทำลายความเงียบสงบลง เขาประคองมุกดาไว้
“ฉันเดินเองได้ค่ะ” มุกดาขยับตัวไปอีกด้านหนึ่ง เธอไม่อยากให้คนอื่นมองเห็นเธอกับชลธีใกล้ชิดกันเกินไป
ทั้งสองคนจมสู่ความเงียบงันอีกครั้ง ชลธีเดินอยู่ข้างหน้า มุกดาเดินตามมาข้างหลัง ทั้งสองคนคนหนึ่งอยู่ข้างหน้าคนหนึ่งอยู่ข้างหลังเดินออกจากโรงพยาบาลไป
ระหว่างทางทั้งสองคนไม่ได้พูดอะไรกัน ชลธีพามุกดากลับมาส่งที่บ้าน บอกรายการที่ต้องระวังกับนัทธ์แล้ว เขาจึงออกไป
“คุณมุก นี่คือซุปรังนก คุณดื่มแล้วนอนพักสักหน่อย ส่วนข้าวยังต้องรออีกสักครู่ถึงจะเสร็จครับ” นัทธ์ยกซุปรังนกเดินเข้ามาแล้ว
“ค่ะ ลุงนัทธ์ ลุงวางไว้ก่อนเถอะค่ะ เดี๋ยวฉันค่อยดื่ม” มุกดาเห็นว่าตนเองมีแปลงานอีกหน่อยถึงจะเสร็จ จึงบอกกับนัทธ์ไว้
“งั้นผมรอคุณดีกว่าครับ คุณดื่มหมดแล้วผมจะได้เอาถ้วยลงไปด้วย” นัทธ์ตอบกลับ แล้วยืนรอมุกดาอยู่ด้านข้าง
มุกดาเห็นลุงนัทธ์กำลังรออยู่ เกรงใจว่าจะเสียเวลา จึงยกซุปรังนกขึ้นมาดื่มแล้ว
พอรู้ว่าตนเองตั้งท้อง มุกดาไม่รู้ว่าอารมณ์ของตนเองเป็นอย่างไรบ้าง มีทั้งดีใจและกังวลใจ สิ่งที่เธอกลัวมากที่สุดคือตอนที่หย่าร้าง ชลธีคงจะแย่งลูกไป
“คุณนายคะ นี่คือซุปไก่ ต้มมาหลายชั่วโมงแล้วค่ะ คุณดื่มเถอะนะคะ” ไม่นานนักก็มีผู้หญิงคนหนึ่งยกซุปไก่ถ้วยหนึ่งขึ้นมาแล้ว
มุกดาแน่ใจว่าในคฤหาสน์ที่ตนเองอยู่ไม่เคยเจอผู้หญิงคนนี้
เห็นมุกดาสำรวจตนเองอย่างละเอียด ผู้หญิงคนนั้นรีบแนะนำตัวทันที “อ่อ คุณนายคะ ฉันคือนักโภชนาการที่มาใหม่ค่ะ ฉันชื่อมณฑิดาค่ะ”
นักโภชนาการ? ในบ้านยังจ้างนักโภชนาการมาแล้ว แต่ว่าในบ้านล้วนเป็นชลธีที่ตัดสินใจ ชอบจ้างก็จ้างเถอะ
แต่ว่าเมื่อสักครู่ตนเองเพิ่งดื่มซุปรังนกไป นี่เป็นซุปไก่อีก อีกเดี๋ยวยังต้องกินข้าวเย็น ท้องนี้จะจุเข้าไปได้อย่างไร
“เดี๋ยวฉันค่อยดื่มได้หรือเปล่าคะ ฉันเพิ่งดื่มซุปรังนกไป” มุกดาเห็นมณฑิดาทำหน้ารอคอย และรู้สึกเกรงใจอยู่บ้างที่ต้องขัดใจหล่อนแล้ว แต่ว่าท้องของตนเองเหมือนจะต่อต้านหน่อยๆ
“คุณนายคะ คุณสามารถดื่มได้ค่ะ ความมันของซุปไก่นี้ฉันจัดการเรียบร้อยแล้ว เวลาดื่มไม่มีรสชาติมันอะไรเด็ดขาด จะไม่ทำให้คุณไม่สบายแน่นอนค่ะ” มณฑิดาฉลาดมาก หล่อนรู้ถึงความกังวลของมุกดาแล้ว
“งั้นก็ได้” มุกดารู้สึกว่าช่วงนี้ตนเองต้องกินของที่มีน้ำมันไม่ลงจริงๆ
หลังจากรับซุปไก่เข้ามา มุกดาดมกลิ่นแล้ว ยังเป็นจริงด้วย นอกจากกลิ่นหอมของซุปไก่ ไม่มีความมันเลี่ยนสักนิด
เธอดื่มซุปไก่ลงไปแล้ว ยังดีที่ไม่อาการคลื่นไส้อาเจียนอะไร
เห็นมุกดาดื่มซุปไก่แล้ว มณฑิดาถึงออกไป คุณชายมอบหมายไว้ว่าจะต้องดูแลคุณนายเป็นอย่างดี
“คุณนายคะ ทานผลไม้สักหน่อยดีกว่าค่ะ เพิ่งส่งมาถึงเลย สดใหม่มากค่ะ” มีผู้หญิงแปลกหน้าอีกคนหนึ่งมาด้านในห้องของมุกดาแล้ว
“คุณนายคะ ฉันชื่อภัคญาค่ะ นักโภชนาการที่มาใหม่” ภัคญาเห็นมุกดามองตนเองอยู่ จึงรีบแนะนำตัวเองทันที
มุกดาหมดคำจะพูด นี่เพิ่งจะรู้ว่าตนเองตั้งท้องเอง ไม่มีความจำเป็นต้องทำใหญ่โตขนาดนั้นมั้ง นักโภชนาการก็จ้างมา แถมยังป้อนของกินมาให้ตนเองไม่หยุด อยากเลี้ยงตนเองให้เป็นหมูหรือไง?
“วางไว้เถอะ ตอนนี้ฉันมีธุระนิดหน่อย เดี๋ยวจะกิน” มุกดาไม่ได้พูดอะไรกับภัคญา แต่ว่าหลังจากที่ภัคญาเดินออกไป เธอก็โทรศัพท์หาชลธีแล้ว
ทั้งสองคนอยู่ด้วยกันมาหลายเดือน เป็นครั้งแรกที่มุกดาโทรศัพท์หาชลธี
“ฮัลโหล มุกเหรอ มีเรื่องอะไร?” สำหรับการที่มุกดาโทรศัพท์มาหาตนเอง ชลธีรู้สึกตื่นเต้นมาก ในที่สุดเธอก็โทรศัพท์มาหาแล้ว