“หงุดหงิด หงุดหงิด” วรรณวิมลกลับไปที่ห้องของตัวเอง ก็ได้โยนกำไลหยกเน่าๆที่ย่านิ่มให้ไปบนพื้นพรม แล้วก็ได้ใช้เท้าเหยียบไปกี่ที
“เป็นอะไรไปที่รักของผม ใครทำให้เธออารมณ์ไม่ดี?” ธีร์ธวัชลากวรรณวิมลมา กอดเธอเข้าในอ้อมกอดของตัวเอง
“คนในครอบครัวของคุณน่าโมโหจริงๆ ฉันเป็นสะใภ้ที่แต่งเข้าบ้านเป็นคนแรกแท้ๆ แต่ว่าแม่เลี้ยงคนนั้นของคุณได้เอากำไลหยกที่แสดงถึงตำแหน่งคุณหญิงในบ้านให้กับมุกดา แล้วก็คุณย่าอะไรของคุณ เอากำไลหยกที่รักนักหนาขยะนี่ให้ฉัน นี่อยากเห็นฉันเป็นตัวตลกเหรอ?” วรรณวิมลก็ได้กำหมัดขึ้นแล้วก็ทุบไปที่อกของธีร์ธวัช
“อะไรนะ กำไลหยกที่แสดงถึงตำแหน่งคุณหญิงในบ้านให้มุกดาแล้ว? นี่มันก็เกินไปจริงๆ ถึงว่าทำไมเธอถึงโมโห” ในใจของธีร์ธวัชก็โมโหพอสมควร บอกว่าแย่งอยากยุติธรรมไม่ใช่เหรอ? นี่มันยังยุติธรรมตรงไหนอีก กำไลหยกที่แสดงถึงตำแหน่งคุณหญิงในบ้านเป็นของที่ตกทอดกันมาหลายร้อยปีแล้ว บอกว่าให้ใครก็ให้ใครไป พวกเขานั้นไม่รู้เลยสักนิด
“ใช่นะสิคะ คุณดูกำไลโง่ๆอันนี้ เอามันออกห่างๆฉัน ฉันไม่อยากที่จะเห็นมันแล้ว” วรรณวิมลก็ได้เตะกำไลหยกไปอีกรอบ
ธีร์ธวัชก็ได้เก็บกำไลหยกที่คุณย่าให้ขึ้นมาย่านิ่ม มองไปสักพัก ถึงแม้ว่าไม่ได้มีราคาเท่ากันกำไลหยกที่แสดงถึงตำแหน่งคุณหญิงในบ้าน แต่ว่าก็มีราคาหลายแสนเหมือนกัน
“กำไลหยกอันนี้ก็โอเคเหมือนกัน มองสีหยกแล้วไม่เลว” ธีร์ธวัชก็ได้ปลอบใจภรรยาของตัวเอง
“เอาออกไป ไม่ต้องเอามันมาอยู่ตรงหน้าฉัน ถึงแม้ว่าบุญเยี่ยมกรุ๊ปของพวกเราล้มละลายแล้ว ก็ไม่สามารถที่จะเอาของขยะแบบนี้มาล้อเล่นกับฉันนะ” วรรณวิมลก็ได้ดันมือที่ถือกำไลหยกของธีร์ธวัชออกไป กำไลหยกอันนั้นก็ได้ตกไปบนพื้นอีกครั้ง
“ก็ได้ ก็ได้ พวกเราไม่ดูแล้ว ไม่ดูแล้ว” ธีร์ธวัชก็ได้เก็บเอากำไลขึ้นมาอีกครั้ง แล้วเอาไปไว้ที่อื่น เขาได้อุ้มวรรณวิมลแล้วก็ขึ้นไปบนเตียง
“ฮ่าๆๆๆๆ มุก เธอมองท่าทางของวรรณวิมล ท่าทางหงุดหงิดสุดๆจริงไหม? ฮ่าๆๆๆ น่าขำชะมัด” โธรณีก็ได้ลากตัวมุกดา แล้วก็หัวเราะด้วยความดีใจอย่างบ้าคลั่ง
“เธอนี่นะ จริงๆเลย น่าขำขนาดนั้นเลยเหรอ? เธอดูเธอขำจนตีนกาออกมาแล้ว” มุกดาก็ได้จับหน้าของโธรณี พูดว่าเธอไปคำ ตามคาดโธรณีก็ได้รีบหยุดขำทันที
“จริงเหรอ ฉันก็รู้สึกว่าผิวของฉันไม่ดีเหมือนเธอ” โธรณีก็ได้รีบเอามือของตัวเองไปจับหน้าของตน
“เปล่าหน่า ฉันล้อเธอเล่น ไปล่ะ คุณแม่ยังรอพวกเราอยู่นะ” ออกมาจากห้องของย่านิ่ม มุกดาก็ถูกโธรณีลากไปที่ที่เงียบไม่มีคน รอให้เธอหัวเราะจนเสร็จ
“อ้อ จริงด้วย ฉันลืมไปเลยว่าคุณแม่ยังรอพวกเราอยู่” โธรณีก็ได้ตามมุกดาไปหานีรชา
ย่านิ่มคนนี้ถึงว่าไม่ชอบมุกดาเอามากๆ แต่ว่ามุกดาก็ไม่ได้แคร์มากเท่าไหร่ ยังไงซะตอนกลางวันตัวเองยังต้องทำงาน ตอนกลับมาตอนกลางคืนก็ได้เห็นแค่แป๊บเดียว แต่ว่าสงสารนีรชา
นีรชาก็ได้รอมุกดากับโธรณีนานมากแล้ว เธอกลัวว่าลูกๆของตัวเองนั้นจะลำบาก ย่านิ่มคนนั้นก็ได้คอยหาเรื่องเธออยู่ตลอด กับลูกๆของเธอก็ต้องไม่มีทางท่าที่ดีให้แน่ๆ โดยเฉพาะมุกดา
“แม่คะ พวกเรากลับมาแล้ว” โธรณีกับมุกดาก็ได้จูงมือพากับกลับมา เธอเห็นนีรชาก็ได้พุ่งเข้าไป กอดนีรชาแล้วก็หอมแก้มไปที
“เป็นยังไง คุณย่าของลูกไม่ได้ทำให้พวกลูกลำบากใจใช่ไหม?” นีรชาเห็นว่าเด็กสองคนก็มีสีหน้าที่ปกติดี
“จะไม่มีได้ยังไงคะ? หนูกับมุกได้ช่วยเธอปูที่นอนบ้างอะไรบ้าง เหนื่อยจะตายอยู่แล้ว เธอกลับลากพี่สะใภ้รองไว้ แล้วก็พูดพี่สะใภ้รองว่าเก่งไปทุกอย่าง เชื่อฟังที่สุด แล้วก็ยังเอากำไลให้พี่สะใภ้รอง” โธรณีก็ได้ไปฟ้องเรื่องนี้กับนีรชา
“อ้อ? ย่าของลูกก็มีเงินนี่นา ให้ของก็ให้กำไลไปเลย” นีรชาก็ได้รู้สึกขำในใจ นี่มาอวดรวยที่ตระกูลสุวรรณเลิศคฤหาสน์ตระกูลสุวรรณเลิศเหรอ? ตระกูลสุวรรณเลิศในพระนครแล้วก็ตระกูลเมตโสมในเมืองหลิงสุขต่างเป็นตระกูลเศรษฐีประจำถิ่นเหมือนกัน นี่ก็ได้มาขายมีดดาบต่อหน้ากวนอูเหรอ
“ใช่ค่ะ หนูทนมองท่าทีที่ได้ใจของพี่สะใภ้รองไม่ไหว หนูก็ได้ถามมุก ว่าทำไมไม่ใส่กำไลหยกออกมา ทำเอาพี่สะใภ้รองโมโหจนหน้าดำไปเลย สีหน้าแบบนั้น ทำเอาหนูขำแทบตาย” โธรณีคิดถึงสีหน้าของวรรณวิมล ตัวเองก็รู้สึกสะใจเอามากๆ
“จริงด้วย มุก หนูไม่ได้ทำอะไรก็เอากำไลหยกที่แม่ให้ออกมาใส่ พูดเหมือนว่าตระกูลสุวรรณเลิศของพวกเราไม่มีกำไลหยกยังไงอย่างงั้น” นีรชาก็รู้สึกสะใจ คุณหญิงท่านยังมาอวดรวยที่นี่ น่าตลกจริงๆ
“แม่คะ หนูรู้สึกว่ามันไม่ค่อยดีเท่าไหร่ หนูใส่แล้วก็กลัวทำมันเสีย” มุกดาพูดออกไปอย่างกังวล กำไลหยกของเธอดูแล้วสวยเอามากๆ เธอทำใจที่จะใส่ไม่ได้
“ไม่เป็นไร มันไม่ได้เสียง่ายขนาดนั้น เราใส่มันเถอะ” นีรชาก็อยากที่จะเอาคืนเหมือนกัน ลูกสะใภ้ของตัวเองจะไม่แย่กว่าลูกสะใภ้ของคนอื่นไม่ได้!
เถียงสองแม่ลูกไม่ไหว มุกดาก็รับปากว่าตั้งแต่พรุ่งนี้ไปก็จะใส่กำไลหยก
อาหารก็ได้เตรียมเสร็จหมดแล้ว ชุติภาสก็ได้ให้วรรณวิมลไปเชิญย่านิ่มมาทานข้าว
ทั้งครอบครัวก็ได้รวมตัวกันที่ห้องทานข้าว ดูแล้วบรรยากาศคึกคักมากๆ
คนในบ้านครอบครัวลูกคนที่สองจตุวิทย์ก็มีไม่มาก ก็แค่สองสามีภรรยาแล้วก็ลูกสาวลูกชายอย่างละคน คนของครอบครัวลูกคนโตชุติภาสถือว่าเยอะเลยล่ะ นั่งไปมากกว่าครึ่งโต๊ะเลยทีเดียว
ถึงแม้ว่าย่านิ่มไม่ชอบนีรชา แต่ว่าไม่ชอบภรรยาของลูกคนรองจตุวิทย์มากกว่า สายตาของคุณหญิงท่านเห็นแก่อำนาจมากๆ ถึงแม้ว่าเธอไม่ชอบนีรชา แต่ว่าบ้านของนีรชารวย
แต่ว่าสะใภ้ของครอบครัวลูกคนรอง ไม่มีทั้งเงิน ยังใช้เงินเก่ง หน้าตาก็ไม่ได้สวย ปากยังไม่หวาน เพราะงั้นย่านิ่มแทบที่จะไม่มีอะไรจะคุยกับสะใภ้ครอบครัวลูกคนรองเลย
อาหารบนโต๊ะทั้งหมดเป็นนีรชาเป็นคนจัดเตรียม เหมาะกับทุกคน ด้านนี้นีรชาถือว่าทำได้รอบคอบพอสมควร
ย่านิ่มกับปู่ปรัณนั่งอยู่ด้วยกัน และก็เป็นตอนนี้ ที่พวกเขาทั้งสองได้เจอหน้ากัน
“นี่มันกับข้าวอะไรเนี่ย เค็มจัง” ย่านิ่มทานปลากะตักผัดไข่ไปคำ จากนั้นก็ได้บ่นออกมา
แล้วก็กินเนื้อไปอีกชิ้นหนึ่ง ก็ได้บอกว่ามันเกินไป ก็แบบเธอนั้นได้กินไปทีละคำทีละคำ แล้วก็บ่นออกมาพร้อมกับทุกๆคำที่ได้กิน
ทำให้ปู่ปรัณทนฟังไม่ไหว
“เธอไม่อยากกินก็ไม่ต้องกิน พูดไร้สาระอะไรเยอะขนาดนี่ ฉันรู้สึกว่ามันอร่อยดี จัดเตรียมได้ดีมากๆ” ปู่ปรัณก็ได้ต่อว่าย่านิ่ม
พอย่านิ่มได้ยินสามีของตัวเองพูดแล้ว เธอก็ได้หยุดพูดไปเลย แต่ว่าสีหน้าก็ไม่ได้ดีนัก
“แม่ครับ อาจเป็นเพราะว่าแม่ไม่ได้ทานอาหารที่บ้านเราทานนานไป เพราะงั้นก็ไม่ชินเล็กน้อย ทั้งบ้านเรานั้นบัวเป็นคนจัดเตรียมอาหารทุกวัน ก็ต่างรู้สึกว่าอร่อยมากๆ” เวลานี้ชุติภาสก็ได้ออกตัวมาช่วยภรรยาของตัวเอง
จุดยืนในบ้านของผู้หญิงคนหนึ่ง คนอื่นมาให้ไม่ได้ คนที่เป็นตัวสำคัญที่สุดก็เป็นสามีของตัวเอง
“ฉันพูดอะไรไป ฉันก็แค่พูดไปคำเดียว พวกเธอก็ต่างมาว่าฉัน รังเกียจฉันเหรอ? ฉันเป็นยายแก่ที่มาจากชนบท ไม่ชินกับการกินอาหารในเมืองของพวกเธอ? หือ? จริงๆเลย ผัวไม่ชอบ ลูกชายก็ไม่ชอบ ฉันไม่กินแล้ว!” ย่านิ่มฟังที่ชุติภาสพูดจบ เธอก็ได้โยนตะเกียบ “กึ้ง” ไปบนโต๊ะไปที ลุกขึ้นมาอย่างโมโห