สันติภพไปคุยโทรศัพท์แล้วเดินมา จากนั้นก็พูดกับมุกดาว่า ประธานของบริษัทศักดิ์พรเชิญเธอไปหาเขา
สันติภพเขียนที่อยู่ไว้บนกระดาษ มอบให้มุกดา
“มุก หากเธอจะลาออก ควรจะบอกประธานด้วยตัวเอง ไม่ว่ายังไงประธานของพวกพี่ก็ถูกใจในตัวเธอมาก”
“ได้ค่ะ ฉันก็จะได้ไปขอบคุณประธานของพวกพี่ด้วยตัวเองพอดี” มุกดาครุ่นคิดไปสักพักก็รู้สึกว่าถูก ถึงแม้ว่าจะไม่เคยเจอประธานของบริษัทศักดิ์พรนี้เลย ทว่าก็ได้ช่วยตัวเองไว้ในตอนนี้ที่ตัวเองลำบากที่สุดจริงๆ
มุกดาบอกลากับสันติภพ จากนั้นก็มาถึงโรงน้ำชาตามที่อยู่ที่สันติภพให้มา
มาถึงห้องส่วนตัวที่นัดไว้แล้ว ประธานยังมาไม่ถึง มุกดาจึงสั่งน้ำอุ่นไปหนึ่งแก้ว ดื่มไปพร้อมรอไป
หลังจากผ่านไปสิบนาที ประตูของห้องถูกผลักออก มุกดารีบลุกขึ้น มองไปทางหน้าประตู
ใบหน้าที่หล่อเหลา ใบหน้าที่อ่อนโยนสง่างามดุจหยกอันล้ำค่าปรากฏอยู่ที่หน้าประตูแล้ว ใบหน้าใบนี้แหละ ทำให้ปากของมุกดาเกือบปิดไม่ลง
“พี่ประวีร์?”
“มุก โทษทีนะ ระหว่างทางรถค่อนข้างติด ตอนแรกพี่ว่าจะพี่จะมาถึงก่อน ปรากฏว่ายังให้เธอรอพี่ด้วย ขอโทษจริงๆ” ประวีร์ขอโทษกับมุกดา
มุกดายังไม่ทันได้สติขึ้นมาจากการตกตะลึงในชั่วครู่ชั่วยาม เธอก็ว่าทำไมประธานท่านนี้ถึงถูกใจในตัวเธอขนาดนี้ ยังให้เงื่อนไขที่ดีขนาดนี้ ที่แท้ก็คือพี่ประวีร์นี่เอง การอธิบายทั้งหมดต่างก็สมเหตุสมผลแล้ว ก็คือในตอนที่ตัวเองลำบาก พี่ประวีร์ยื่นมือออกมาช่วยเหลือตัวเองไว้
“นั่ง นั่ง ทำไมถึงดื่มแค่น้ำอุ่นล่ะ ฉันจำได้ว่าเธอชอบดื่มชามากนิ ดังนั้นถึงได้จองโรงน้ำช้านี้ ชาแดงของโรงน้ำชานี้ไม่เลวนะ และเหมาะกับผู้หญิง” ประวีร์นั่งลงตรงข้างหน้าของมุกดา
ประวีร์สั่งชาแดงและอาหารว่างที่ค่อนข้างขึ้นชื่อในนี้มา
“พี่ประวีร์ ที่แท้พี่ก็ช่วยเหลือฉันอยู่ในที่ลับมาโดยตลอดเลย ขอบคุณมากๆ เลยนะคะ ขอบคุณมากๆ เลยค่ะ” มุกดารู้สึกซึ้งใจจนพูดไม่ค่อยออกแล้ว
“พูดอะไรเนี่ย ฉันช่วยเธอก็เป็นสิ่งที่ควรไม่ใช่เหรอ? เธอเรียกฉันว่าพี่ประวีร์ไม่ใช่เหรอ? พี่ชายใหญ่คนนี้ไม่ช่วยเธอ งั้นใครช่วยเธอล่ะ? ไม่ต้องคิดมากแล้ว มาดื่มชา ลองชิมรสชาติของชานี้ดู” ประวีร์รินชาที่ต้มเสร็จแล้วให้มุกดาหนึ่งแก้ว และรินให้ตัวเองด้วยหนึ่งแก้ว จากนั้นก็ลิ้มรสกันขึ้นมา
ชาแดงของร้านนี้ไม่เลวจริงๆ อบอุ่นใจมากๆ ดื่มจนในใจของมุกดารู้สึกอบอุ่น
“มุก ฉันได้ข่าวว่าเธอจะลาออกแล้วใช่ไหม?” เพราะว่าอบอุ่นใจเกินไป มุกดาจึงไม่ได้พูดเรื่องที่ตัวเองจะลาออกมาโดยตลอด เธอถึงกับรู้สึกว่าตัวเองเหมือนถีบหัวส่งเลยพอถึงเป้าหมายก็ไม่ลืมคนที่เคยมีบุญคุณไป สุดท้ายก็เป็นประวีร์ที่พูดคำพูดนี้ออกมา
“อืม คือว่า ตอนนี้ฉันกลับไปอยู่ที่คฤหาสน์ตระกูลสุวรรณเลิศแล้วค่ะ ต้องอยู่กับคนในบ้าน ดังนั้นฉันจึงไม่ค่อยมีเวลามากในการแปลแล้วค่ะ แต่ว่าพี่ประวีร์ก่อนที่พวกพี่ยังหาล่ามแปลไม่เจอ ฉันก็ยังสามารถช่วยได้ค่ะ” มุกดารวบรวมความกล้าพูดความในใจออกมา ตอนนี้เธอลำบากใจมากจริงๆ
ประวีร์รู้ว่ามุกดาคือผู้หญิงที่จิตใจดีคนหนึ่ง เข้าไปอยู่ในคฤหาสน์ตระกูลสุวรรณเลิศ ภายนอกดูมีหน้ามีตา แต่ความจริงแล้วไม่รู้ว่าภายในได้รับความไม่เป็นธรรมเพียงไหน
มุกยังสาว เติบโตมากับคุณพ่อณิชพนตั้งแต่เด็ก แต่ไม่เคยผ่านความอึดอัดที่ครอบครัวใหญ่อาศัยอยู่ร่วมกันมาก่อน ทว่าเรื่องพวกนี้ประวีร์ก็ไม่สะดวกที่จะพูด นั่นเป็นเรื่องในบ้านของมุกดา
“อ๋อ เรื่องนี้ไม่เป็นไร ล่ามของฉันยังพอใช้อยู่ ฉันนำงานพวกนั้นเพิ่มให้พวกเขาก็ได้แล้ว เธอไม่ต้องกังวลแล้ว มุก ตอนนี้เธอมีความสุขไหม?” ประวีร์ไม่ได้พูดถึงเรื่องงานตลอดเวลา สิ่งที่เขาเป็นห่วงยิ่งกว่าคือชีวิตของมุกดา
“ถือว่ายังโอเคค่ะ ตอนนี้ชลธีดีกับฉันมาก คนในคฤหาสน์ก็ดีกับฉันค่ะ” แน่นอนว่ามุกของเราพูดถึงคนส่วนมาก ก็ยังมีคนที่ไม่ชอบเธอ ทว่าเธอก็ไม่สนใจแล้ว
ประวีร์ดื่มชาไป ท่ามกลางไอหมอกสีเขียว เขามองดูมุกดา มุกดาในตอนนี้คงจะมีความสุขจริงๆ
ตอนที่เธอแท้ง ชลธีไม่ได้อยู่กับเธอ เรื่องแบบนี้เธอยังสามารถให้อภัยได้ ก็แสดงให้เห็นแล้วว่า มุกดาได้ตกหลุมรักชลธีอย่างลึกซึ้งแล้ว ขอแค่คำอธิบายหนึ่งของชลธี เธอก็จะเชื่อ
ถึงแม้ว่าตอนนี้จะพูดอะไรมากมายก็ไม่มีประโยชน์ ประวีร์ก็ไม่ดีที่จะไปยุ่งกับชีวิตของมุกดาแล้ว
“มุก พี่ชายใหญ่หวังว่าเธอจะมีความสุขทั้งชีวิต ขอแค่เธอมีชีวิตที่ดี ล้วนดียิ่งกว่าสิ่งอื่น เธออยากลาออกก็ลาออกเถอะ เงินที่ต้องคิดฉันโอนให้เธอเอง เธอต้องจำไว้ตลอดว่า ประตูในที่ของพี่ชายใหญ่เปิดต้อนรับเพื่อเธอ พี่หวังว่าต่อจากนี้ หากเธอเจอเรื่องอะไรที่ไม่มีความสุข ก็สามารถมาหาพี่ชายใหญ่ได้ โอเคไหม?” พูดมากไปก็ไร้ประโยชน์ ประวีร์ก็ทำได้แต่ให้มุกดาสร้างบุญกุศลให้มาก
“พี่ชายใหญ่ ไม่ต้องแล้วค่ะ ฉันไม่ดีเอง ฉันไม่เอาเงินแล้วค่ะ” มุกดารีบส่ายมือ คำพูดของพี่ประวีร์ เธอจำไว้แล้ว พี่ประวีร์ของเธอดูแลเธอมาโดยตลอด เหมือนกับตอนนี้
“พูดอะไรเนี่ย ควรจะเป็นของเธอก็เป็นของเธอ ไม่ใช่ของเธอ ฉันไม่ให้เธอหรอก มาดื่มชาต่อ ทานของว่างหน่อย ช่วงบ่ายนี้ว่างไหม? ฉันขอเลี้ยงอาหารเธอได้ไหม?”
ในใจของมุกดายังคงเป็นห่วงชลธีอยู่ อยากจะไปหาเขาที่บริษัทฮอนดากรุ๊ป และอยากจะทานอาหารเที่ยงกับเขาสองต่อสอง
“พี่ประวีร์ ช่วงบ่ายฉันยังมีธุระเล็กน้อยค่ะ ก็ไม่ไปทานอาหารเที่ยงกับพี่แล้ว ขอบคุณในความหวังดีของพี่นะคะ ครั้งหน้าฉันเลี้ยงพี่แล้วกันค่ะ” มุกดาปฏิเสธประวีร์
“ฮ่าฮ่าฮ่า ได้สิ ฉันถือว่ารอถึงแล้ว รอถึงมุกของฉันเลี้ยงข้าวฉันแล้ว” ประวีร์หัวเราะตลกตัวเอง มุกดาก็ยังเหมือนตอนเด็ก โกหกไม่เป็น พอโกหกก็จะกะพริบตา
พูดชัดเจนกับประวีร์แล้ว มุกดาก็สบายใจแล้ว บริษัทฮอนดากรุ๊ปเป็นของประวีร์ งั้นก็ง่ายแล้ว เพราะว่าบริษัทสตรอมแมนของบ้านประวีร์มีล่ามแปลที่เก่งและโดดเด่นเยอะมาก
ครั้งนี้ประวีร์ยอมสละอาชีพแพทย์ที่ตนเองชอบมากที่สุด มารับช่วงต่อธุรกิจในบ้าน ความลำบากใจหนึ่งในนั้นก็มีเพียงแต่ในใจของประวีร์ที่ชัดเจน ก่อนหน้านี้เพื่อที่คุณพ่อของเขาจะให้เขารับช่วงต่อธุรกิจของวงศ์ตระกูล สองพ่อลูกเกือบจะแตกหักกันไปข้างแล้ว ทว่าประวีร์กลับมาครั้งนี้ รู้ว่าตระกูลแก้วสุทธิล้มละลายแล้ว เพื่อที่เขาจะช่วยเหลือมุกดา จึงรับช่วงต่อจากบริษัทสตรอมแมนอย่างแน่วแน่
ทว่า เพราะว่าแบบนี้สายเกินไป สายเกินไปแล้ว มุกดาเป็นของคนอื่นแล้ว
มองดูภาพข้างหลังของมุกดาหายไปจากที่ไกล แววตาของประวีร์มีความล้าเล็กน้อย ก่อนหน้านี้เขาเคยคิดว่าอยากจะใช้ชีวิตที่เรียบง่ายกับมุกดา ไปเป็นคุณหมอธรรมดาคนหนึ่ง ไม่ให้มุกดามีความกังวลอะไรเกี่ยวกับวงศ์ตระกูลที่ร่ำรวย
ทว่าโชคชะตาดันเล่นตลก มุกดาก็ยังแต่งข้าไปในวงศ์ตระกูลที่ร่ำรวย และถูกกำหนดไว้ว่าต้องใช้ชีวิตแบบปากหวานก้มเปรี้ยว