“สวัสดีค่ะ ฉันชื่อโรส ยินดีที่ได้รู้จักนะคะ เธอชื่อมุกดาสินะ? ฉันว่าเธออายุน้อยขนาดนี้ก็ได้ตำแหน่งรองประธานของบริษัทฮอนดากรุ๊ปแล้ว เธอน่าจะมีคุณสมบัติพิเศษสินะ” ในตอนนี้เองคุณนายโรสก็ทำตัวตามสบาย แล้วคุยกับมุกดาขึ้นมา
“คุณนายโรส พวกเรามานั่งตรงนี้ดีกว่าไหมคะ คุณใส่รองเท้าส้นสูงมา ยืนนานเดี๋ยวจะเหนื่อยเอาได้ เดี๋ยวคงจะได้ยืนอีกนานเลยค่ะ” มุกดาแนะนำคุณนายโรสอย่างจริงใจ
“ได้สิ ได้กันเถอะ” คุณนายโรสมองมุกดาอย่างพิจารณาอีกครั้ง หญิงสาวคนนี้ดูยังไงก็ยังอายุน้อยมาก หล่อนดูมีมารยาทมากจริงๆ แต่ไม่รู้ว่าสำหรับเรื่องทางธุรกิจ หล่อนจะมีความคิดที่แหวกแนวไหม
ทั้งสองเดินไปที่ที่สงบเงียบ มุกดาให้คุณนายโรสนั่งตรงที่มีวิวทัศน์ดี หล่อนนั่งพักตรงนี้ได้ และยังสามารถมองดูบรรยากาศในงานได้อีกด้วย
“งานเลี้ยงในวันนี้จะมีเพื่อนมากันเยอะมาก ฉันมาประเทศจีนครั้งที่สาม ฉันชอบวัฒนธรรมชาของประเทศจีนมาก” คุณนายโรสตั้งใจพูดประเด็นยากๆ
คนหนุ่มสาวสมัยนี้ชอบดื่มกาแฟหรือไม่ก็เครื่องดื่มหวานๆ แต่กลับไม่ค่อยรู้เรื่องประวัติชาอันยาวนานของประเทศตนเองเลย
คุณนายโรสอยากให้มุกดารู้ตัวและถอยออกไป ในเรื่องธุรกิจนั้นไม่ใช่อาชีพที่ใครก็ได้ที่จะประสบความสำเร็จได้
“คุณนายโรสมีรสนิยมที่ดีงามมากเลยนะคะ วัฒนธรรมของชามีเพื่อนชาวต่างชาติมากมายที่อยากจะเข้าใจแต่กลับรู้สึกเป็นสิ่งของที่ล้ำลึกมาก ไม่คิดว่าคุณจะวิจัยเรื่องนี้ด้วย” มุกดาใช้ภาษาฝรั่งเศสคุยกับโรสตลอด ถึงแม้เธอจะเคารพคุณนายโรสมากแต่ก็ไม่ถ่อมตนมากเกินไป แม้ตนจะรู้เยอะกว่าคุณนายโรส แต่ก็อยากให้คุณนายโรสคิดว่าตนก็มีดีเหมือนกัน
เทคนิคการพูดของมุกดา ทำให้คุณนายโรสต้องพิจารณาหล่อนใหม่อีกครั้ง หญิงสาวที่รู้เรื่องวัฒนธรรมชาของประเทศจีนได้อย่างลึกซึ้งขนาดนี้ การอบรมบ่มเพาะของคนคนนี้ก็คงดีมากเลยสินะ
“ฮัลโหล คุณนายโรส คุณอยู่ตรงนี้นี่เอง ฉันตามหาอยู่นานเลยล่ะค่ะ” ชาวฝรั่งเศสวัยกลางคนผมสีน้ำตาล ใบหน้าอมชมพูเดินเข้ามาทักทาย คุณนายโรส
“ท่านนี้คือ?” ชาวฝรั่งเศสวัยกลางคนพูดด้วยสำเนียงติดท้องถิ่น ไม่มีมาตรฐานเหมือนคุณนายโรส
“ฮัลโหล คุณยูริส สวัสดีค่ะ ขอดิฉันแนะนำตัวอย่างเป็นทางการนะคะ ดิฉันเป็นรองประธานบริษัทฮอนดากรุ๊ป ชื่อว่ามุกดาค่ะ” มุกดาแนะนำตัวด้วยภาษาฝรั่งเศสที่ได้มาตรฐาน
“มุกดา? เธอแน่ใจนะว่าจำคนไม่ผิด?” คุณยูริสมองดูมุกดา จากนั้นก็หันกลับไปมองชาวต่างชาติมากมายที่อยู่ด้านหลัง ทุกคนก็มีผมสีน้ำตาลเหมือนตัวเองทั้งนั้น รูปร่างอายุก็คล้ายๆกัน หล่อนรู้ได้ยังไงว่าเขาคือยูริส?
“คุณยูริส ดิฉันจำคนไม่ผิดหรอกค่ะ แม้เพื่อนชาวต่างชาติห้าคนมีคนผมสีน้ำตาล มีสี่คนที่อายุเท่าคุณ แต่คุณยูริสชอบไว้หนวดเครา และยังมีลักษณะไม่สั้นหรือไม่ยาวเกินไปแบบเขี้ยวกระแตพอดี อีกอย่างที่สำคัญก็คือคุณยูริสชอบสวมรองเท้าหนังสีน้ำตาล แต่เพื่อนคนอื่นๆกลับสวมรองเท้าหนังสีดำกันหมด” มุกดาพูดแยกแยะให้คุณยูริสฟัง
“ยัยหนูคนนี้ไม่เลวเลยนะ โรสคุณได้ของดีแล้วล่ะ” คุณยูริสมองมุกดาด้วยแววตาที่ชื่นชม
“นั่นสิคะ ยัยหนูคนนี้น่าสนใจมาก รู้จักฉันได้จากผู้หญิงมากมายขนาดนั้น ฉันก็แปลกใจมากเลย ดูท่าแล้วบริษัทฮอนดากรุ๊ปใส่ใจในรายละเอียดมากเลยนะคะ” คุณนายโรสพยักหน้าให้กับมุกดา
“คุณนายโรส คุณยูริส งานเลี้ยงจะเริ่มต้นขึ้นแล้ว ดิฉันไม่รบกวนแล้ว เชิญตามสบายเลยค่ะ” ในตอนนี้เองมุกดากลับไม่ดึงสองท่านพูดต่อ และให้พวกเขาไปตรงกลางงานเลี้ยง เพราะทางผู้จัดจะแนะนำเพื่อนชาวต่างชาติให้กับนักธุรกิจในพระนครที่มางานเลี้ยงในวันนี้
“งานเลี้ยงวันนี้ได้เริ่มขึ้นอย่างเป็นทางการแล้ว ต่อจากนี้กระผมขอแนะนำให้ทุกท่านได้รู้จักกับเพื่อนชาวต่างชาติ กระผมรู้สึกเป็นเกียรติมากที่เชิญมาในวันนี้” ผู้จัดงานเลี้ยงคือบริษัทส่งเสริมการลงทุนแห่งพระนคร เจ้าภาพคือนายกเทศมนตรี
นายกเทศมนตรีแนะนำชาวต่างชาติขาใหญ่ทุกท่านให้ทุกคนรู้จักกันถ้วนทั่ว มาลงทุนในพระนครเป็นความฝันของเพื่อนชาวต่างชาติมากมายที่มีความฝันเกี่ยวกับประเทศจีน ดังนั้นวันนี้จึงมีชาวต่างชาติมากมาย
นายกเทศมนตรีแนะนำเสร็จหมดแล้ว ก็กล่าวในงานเลี้ยง ความหมายคร่าวๆก็คือให้ทุกคนหาโอกาสทางธุรกิจที่เหมาะสมในงานเลี้ยงของวันนี้ พูดตามตรงก็คือให้ทุกคนหาทางให้เพื่อนชาวต่างชาติควักเงินออกมาให้ได้
“ไฮ มุกดาของฉัน เธอก็มาเหรอ ได้ข่าวว่าเธอเป็นรองประธานของบริษัทฮอนดากรุ๊ปแล้ว ยินดีด้วยนะจ้ะ” คุณนายเจนนี่เดินมาอยู่ข้างๆมุกดา เธอเห็นมุกดาจากที่ไกลๆแล้ว แต่มุกดากำลังพูดกับโรสและยูริสอยู่ เธอก็เลยไม่ได้เข้าไปทักทาย
จากนั้นงานเลี้ยงก็เริ่มต้นขึ้น เธอยืนอยู่ข้างๆคุณนายโรส อยู่เป็นเพื่อนโรส
คุณนายเจนนี่ธาราวดีเป็นเพื่อนกับโรสมานานหลายปี ทั้งสองก็พูดคุยกันตามประสาเพื่อนเก่า
ตอนที่คนอื่นมาตามหาคุณนายโรส ธาราวดีก็เลยไปหามุกดาแทน
“คุณนายเจนนี่ สวัสดีค่ะ ขอบคุณมากเลยนะคะ คุณจะทานอะไรไหมคะ? เดี๋ยวดิฉันไปเอามาให้?” แม้งานเลี้ยงจะมีเหล้าเยอะ แต่อาหารอร่อยก็เยอะเช่นกัน มุกดาเดาว่าตอนนี้คุณนายเจนนี่ก็คงหิวแล้วเหมือนกัน
“อ้อ งั้นขอบใจมากเลยนะ เธอชอบทานอะไรก็เอามาให้ฉันเถอะ” ธาราวดีหาที่นั่งและนั่งลงรอมุกดา
ที่เธอให้มุกดาหยิบของที่ชอบทานมา ก็เป็นจิตใจของความเป็นแม่ ที่อยากรู้ว่าลูกสาวชอบทานอะไร
ไม่นานมุกดาก็ยกอาหารมาสองจาน
“คุณนายเจนนี่คะ เค้กแบบนี้นิ่มมาก และไม่เลี่ยนเหมือนกับทานเนย สลัดจานนี้มีผักอยู่หลายชนิด รสชาติไม่เลวเลย ยังมีเนื้อปลาคอดด้วย ละเอียดนุ่มและละลายในปากตั้งแต่คำแรกที่ทานเข้าไปค่ะ อีกอย่างไม่มีก้างด้วยค่ะ” มุกดายกอาหารมาให้ธาราวดี เธอคิดพิจารณามาอย่างดีแล้ว จะต้องอร่อยและมีโภชนาการ
“อืม ฉันชอบอาหารที่เธอเอามามาก แต่ทำไมของพวกเราถึงไม่เหมือนกันล่ะ?” ธาราวดีเห็นว่าจานของลูกสาวไม่เหมือนกับของตนเอง
“แหะๆ คุณนายเจนนี่ ดิฉันชอบทานของเผ็ดน่ะค่ะ คุณคงทานไม่ไหว ดังนั้นดิฉันก็เลยไม่ได้เอามาให้น่ะค่ะ” มุกดาอธิบาย เธอชอบกินอาหารรสจัด ไม่มีอาหารเผ็ดแล้วจะไม่อยากกินทันที ความชินนี้มาจากณิชพนผู้เป็นพ่อล้วนๆ
“อ้อ ฉันก็ไม่ค่อยชอบกินเผ็ดจริงๆนั่นแหละ” ธาราวดีใช้ชีวิตอยู่ต่างประเทศมาตลอด ไม่ค่อยถนัดด้านกินพริกสักเท่าไหร่ แต่เธอก็ตัดสินใจแล้วว่า เพื่อจะได้เข้าใจลูกสาว ตั้งแต่นี้ไปเธอจะต้องกินเผ็ดแล้วล่ะ
“มุก ขอโทษด้วยนะ เมื่อกี้ฉันเจอเพื่อนพอดีน่ะ ก็เลยคุยกันนานเลย ทิ้งเธอไว้คนเดียวเลย” ในตอนนี้เองชลธีก็ถึงเจอมุกดา ที่นั่งอยู่ด้วยยังมีคุณนายเจนนี่ที่กำลังทานอาหารอยู่ด้วย
“ไม่เป็นไร วันนี้นานๆทีจะมีโอกาสนี้ นายไปทำธุระเถอะ ฉันจัดการตรงนี้เองได้” มุกดาเข้าใจชลธีดี
“คุณนายเจนนี่ครับ วันนี้ก็ให้ภรรยาของผมดูแลคุณนะครับ ผมไปดื่มกับคุณโจนส์ก่อน” ชลธีทักทายคุณนายเจนนี่ แล้วเดินออกไปทันที