“ถ้ากระเช้าไฟฟ้าตกลงไปละก็ พวกคุณครอบครัวสี่คน พวกเรามากันเองคนเดียว คุณคิดว่าอย่างไหนคุ้มกว่ากัน?” ทศพรพูดอย่างเย็นชา
“ผมได้ยินเรื่องอุบัติเหตุจากกระเช้าไฟฟ้ามาค่อนข้างมาก คุณเคยได้ยินเพลงรุ่งสางของฮันฮงร้องหรือเปล่า? เนื้อเพลงนั้นเหมือนจะพูดถึงกระเช้าไฟฟ้าที่เกิดอุบัติเหตุ เด็กคนนั้นต้องพลัดพรากจากพ่อแม่” ทศพรพูดเสริมอีกคำ
“หยุดกระโดดได้แล้วๆ โชคร้ายจริงๆ ทำไมถึงเจอคนแบบนี้นะ” แม่คนนั้นรู้สึกกลัวขึ้นมาทันที เธอรีบบอกให้เด็กๆหยุดกระโดด
ผู้ชายคนนั้นมองทศพรและมองชลธี ตายแล้ว ตัวเองกำลังไปหาเรื่องใครเนี่ย สองคนนี้เป็นคนดังในพระนครเลยนะ เมื่อกี้ผู้หญิงบ้าคนนี้ก็ไปทะเลาะกับคนอื่นอีก
ผู้ชายรีบก้มหน้าลงอย่างเร็ว คนอื่นๆบนกระเช้าไฟฟ้าที่เห็นเด็กไม่วุ่นวายแล้วก็ต่างเงียบลงทันที บนกระเช้าไฟฟ้าเงียบกริบ
“แกรก” กระเช้าไฟฟ้าเลื่อนผ่านเสาทำให้เกิดเสียงดังขึ้น จากนั้นก็มีการสั่นสะเทือนอย่างแรง ผู้หญิงคนนั้นตกใจมากจนโผล่เข้าหาตัวผู้ชาย ขนาดเด็กก็ไม่สนใจแล้ว
ผู้ชายรีบจับตัวเธอไว้ “เด็ก เด็กสำคัญกว่า” ผู้ชายกระซิบบอกผู้หญิง
ผู้หญิงคิดแล้วก็มีเหตุผล เธอถึงปล่อยมือ ตอนนี้เองคนในกระเช้าไฟฟ้าก็หัวเราะขึ้นมา เป็นผู้หญิงที่เห็นแก่ตัวจริงๆ เจอปัญหาอะไรอย่างแรกที่คิดได้คือตัวเอง ขนาดเด็กก็ยังไม่สนใจเลย
“หัวเราะอะไร จริงๆเล้ย พวกคุณรู้ว่าฉันเป็นใครไหม? นั่งกระเช้าไฟฟ้ากับคนอย่างพวกคุณ ทำไมถึงซวยแบบนี้นะ” ผู้หญิงด่าคนในกระเช้าไฟฟ้า เธอชี้คนในกระเช้าไฟฟ้าและเริ่มทำท่าจะมีปัญหากับทุกคนในนี้
“หยุดพูดทีเถอะ เธอหยุดได้แล้ว” ผู้ชายปิดหน้าตัวเองไว้ ดึงผู้หญิงไว้ไม่หยุด อยากให้เธอหยุดพูด ถ้ารู้ว่าผู้หญิงคนนี้จะโง่ได้ขนาดนี้ ให้ตายยังไงเขาก็ไม่มายุ่งกับเธอหรอก ถ้าไม่ใช่เพราะเธอสวยหน่อย เขาคงเตะผู้หญิงคนนี้ลงไปแล้วล่ะ
ผู้หญิงมองดูผู้ชาย ทำไมเหรอ? เกิดเรื่องอะไรขึ้น แต่เธอก็ยังหยุดพูดตามที่เขาบอก และไม่ได้พูดอะไรอีก แต่แค่มองค้อนคนในกระเช้าไฟฟ้า
ชลธีกับทศพรต่างก็ปกป้องผู้หญิงของตัวเองไว้ เงยหน้าขึ้นมองด้านหน้า และไม่ได้ว่าอะไรผู้หญิงตรงหน้า
กระเช้าไฟฟ้ามาถึงยอดเขา ทุกคนต่างก็ทยอยลงจากกระเช้า ชลธีกับทศพรจับมือผู้หญิงของตัวเองไว้ แล้วลงจากกระเช้า มุกดาไม่ได้พูดอะไรเลยตลอดทั้งทาง เธอก็ไม่รู้ว่าจะต้องนั่งกระเช้าไฟฟ้า ถ้ารู้แบบนี้ละก็ เธอคงไม่อยากแล้วล่ะ แต่ยังไงก็มาแล้ว เธอก็ต้องกัดฟันสู้ต่อไป
“คุณชายณพ อารมณ์ดีจังเลยนะ เมื่อกี้อยู่บนกระเช้าไฟฟ้าแทบจะจำไม่ได้เลย” ตอนที่ชลธีเดินผ่านตัวข้างๆผู้ชาย และพูดออกไปด้วยน้ำเสียงที่ไม่หนักและไม่เบา
ณัฐวรรธน์ได้ยินแล้วก็ตกใจจนตัวสั่น
“ประธานชลธี ประธานพร ต้องขออภัยด้วย เรื่องในวันนี้เป็นความผิดของผมเอง เดี๋ยววันหน้าผมขอเชิญคุณทั้งสองไปดื่มชากันนะครับ” ณัฐวรรธน์เป็นคนโตของตระกูลว่องประเสริฐการ เขาเป็นคนเจ้าชู้ที่สุด ภรรยาในบ้านเป็นเหมือนสิงโตที่ดุมากๆ ดังนั้นเขาเลยชอบออกมาเที่ยวหาผู้หญิงอื่น
“ไม่ต้องหรอกครับ พวกเราคงดื่มไม่ไหว ไปล่ะครับ ลาก่อน” ชลธีมองขวางแล้วเดินจากไป
“นั่นคือใครกัน ทำท่าได้ใจจังเลยนะ มีอะไรน่ายินดีกัน?” ผู้หญิงดูแลเด็กสองคน แล้วยังคงมองชลธีด้วยสายตาที่ดูถูก
หน้าตาก็หล่อดี แถมยังใส่ชุดแบรนด์เนมทั้งตัวอีก คงไปเกาะผู้หญิงรวยๆกินสิท่า
“เธอหุบปากเถอะ นั่นคือประธานชลธี ประธานของบริษัทฮอนดากรุ๊ป ส่วนนั่นก็คือประธานพร คุณชายใหญ่ของนวลอ่อนกรุ๊ป พวกนั้นแค่จามก็สามารถทำให้ทั้งพระนครสั่นสะเทือนได้แล้ว เธอนี่มันโง่จริงๆเลยนะ ที่ไปหาเรื่องพวกเขา” ณัฐวรรธน์โกรธจนอยากจะตบหน้าผู้หญิงคนนี้จริงๆ
พอเธอได้ยินว่าหาเรื่องคนใหญ่คนโตแบบนี้ เธอก็ตกใจมากๆ เธอเคยได้ยินสามีตัวเองบอกว่า ช่วงนี้กำลังร่วมงานกับบริษัทฮอนดากรุ๊ปพอดี โครงการที่ร่วมงานนั้นมีเงินเพียงพอสำหรับคนในบ้านไปสิบปีเลย ตายแน่เลยตอนนี้
“ทำยังไงดี เขาคงไม่รู้จักฉันสินะ น่าจะไม่รู้จักนะ ฉันไม่ค่อยได้ออกจากบ้านเท่าไหร่เลย พวกเขาต้องไม่รู้จักฉันแน่” ผู้หญิงยังคงคิดว่าตัวเองโชคดี
ณัฐวรรธน์ก็คิดว่าพวกชลธีคงไม่รู้จักผู้หญิงคนนี้หรอก แต่รู้จักเขาไง ธีรเมทเพิ่งได้ร่วมงานกับบริษัทฮอนดากรุ๊ปมาหยกๆ แล้วยังได้ร่วมงานกับทอมกรุ๊ปอีกด้วย เขากำลังเจิสจรัสในสายตาของดิษย์ดนุช ถ้าเรื่องของตัวเองถูกคุณท่านเขาจับได้ละก็ ตำแหน่งรองประธานของตัวเองคงได้ถูกยึดไปแน่เลย
“ณพ พวกเราไปดูบรรยากาศบนยอดเขากันเถอะ” ผู้หญิงพอคิดได้ว่าชลธียังไม่รู้จักตัวเอง เธอก็รู้สึกอารมณ์ดีขึ้นมาหน่อย
แต่ณัฐวรรธน์ตอนนี้คงไม่มีอารมณ์ชมวิวทัศน์แล้วล่ะ เขาอึดอัดแทบตายแล้ว
“เธอไปดูเองเถอะ ฉันไม่ไปแล้ว ฉันจะพาลูกกลับไป” เด็กสองคนนั้นมีคนหนึ่งเป็นของผู้หญิง อีกคนเป็นของณัฐวรรธน์ ถ้าไม่ใช่เด็กเป็นข้ออ้าง ณัฐวรรธน์ก็ไม่มีทางออกมาหรอก ภรรยาเขารู้ดีว่าเขาเป็นคนเจ้าชู้ ระวังไว้เป็นอย่างดีมาก
“นี่ นายอย่าไปสิ ณพ ณพ พวกเรายังไม่ได้ทำอะไรกันเลยนะ” สองคนออกมาเดทกัน แต่ตอนนี้ก็ยังไม่ได้อะไรกันเลย
“ต่อไปเธอก็ไม่ต้องมาหาฉันแล้ว พวกเราเลิกกันเถอะ ฉันคงได้ถูกเธอทำลายแน่ ถ้าฉันถูกลดตำแหน่งจากรองประธานละก็ เรื่องของสามีเธอจบกัน” ณัฐวรรธน์ด่าผู้หญิงคนนั้น เขาอุ้มลูกสาวตัวเองแล้วเดินออกไปทันที
ผู้หญิงเห็นว่าตัวเองไม่น่าสนใจอีก เธอเลยพาเด็กๆเดินจากไป
มุกดาลงจากกระเช้าไฟฟ้า แล้วยืนพักอยู่นานมาก ในใจเธอยังรู้สึกหวาดเสียวอยู่เลย
“ไม่เป็นไรหรอก กระเช้าไฟฟ้านั่นปลอดภัยมาก ไม่เหมือนที่ทศพรพูดหรอก มันไม่มีทางขาดแน่นอน เขาทำอะไรระวังตลอด” ชลธีปลอบใจมุกดา
“ไม่ใช่นะ มุกดากลัวความสุข ตอนเด็กประวีร์จะให้มุกดาขี่คอ เธอก็ยังไม่กล้าเลย” จันวิภายกตัวอย่างการกลัวความสูงของมุกดา
พอชลธีได้ยินเรื่องที่มุกดาสนิทกับประวีร์มาตั้งแต่เด็ก ในใจก็รู้สึกจุกไปหมด ทำไมวัยเด็กของเธอถึงไม่มีเขานะ
“อืม ไม่เป็นไร ไปกันเถอะ ได้ยินว่าบรรยากาศของภูเขาฟ้าร้องมีเอกลักษณ์เฉพาะ ตอนนี้มีหิมะอยู่เยอะ ฉันอยากไปดูจัง” เพื่อที่ทุกคนจะได้สนุกกับการเดินทาง มุกดาลุกขึ้นมา เธอก็อยากไปดูหิมะในฤดูร้อนเหมือนกัน
ตลอดทางที่เดินมาก็มีแต่หิมะที่เกาะเป็นกลุ่มก่อนและยังไม่ละลาย บ้างก็เกาะบนหญ้า บ้างก็เกาะบนกิ่งไม้ บ้างก็เกาะบนดิน
มองไปตรงพื้นที่ที่มีแต่หิมะปกคลุม เป็นโลกที่มีหิมะและบริสุทธิ์
ลมแรงพัดมา จันวิภาและมุกดาที่ขนาดใส่เสื้อกันหนาวขนนกแล้วก็ยังตัวสั่นอยู่ดี
“มานี่สิ มาให้ฉันกอดที ทศพร ฉันว่านายเลือกถูกที่จริงๆ พวกเราสามารถกอดพวกเธอได้อย่างถูกต้องแล้ว ฮ่าๆ” ชลธีหัวเราะออกมาอย่างดีใจ ตั้งแต่เด็กจนโจทศพรเพิ่งเคยเห็นเขาหัวเราะได้อย่างมีความสุขแบบนี้