เห็นมุกดากับชลธีพลอดรักกัน ธินิดาก็กำหมัดแน่น แต่ใบหน้าเธอยังคงมีรอยยิ้มอยู่
“มุก เธอมาแล้วเหรอ? ได้เจอเธอฉันดีใจมากเลยนะ” ธินิดาพูดกับมุกดาด้วยรอยยิ้ม
“เธอเจอฉันแล้วดีใจจริงเหรอ? ธินิดา ให้ฉันดูเท้าเธอหน่อยสิ?” มุกดาพลอดรักกับชลธีเสร็จแล้ว เธอก็ถึงไป ‘ถามไถ่’ อาการของธินิดา
“ไอ้หยา มุก เธอไม่ต้องดูแล้วล่ะ ฉันไม่เป็นไรแล้ว และฉันก็ไม่ได้โทษเธอด้วย” ธินิดาขดตัวเข้าไป
“ไม่เป็นไรจริงเหรอ? ถ้าไม่เป็นไรแล้ว งั้นพวกเรากลับไปก่อนนะ?” มุกดาตั้งใจพูดแบบนี้ ธินิดาพูดเมื่อกี้ ทำเหมือนเป็นความผิดของเธอและรู้สึกผิด ที่จริงเธอไม่รู้สึกผิดเลยสักนิด ธินิดาทำตัวเอง เกี่ยวอะไรกับเธอด้วย เธอแค่มาอยู่เป็นเพื่อนชลธีเอง
ธินิดาได้ยินมุกดาพูดแบบนี้ก็ลนลานทันที เธอแค่พูดตามมารยาทเอง แค่อยากแสดงความมีเมตตาของตัวเองเท่านั้น คำพูดนั้นไม่ได้จะให้พวกเขาไปสักหน่อย
“ชล” ธินิดาพูดเสียงอ่อยๆ
“มุกแค่ล้อเล่นน่ะ พวกเราไม่ไปหรอก น้ำผึ้ง เธอพักผ่อนไปก่อนนะ ฉันพามุกออกไปเดินเล่นด้านนอกหน่อย” ชลธีเห็นมุกดามา ก็ไม่อยากอยู่ในห้องนี้อีกต่อไปแล้ว
“ได้สิ งั้นพวกเธอกลับมาเร็วหน่อยนะ ฉันกลัวว่าเดียวฉันต้องเข้าห้องน้ำอีก” ธินิดาจำใจต้องให้พวกเขาออกไปเดินเล่น เธอจะแสดงธาตุแท้ของตัวเองต่อหน้าชลธีไม่ได้
ชลธีพามุกดาเดินออกจากโรงพยาบาล “อยากกินอะไรเหรอ? ที่รัก?” ชลธีพูดกับมุกดา
“ฉันอยากกินของอร่อยเยอะแยะเลย แต่ตอนนี้ฉันอยากกินไอศกรีมน่ะ เมื่อกี้ในห้องนั้นร้อนมากเลย” มุกดายิ้มและจับมือชลธีไว้ จากนั้นก็จุ๊บไปที่แก้มเขาเบาๆ
“งั้นก็ได้ พวกเราไปกินไอศกรีมกัน” ชลธีพูดกับมุกดาอย่างเอ็นดู
ทั้งสองจับมือกันเดินบนถนนช้าๆ เห็นร้านหนึ่งที่มีไอศกรีมขาย ชลธีก็รีบวิ่งเข้าไปทันที และซื้อไอศกรีมมาสองอัน ยื่นให้มุกดาหนึ่งอัน
“ชล นายเชื่อที่ฉันพูดใช่ไหม?” มุกดากัดไอศกรีมหนึ่งคำ ริมฝีปากแดงเถือกเพราะไอเย็น
“แน่นอนสิ” ชลธีไม่คิดเลยก็ตอบทันที
“นายดีจังเลย” มุกดาเห็นว่าชลธีเชื่อตัวเอง เธอก็ดีใจอย่างมาก
“แล้วมุก เธอเชื่อฉันไหม?” ชลธีถามมุกดากลับ
“ไม่เชื่อ” มุกดาพูดแล้วก็วิ่งหนีทันที ชลธีก็วิ่งไล่เธอด้านหลัง ทั้งสองวิ่งเล่นภายใต้แสดงไฟสลัวของถนน ชลธีไล่ตามมุกดาได้ทันเพราะขาที่ยาวเรียวของเขา เขาจับตัวมุกดาไว้และดึงเข้ามาในอ้อมกอดตัวเอง
“เมื่อกี้เธอว่ายังไงนะ?” ชลธีทำท่าจะจูบมุกดา
“ฉันบอกว่าฉันเชื่อนาย มุกดาเชื่อชลธีแล้ว” มุกดาขยับเข้าไปใกล้หูชลธี จากนั้นก็ตะโกนพูดเสียงดัง
ชลธีอุ้มมุกดาขึ้นมาในอ้อมกอดแล้วหมุนไปรอบๆ ทั้งสองมีความสุขมาก พวกเขาไม่ได้มีความสุขแบบนี้มานานแล้วล่ะ
ทั้งสองกินไอศกรีมกัน จากนั้นก็ไปเดินเล่นริมสระ ชลธีเห็นว่าตอนนี้มืดแล้ว เขาเลยอยากให้มุกดากลับไปก่อน
“มุก เธอกลับไปก่อนเถอะ เดี๋ยวฉันไปส่งเธอขึ้นรถ” ชลธีกลัวว่าถ้าพรุ่งนี้เช้าปรีณาพรรณมา ถ้าเกิดเห็นมุกดาเข้า หล่อนจะต้องทำอะไรมุกดาแน่
“ฉันอยู่กับนายไม่ได้เหรอ?” มุกดาเอียงหัวถามเขา เธอก็เห็นในห้องธินิดามีโซฟาอันหนึ่งเหมือนกัน ชลธีตัวสูงขนาดนี้ นอนบนโซฟาคงลำบากน่าดู
“ไม่ต้องหรอก ฉันอยู่คนเดียวก็พอแล้ว ขอแค่เธอเชื่อใจฉันก็พอ” ชลธีจุ๊บไปที่หูเธอเบาๆ
“ก็ได้ งั้นฉันกลับก่อนนะ นายต้องระวังตัวให้มากนะ อย่าเป็นหวัดเด็ดขาด โซฟานั่นเล็กมากด้วย” มุกดาก็เลยต้องกลับไปก่อน เธอแค่ไม่อยากกลับบ้านไปเจอคนพวกนั้นเอง
มุกดาขึ้นรถ แล้วกลับมาถึงคฤหาสน์ตระกูลสุวรรณเลิศ ยังไม่ทันเข้าไปก็ได้ยินเสียงทะเลาะกันด้านในแล้ว
เธอยังได้ยินเสียงนีรชาอีกด้วย แม่กลับมาแล้ว? มุกดารีบเดินเข้าไปดู พอเข้าไปก็เห็นย่านิ่มกำลังด่าสิริกรอยู่ นีรชากับชุติภาสนั่งอยู่บนโซฟาอีกฝั่ง
“ทำไมเธอโง่แบบนี้นะ แค่ถือของยังทำแตกได้ ขนาดคนยังปล่อยให้หลุดมือไปได้อีก” ข้างๆเท้าของสิริกรมีแก้วแตกอยู่ ท่าทางเหมือนจะเป็นแก้วน้ำชานะ
นีรชาอยากจะพูดอะไร แต่กลับถูกชุติภาสห้ามไว้ก่อน ชุติภาสเดินเข้าไปพูดกับสิริกรว่า “ไหนว่าคล่องแคล่วและฉลาดมากไม่ใช่เหรอ? ทำไมถึงทำผิดพลาดแบบนี้ได้ แม่ครับ ถ้าไม่ได้จริงๆก็เปลี่ยนคนมาดูแลแม่เถอะครับ”
ชุติภาสรู้ว่าแม่ตัวเองพูดแบบนี้หมายความว่ายังไง เธอแค่ไม่ชอบนีรชาเท่านั้น แต่นีรชาเป็นคนที่ตัวเองเลือกเอง จะให้ใครมาพูดจาว่าร้ายไม่ได้เด็ดขาด
“ไม่นะ ไม่ ฉันไม่ไป ฉันไม่ไปไหนทั้งนั้น” สิริกรรีบจับมือย่านิ่มเอาไว้แน่น กว่าเธอจะกลับมาบ้านนี้ได้ เป็นตายร้ายดียังไงก็จะไม่กลับไปเด็ดขาด
“ยังไม่ไปอีก! ยืนอยู่ตรงนี้ทำไม?” ย่านิ่มไม่อยากให้สิริกรไปอยู่แล้ว นั่นเป็นคนที่เธอสอนมากับมือเลยนะ ยังไงก็ดีกว่านีรชาอยู่แล้ว
สิริกรได้ยินย่านิ่มพูดแบบนี้ เธอก็รีบเดินออกไปทันที
“บ้านหลังนี้ ต้องการคนที่มีประสบการณ์เท่านั้นมาคุม พวกเธอยังสาวเกินไป ถึงว่าสร้างเรื่องวุ่นวายได้ทุกวัน” ย่านิ่มนั่งลง เธอรับชาที่คนรับใช้ยื่นมาให้
คนรับใช้คนนั้นเก็บทำความสะอาดเศษแก้ว
“บัวน่ะมีประสบการณ์เยอะกว่าใคร พวกเราแต่งงานกันมาสามสิบปี ในบ้านก็สงบสุขมาตลอด” กว่าชุติภาสจะเชิญนีรชากลับมาได้ เขาจะต้องปกป้องและให้อำนาจนีรชาให้ถึงที่สุด
“งั้นลูกหมายความว่า ฉันมาแล้วในบ้านก็ไม่สงบสุขเลยเหรอ? ใช่สิ เลี้ยงลูกชายจนโตแล้ว ย้อนกลับมาสั่งสอนแม่สินะ งั้นฉันไปก็ได้ จะได้ไม่เป็นเสี้ยนตำตาของพวกเธอ” ย่านิ่มไม่อยากฟังอีกต่อไปแล้ว เธอโกรธมาก วางแก้วชาลงบนโต๊ะแรงๆ จากนั้นก็ลุกขึ้นมา
“แม่ครับ ผมไม่ได้หมายความแบบนั้น แม่มาพักที่นี่ผมก็ยินดีมาก แม่ก็พักที่นี่ไปก่อนเถอะ เรื่องอื่นๆในบ้าน บัวเขารู้ดีว่าต้องจัดการยังไง ไม่มีทางลดคุณภาพชีวิตของแม่ลงแน่นอน” ชุติภาสยื่นคำขาด นั่นก็หมายความว่า ต่อไปในบ้านหลังนี้นีรชาเป็นคนดูแล ย่านิ่มอยู่ให้ลูกหลานดูแลก็พอแล้ว
“ได้ งั้นฉันจะดูสิว่าหล่อนจะดูแลบ้านนี้ยังไง!” ย่านิ่มลุกขึ้นมา เธอจะไม่ไปไหนแน่นอน เธอแค่จะหลอกชุติภาสเท่านั้น ในเมื่อไม่สำเร็จ ก็ช่างเถอะ เธอเลยต้องหยุดโวยวายไปก่อน รอโอกาสเหมาะแล้วค่อยพูด
“ชุติภาส นายรับฉันมาก็เพื่อให้ที่บ้านสงบสุข แต่นายคิดว่าฉันจะทำให้บ้านสงบสุขได้เหมือนเมื่อก่อนเหรอ? นายไม่คิดว่าคนพวกนี้กับเรื่องพวกนี้มันน่าปวดหัวมากเลยเหรอ?” นีรชาแม้จะไม่พูดอะไร แต่ได้ยินย่านิ่มกับชุติภาสพูดกัน เธอก็รู้สึกปวดหัวมากแล้ว
“บัว เธออย่าหนีไปเลยนะ บ้านหลังนี้มีเพียงเธอเท่านั้นที่เป็นนายหญิง แม่แค่เป็นแบบนี้ชั่วคราว เธอค่อยๆพูดกับแม่ก็ได้” ชุติภาสปลอบใจนีรชา
มุกดายืนดูอยู่หน้าประตูนานมาก ค่อยก้าวเดินเข้ามาในบ้าน