ในตอนนี้มุกดากลับรู้สึกว่าเครื่องเพชรทั้งสี่ชุดนั้นเป็นเรื่องยุ่งยากวุ่นวาย ถ้าหากตนเองรับมันไว้ แบบนั้นจะไม่เท่ากับว่าติดค้างผู้ชายคนนั้นมากเกินไปเหรอ
ในขณะที่เธอกำลังลังเล ผู้จัดการล็อบบี้ก็จัดการบรรจุข้าวของเสร็จเรียบร้อย พลางยื่นให้มุกดา
“คุณผู้หญิงของคุณครับ” ท่าทีของผู้จัดการล็อบบี้อ่อนน้อมถ่อมตนมากๆ นี่เป็นลูกค้ารายใหญ่ของที่นี่ ต่อให้ทุ่มเทสุดชีวิตเขาก็ต้องต้อนรับให้ดีที่สุด
มุกดาไม่มีทางเลือกอื่น ทำได้เพียงรับปัญหาร้อนมือนั้นมาอย่างช่วยไม่ได้
“คุณผู้หญิง วันนี้คุณชายยังจัดให้คุณหาซื้อเสื้อผ้าที่ตัวเองชอบด้วยครับ จำเป็นต้องอยู่ภายในงบห้าแสน เกินไม่ได้ ใช้ไม่หมดก็ไม่ได้ครับ” นัทธ์บอกกับมุกดาด้วยความเคารพ
ตอนนี้มุกดาแทบไม่รู้แล้วว่าตัวเองควรจะดีใจหรือว่าเสียใจดี
“ลุงนัทธ์ คุณชายของคุณลุงแอบโรคจิตอยู่หน่อยๆ หรือเปล่าคะ อ้อ ไม่ใช่ๆ คือมีอาการป่วยทางจิตนิดหน่อยหรือเปล่าคะ?”
ชลธีที่นั่งอยู่ในห้องทำงาน หลุดจามออกมาอย่างแรง
ถึงกับน้ำตาเล็กออกมาเลย เขาเหลือบมองเครื่องปรับอากาศเล็กน้อย ก็ยังอยู่ในอุณหภูมิปกติ ทำไมถึงจามล่ะ
เขาวางเอกสารในมือลงบนโต๊ะ หยิบทะเบียนสมรสออกมาจากลิ้นชัก เมื่อมองไปที่รอยยิ้มสดใสของหญิงสาวบนทะเบียนสมรส มุมปากของเขาก็กระตุกเอียงขึ้นอย่างไม่ตั้งใจ
แต่งงานแล้ว ก็มีคำอธิบายกับคนอื่นๆ แล้ว แบบนี้เขาก็มีเวลารอเธอกลับมาแล้ว อีกเดี๋ยวคนที่บ้านก็จะให้กลับไป ชลธีเอาทะเบียนสมรสของตัวเองใส่ไว้ในกระเป๋าถือ มีเพียงแบบนี้เท่านั้น เขาถึงจะไม่ถูกเร่งเร้าเรื่องแต่งงานอีก โลกของเขาก็สงบเงียบขึ้นเยอะเลยด้วย
ขณะที่กำลังคิด โทรศัพท์ของเขาก็ดังขึ้นอีกครั้ง เป็นคุณแม่โทรเข้ามา ชลธีกดรับสายโทรศัพท์
“ฮัลโหล ชล วันนี้ลูกแน่ใจนะว่าจะกลับมา? คุณปู่พูดแล้วนะ ว่าถ้าลูกยังไม่แต่งงานอีก วันนี้เขาจะตายให้ลูกดูเลย ลูกต้องระวังสักหน่อยด้วย ค่อยๆ เกลี้ยกล่อมคุณปู่ของลูกดีๆ” คุณแม่ของชลธีบอกอย่างเป็นกังวล
“อืม ผมเข้าใจแล้วครับ แม่วางใจเถอะครับ ผมมีวิธีทำให้คุณปู่ถูกใจแล้ว” ชลธีกล่าวอย่างมั่นอกมั่นใจ
“โอเคๆ ชล แม่เชื่อลูกนะ” แม้ว่าปากแม่ฝนจะพูดแบบนี้ แต่ในใจก็ยังไม่สบายใจอยู่ดี
หลังจากทำงานต่อไปอีกสักพัก ชลธีเห็นว่าได้เวลาแล้ว เขาจึงเก็บข้าวของให้เรียบร้อย เก็บของที่ซื้อไว้ให้คุณปู่กับคุณแม่บรรจุเรียบร้อยแล้วก็กลับบ้านทันที
รถของชลธีเพิ่งจะถึงประตู ปู่ปรัณก็ออกมารออยู่ที่นั่นแล้ว เขาได้ยินแม่ของชลธีพูดว่า วันนี้ชลธีจะให้คำตอบที่ทำให้ตนพึงพอใจ เขาจึงอยากจะดูว่าวันนี้ชลธีจะให้คำตอบที่น่าพอใจกับตนว่าอย่างไร
“คุณปู่ ข้างนอกลมแรง เข้าไปเถอะครับ” ชลธีเป็นคนที่กตัญญูมากคนหนึ่ง เขาลงจากรถ ให้คนถือข้าวของเข้าไป ส่วนตัวเองก็เข้าไปช่วยพยุงคุณปู่
“ไอ้หนู วันนี้แกจะมาปลิ้นปล้อนหลอกเอาตัวรอดไม่ได้หรอกนะ ถึงแกซื้อข้าวของมาให้ฉันก็ไม่มีผล ฉันอยากได้หลานสะใภ้ ฉันอยากได้หลานสะใภ้!” ปู่ปรัณไม่สนใจไยดีน้ำใจที่ชลธีมีต่อตนเองเลยแม้แต่น้อย
“ครับ ครับ คุณปู่ ไม่ต้องรีบร้อน อย่ารีบร้อน พวกเราเข้าไปแล้วค่อยคุยกันนะครับ” ชลธีช่วยพยุงคุณปู่เข้าไป
เมื่อชลธีเข้าไปภายในบ้านถึงได้ค้นพบว่าวันนี้อยู่กันพร้อมหน้าพร้อมตาเป็นพิเศษ พี่ใหญ่ของเขา พี่รองต่างกลับมากันหมดเลย ยิ่งกว่านั้นน้องสาวที่กลับบ้านยากที่สุดอย่างโธรณีก็กลับมาด้วยเหมือนกัน
เขาพยุงคุณปู่เข้าประตูบ้าน สมาชิกทุกคนในตระกูลสุวรรณเลิศต่างจ้องถมึงทึงมาที่เขา ราวกับต้องการมองให้ร่างกายของเขาทะลุเป็นโพรงเป็นรูก็ไม่ปาน
“เอาล่ะ แกว่ามาเถอะ แกจะทำให้ฉันพอใจยังไง!” ปู่ปรัณนั่งลง ชลธีถูกคนในครอบครัวหุ้มล้อมเอาไว้
“เวลาแบบนี้พวกเราควรจะทานอาหารกันไม่ใช่เหรอครับ?” ชลธีคิดว่าเวลานี้ควรจะเป็นเวลาอาหาร แต่ทุกคนกลับดูเหมือนไม่มีความคิดที่จะไปทานอาหารเลย
“กินไม่ลง ถ้าพี่ไม่ให้คำอธิบายกับพวกเราทุกคนล่ะก็ พวกเราทุกคนจะไม่กินข้าวกันแล้ว” โธรณีเลียนแบบน้ำเสียงของปู่ปรัณ พูดกับชลธี
ปรากฏว่าทันทีที่ชลธีหันมาสบตากับเธอ เธอก็แลบลิ้นออกมาและหุบปากลงทันที
แต่สิ่งที่น้องสาวพูดดูเหมือนจะเป็นสิ่งที่คนอื่นๆ ต้องการจะพูด ถ้าวันนี้ชลธีไม่ให้คำพูดที่น่าพึงพอใจกับพวกเขา ถ้าอย่างนั้นก็อย่าได้คิดจะออกไปจากคฤหาสน์เก่าของตระกูลสุวรรณเลิศเลย
ในเวลานี้เอง ชลธีหยิบสมุดเล่มสีแดงสองเล่มออกมาจากกระเป๋าถือของตัวเองอย่างไม่รีบไม่ร้อน ก่อนจะยื่นให้คุณปู่
มุกดาไม่เคยรู้เลยว่าสามีที่อยู่ข้างกายตัวเองนั้นจะกลับมาเมื่อไหร่ และไปเมื่อไหร่ อย่างไรก็ตามทุกครั้งที่เขากลับมา เธอจะนอนหลับไปแล้ว จากนั้นก็จะถูกทำให้ตื่นขึ้นมาทำหน้าที่ของตัวเอง
ส่วนตอนเช้า แน่นอนว่าเขาคงจะไปในตอนที่มุกดายังไม่ตื่นนอน
บีบนวดตรงเอวที่ปวดเมื่อย มุกดาลุกจากที่นอน วันนี้เป็นวันที่สองของการไปทำงานที่บริษัทฮอนดากรุ๊ป จะสายไม่ได้เด็ดขาด
เธอเปลี่ยนใส่เสื้อผ้าที่ซื้อมาเมื่อวานนี้อย่างรีบร้อน อาบน้ำล้างหน้าล้างตาง่ายๆ เล็กน้อย พลางเดินพลางม้วนผมของตัวเองขึ้นเป็นมวยผม
“คุณผู้หญิง อาหารเช้าพร้อมแล้ว คุณรีบมาทานเถอะครับ ทานเสร็จแล้วคนขับรถจะไปส่งคุณทำงานครับ” นัทธ์กำลังรอเธออยู่ที่ชั้นล่างแล้ว
“อืม โอเคค่ะ” มุกดาลงไปชั้นล่าง วันนี้เธอสวมเสื้อยืดสีชมพูแบบที่ตัวเองชอบกับกางเกงยีน พร้อมสวมรองเท้าผ้าใบคู่หนึ่ง มองยังไงก็เหมือนกับเด็กนักเรียนมัธยมปลายไม่มีผิดเพี้ยน