เมื่อชลธีกับโธรณีเข้าบ้านมา ธินิดาก็หันสายตาไปเห็นทันที เธอพูดทักทายชลธีด้วยความเขินอายมาก
“ชลคะ”
แต่ชลธีไม่สนใจเธอ และเดินตรงไปหามุกดา ก่อนจะนั่งลงข้างเธอ
ปรีณาพรรณเห็นชลธีเย็นชาต่อลูกสาวตัวเองแบบนี้ ใจเธอก็รับไม่ได้ แต่เพื่อไม่ให้ชลธีรำคาญลูกสาวตัวเอง เธอจึงต้องอดทน
“ชลจ๊ะ เธอทำงานหนักแล้วนะ แต่วันนี้มีข่าวดีจะบอกเธอนะ” ปรีณาพรรณลุกขึ้นยืน เธอเดินไปข้างหลังชลธี แล้วเสิร์ฟชามข้าวให้ชลธี
“เรื่องอะไร คุณพูดมา” ชลธีรับชามไป เขาคีบอาหารให้มุกดาก่อนเป็นอันดับแรก
“น้ำผึ้งของเราตั้งครรภ์แล้ว ความรักของพวกเธอสองคนตกผลึกแล้วนะ” ปรีณาพรรณพูดกับชลธีอย่างอารมณ์ดียิ้มน้อยยิ้มใหญ่
ชลธีที่กำลังคีบอาหารลงในชามของมุกดา หลังจากได้ยินคำพูดของปรีณาพรรณ มือของเขาก็สั่น ทำให้อาหารตกลงบนโต๊ะ
ก็ว่าทำไมช่วงนี้ถึงสงบเงียบอย่างนั้น ที่แท้ก็ใช้วิธีนี้มาสร้างปัญหาให้ตนนี่เอง
“ยินดีกับคุณด้วยนะชล พวกคุณสามพี่น้อง คุณเป็นคนแรกเลยที่ได้เป็นพ่อคน” วรรณวิมลเสริมอีก
“อุ๊ยตาย ไม่คิดเลยว่าฉันยังจะได้เห็นหลานของฉัน มีความสุขจริงๆ มีความสุขมาก” ย่านิ่มก็รื่นเริงมีชีวิตชีวา มุกดาเหลือบมองคนเหล่านั้นที่พูดเองเออเอง
แต่ชลธีกลับถูกข่าวนี้ทำให้ตกใจมาก เขาคิดไม่ถึงเลยสักนิดว่ามันจะมีเหตุการณ์ตั้งครรภ์แบบนี้ด้วย
“เด็กคนนี้ผมไม่ต้องการ” ชลธีตอบทันที
“ทำไมไม่ต้องการล่ะ นั่นคือหลานของตระกูลสุวรรณเลิศเรานะ ไม่ต้องการไม่ได้!” ย่านิ่มตบตะเกียบดัง ‘ปัง’ ลงบนโต๊ะอาหารทันที
“ยังไงผมก็ไม่ต้องการ ลูกของผมต้องมาเกิดกับมุกดาเท่านั้น ธินิดา คุณไปเอาเด็กออกซะ ผมสามารถให้ค่าตอบแทนคุณได้มากมาย นี่คือสิ่งที่ผมพูดในวันนั้น” ชลธีมองไปยังธินิดาอย่างประหม่า แต่มุกดาในเวลานี้ไม่ได้แสดงท่าทีมากนัก
“มุก คุณเชื่อใจผมไหม” ชลธีจับมือของมุกดาพร้อมกับเอ่ยถาม
“เชื่อ” มุกดาตอบโดยไม่ลังเล
“อะไร ให้ลูกสาวฉันไปเอาเด็กออกเหรอ นั่นเป็นไปไม่ได้ ตระกูลยืนนานเราไม่ใช่ตระกูลไก่กา ลูกสาวฉันตั้งครรภ์ เธอกลับทิ้งความรับผิดชอบ ทำไมต้องให้ลูกสาวฉันไปทนทุกข์ทรมาน” ปรีณาพรรณทะลึ่งพรวดขึ้นทันที
“อะไรที่เรียกว่าลูกสาวของคุณไปทนทุกข์ทรมาน เด็กมาได้ยังไง เรายังต้องใส่เครื่องหมายคำถามด้วยซ้ำ!” นีรชาเองก็ไม่อ่อนข้อให้ ถึงแม้เธอจะรู้ว่าเด็กคนนี้มีความเป็นไปได้มากที่จะเป็นลูกของชลธี แต่เรื่องที่เกิดขึ้นในตอนนั้น ชลธีก็พูดกับตนเหมือนกัน ซึ่งเธอก็ยังคงสงสัย
“อะไร พวกคุณกำลังพูดถึงอะไร ลูกสาวฉันเป็นคนแบบนั้นเหรอ ตระกูลยืนนานเราเป็นลูกหลานตระกูลขุนนาง ไม่ใช่หมาแมวที่ไหนก็ไม่รู้ แต่นั่นเป็นสายเลือดของตระกูลสุวรรณเลิศของคุณ ถ้าพวกคุณไม่ยอมรับ ฉันก็มีวิธีที่จะทำให้พวกคุณยอมรับได้เสมอ” ปรีณาพรรณขู่ทุกคน
มองดูกลุ่มคนที่กำลังใส่อารมณ์กัน ศีรษะของมุกดาก็ปวดมาก เธอเองก็ไม่รู้ว่าควรทำอย่างไร แต่เธอเชื่อในตัวชลธี แต่เรื่องในตอนนี้มันกลายเป็นว่าพวกเขาเสียเปรียบ
“คนบางคนเป็นหมาหวงก้าง ในเมื่อตัวเองทำไม่ได้ก็หลีกทางให้คนอื่นไปซะ คุณนายของตระกูลสุวรรณเลิศควรเปลี่ยนได้แล้ว” ย่านิ่มเหล่มองมุกดาพลางพูด
“ไม่ว่าพวกคุณจะพูดอะไรก็ตาม ยังไงผมก็จะไม่ยอมรับเด็กคนนี้ ใครอยากได้ก็เอาไป ไปกันเถอะมุก” ชลธีไม่อยากโต้เถียงกับคนพวกนี้อีก เขาจูงมุกดาเดินออกไป
“ชุติภาส เราเป็นเพื่อนกันมาหลายปี คุณดูลูกชายคุณสิ ตัวเองสดชื่นสบายตัวพอถกกางเกงเสร็จแล้วก็ไม่ยอมรับ น้ำผึ้งของเราบริสุทธิ์ผุดผ่อง เขาพูดแบบนี้หมายความว่ายังไง” ปรีณาพรรณจับชุติภาสไม่ยอมปล่อย
พูดกับพวกย่านิ่มก็เหมือนผายลม พูดได้แต่กับชุติภาสเท่านั้น กับนีรชาถึงแม้จะได้ผล แต่ดูจะไม่ทนกับการขู่ของตน ดังนั้นปรีณาพรรณจึงมุ่งเป้าไปที่ชุติภาส
ชุติภาสถูกปรีณาพรรณเขย่าจนเวียนศีรษะ ตั้งแต่ทะเลาะกันเอะอะโวยวายตอนทานอาหารแล้ว ตอนนี้ปรีณาพรรณยังมาเอาเป็นเอาตายอีก เขาก็ยิ่งปวดหัว
“คุณอย่าเขย่า เขย่าอีกผมจะเป็นลมแล้ว” ชุติภาสดึงมือของปรีณาพรรณ แต่ในขณะที่ดึง ปรีณาพรรณก็ล้มลง
“ฟุ่บ” ปรีณาพรรณล้มลง ศีรษะของเธอกระแทกพื้น แล้วสลบไป
“คุณแม่ คุณแม่คะ คุณเป็นอะไร เกิดอะไรขึ้นกับคุณ พวกคุณตระกูลสุวรรณเลิศต้องการฆ่าคนปิดปากเหรอ” ธินิดาเห็นปรีณาพรรณล้มลงกับพื้น ตอนที่มาไม่ได้มีแผนนี้ เธอจึงตกใจจริง พุ่งลงไปหาปรีณาพรรณและร้องเรียกไม่หยุดหย่อน
“เร็ว ส่งโรงพยาบาลเร็ว” ไม่รู้ว่าใครตะโกน ผู้คนที่ตกใจจนโง่ถึงค่อยได้สติ
นิตย์รวีแม้จะถูกสวมเขา แต่เขายังอุ้มปรีณาพรรณขึ้น ออกไปเปิดประตูรถ พาสองแม่ลูกไปโรงพยาบาล
“ชุติภาส คุณก็ไปดูด้วยสิ พวกเขาเป็นลมในบ้านเรา คุณเป็นเจ้าของบ้านควรไปดู แล้วค่อยแจ้งอุไรภัสร์” แม้นีรชาจะไม่ชอบแม่ลูกปรีณาพรรณ แต่ดูท่าแล้วไม่ใช่การเสแสร้ง น่าจะร้อนใจจนช็อค
“อืม งั้นผมไปดูหน่อย ช่วยโทรหาภัสร์ด้วยแล้วกัน ฟ้า คุณก็ตามผมไปด้วย ในกรณีที่ต้องการคนดูแล คุณเป็นผู้หญิงมันสะดวกกว่า” ชุติภาสให้สิริกรไปโรงพยาบาลกับตน เพราะนีรชายังต้องควบคุมสถานการณ์โดยรวมที่บ้าน
สิริกรได้ยินชุติภาสบอกให้ตัวเองตามเขาไป เธอจึงมีความสุขมาก รีบเดินตามชุติภาสไปทันที
“ผู้ป่วยมีอาการร้อนใจจนช็อค พวกคุณเป็นอะไร คุยกันดีๆ ไม่ได้เหรอ ดูเหมือนคนไข้จะร้อนใจจนเป็นลม บนศีรษะนี่ยังล้มจนบวมปูดมากด้วย” หมอมองดูศีรษะของปรีณาพรรณ มันเป็นก้อนกลมใหญ่มาก
ชุติภาสเห็นปรีณาพรรณไม่ได้อาการโคม่าก็วางใจ เขาให้สิริกรช่วยเช็ดหน้าให้เธอ บนใบหน้ามีเลือดเปื้อนด้วย
ธินิดาร้องไห้อยู่ข้างๆ ใจเธอรู้ว่าปรีณาพรรณป่วย แน่นอนว่าไม่ใช่ร้อนใจจนเป็นลม เป็นเพราะอาการของแม่แย่ลงแล้ว
แต่นี่เป็นการตรวจทั่วไป แน่นอนว่าต้องตรวจไม่พบโรคอื่นของปรีณาพรรณ
“พวกคุณทำอะไรกับตระกูลยืนนานเรา คิดว่าเรามีความสัมพันธ์ที่ดีมากมาโดยตลอด แต่ตอนนี้เหมือนเป็นศัตรู” ยชญ์อุดมกับอุไรภัสร์มองปรีณาพรรณที่อยู่บนเตียงผู้ป่วย แล้วตั้งคำถามกับชุติภาส
“นี่เป็นความผิดของตระกูลสุวรรณเลิศเรา เป็นความผิดของเราเอง พวกเรายินดีชดเชย” เวลานี้ชุติภาสได้แต่พูดถ้อยคำดีๆ
อย่าเพิ่งพูดเรื่องอื่น การที่มีคนนอนอยู่บนเตียง มันเป็นความผิดของตระกูลสุวรรณเลิศ
“ชดเชย ชดเชยยังไง ตอนแรกทำให้น้องสาวผมท้อง ตอนนี้ก็ทำให้แม่ผมนอนบนเตียงผู้ป่วยอีก พวกคุณยังจะทำอะไรอีกล่ะ” หลังจากที่อุไรภัสร์เลิกคบกับชลธี เขาก็วิตกกังวลสุมอกมาตลอด
“แล้วพวกคุณต้องการแบบไหน” ชุติภาสไม่มีทางเลือก ดูเหมือนว่าเรื่องเหล่านี้เป็นตระกูลสุวรรณเลิศที่ทำไม่ถูก
“แบบไหนงั้นเหรอ รอแม่ผมฟื้นก่อนค่อยว่ากัน ตอนนี้พวกคุณอยู่ที่นี่เพื่อดูแลเธอซะ!” อุไรภัสร์ตะคอกด้วยความโกรธ