“ขึ้นรถ!” วรกัญญาพยักพเยิดศีรษะให้ชลธีที่รออยู่หน้าประตู ชลธีมองวรกัญญาทันที รถคันนี้เป็นรถรุ่นอัพเกรดที่ตนมอบให้เธอไม่ใช่เหรอ
แต่ชลธียังขึ้นรถไปอย่างเชื่อฟัง ตอนนี้เขายังไม่สามารถถามอะไรได้
“ประธานวรกัญญา ให้ผมขับรถเองเถอะครับ คุณเป็นประธานไม่ควรให้คุณขับรถแล้วผมเป็นคนนั่ง แบบนี้มันจะดูไม่ค่อยดีหรือเปล่าครับ” ชลธีพูดกับวรกัญญา
วรกัญญาคิดครู่หนึ่ง ก็จริง เธอเป็นประธานผู้สูงส่ง มาขับรถให้ผู้ช่วย เหมือนจะดูไม่ค่อยดี
“ก็ได้ คุณแล้วกัน” วรกัญญาลงจากรถ แล้วขึ้นไปนั่งยังที่นั่งข้างคนขับ
เมื่อถึงงานเลี้ยง ก็มีคนมาถึงเยอะแล้ว มีหลายคนที่รู้จักชลธี และมีการทักทายเขา กลับกันที่มีคนทักทายวรกัญญาค่อนข้างน้อย เพราะว่าเธอเพิ่งกลับประเทศมา หลายคนจึงไม่รู้จักเธอ
ภายใต้การปกป้องของชลธี วรกัญญาจึงได้เข้าไปยังสถานที่ในงานเลี้ยง ภายในแสงทองเหลืองอร่ามแวววาว ทั่วทั้งล๊อบบี้ของโรงแรมเป็นประกายระยิบระยับเข้าตาจนแทบลืมตาไม่ขึ้น
ขณะที่วรกัญญายังไม่ทันได้มองดูอะไร ก็มีร่างเงาดำหนึ่งเข้ามากอดวรกัญญาแน่น สัญชาตญาณความกลัวทำให้เธอผลักออก
ชลธีเองก็ตะปบยกคนคนนั้นไปอีกทาง
“มุก มุก เป็นเธอจริงๆ เหรอ” จันวิภาถูกชลธียกอยู่ แต่เธอกลับเอาแต่จ้องวรกัญญา น้ำตาไหลจนทำให้เมคอัพเสีย
จันทิมาโทรหาทศพรแล้ว บอกว่ามุกดาจะมาที่งานเลี้ยงคืนนี้ ทศพรจึงเอาข่าวนี้บอกจันวิภาภรรยาของตนด้วยความตื่นเต้น
จันวิภาเร่งให้ทศพรมาถึงที่งานเลี้ยงตั้งนานแล้ว เพื่อรอการมาถึงของมุกดา
เมื่อครู่ตอนที่มุกดากับชลธีปรากฏตัว เธอไม่สามารถอดกลั้นความรู้สึกคิดถึงขอตัวเองได้อีกต่อไป จึงพุ่งตรงเข้ามาหา
“คุณคือ?” วรกัญญามองจันวิภา ผู้หญิงคนนี้ทำไมถึงได้มองตนแล้วร้องไห้อย่างเศร้าโศกแบบนี้ เหมือนกับว่าได้เห็นคนที่รักตายไปแล้วกลับมามีชีวิตอีกครั้ง
“ฉันคือจันวิภาไง ฉันคือจันวิภา” จันวิภาแนะนำตัวเองไม่หยุด
แต่วรกัญญากลับไม่มีความทรงจำอะไรเลย เธอยิ้มเล็กน้อยแล้วพูดกับจันวิภาว่า “คุณจันวิภา สวัสดีค่ะ”
จันวิภาหลุดจากมือของชลธีแล้ว เธอมองวรกัญญาอย่างไม่อยากเชื่อ สีหน้าของวรกัญญาไม่ได้เสแสร้ง ท่าทางเธอเหมือนไม่รู้จักตนจริงๆ
“มุก เธอสูญเสียความทรงจำเหรอ” จันวิภาที่แสนฉลาดเฉลียวคิดเหตุผลนี้ออกได้ในทันที
ชลธีเองก็เพิ่งได้สติ ถ้าเป็นการเสแสร้ง เป็นไปไม่ได้ที่มุกดาจะเสแสร้งได้นานขนาดนี้ ตอนนี้ที่อธิบายได้อย่างเดียวคือมุกดาสูญเสียความทรงจำ
“ถูกต้อง เธอสูญเสียความทรงจำ” ประวีร์ปรากฏตัวขึ้นที่ข้างกายวรกัญญา แล้วเขาก็บอกกับทุกคน
“ไม่เป็นไรหรอก ไม่เป็นไร ฉันจะค่อยๆ ช่วยให้เธอจดจำได้เองนะ” จันวิภาเปลี่ยนวิธี ไม่ว่าเพื่อนของตนเป็นอย่างไร เธอก็จะไม่มีทางรังเกียจหล่อน
“ฉันสูญเสียความทรงจำเหรอ” วรกัญญาพูดพึมพำ ความทรงจำของเธอมีเพียงว่าเธอถูกคุณนายเจนนี่ส่งขึ้นเครื่องบินจากเตียงในโรงพยาบาลเมื่อห้าปีที่แล้ว จากนั้นท้องของตัวเองก็ใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ กระทั่งคลอดอักลี่ออกมา
“ใช่ ฉันสูญเสียความทรงจำ แต่ฉันไม่อยากฟื้นฟูความทรงจำค่ะ ประธานประวีร์ ความร่วมมือทางธุรกิจของเราฉันดูแล้ว ฉันคิดว่าสถานที่นี้ยังต้องมีการปรับปรุงนิดหน่อย” วรกัญญาเหลือบมองผู้คนเหล่านั้น ก่อนที่เธอจะหมุนตัวดึงประวีร์ไปเริ่มพูดคุยเรื่องความร่วมมือทางธุรกิจ
ไม่ใช่ว่าเธอไม่อยากพูดคุยกับคนที่มีท่าทีกระตือรือร้นพวกนั้น แต่ศีรษะของเธอปวดขึ้นมาอีกแล้ว หัวใจก็เจ็บปวดด้วย ขณะที่เธอพูดคุยกับประวีร์ไปได้เพียงไม่กี่คำ ก็ปวดศีรษะจนต้องใช้มือจับเข้าที่ขมับ
“คุณเป็นอะไร” เมื่อครู่ชลธีไม่ได้รบกวนการสนทนาระหว่างมุกดากับประวีร์ แต่เขาคอยเฝ้าสังเกตมุกดาอยู่ตลอดเวลา พบว่าเธอมีสีหน้าที่กำลังเจ็บปวด ขณะที่เธอซวนเซจะล้ม ชลธีก็เข้ามาคว้าประคองมุกดาตรงหน้าประวีร์
“ไม่เป็นไร ยาของฉันอยู่ในกระเป๋า รินน้ำให้ฉันแก้วหนึ่ง ฉันโรคเก่ากำเริบ” วรกัญญาได้แต่ทานยาแก้ปวด เพราะพื้นฐานโรคของเธอมันไม่มีสาเหตุ
ชลธีอุ้มมุกดาขึ้น จันวิภารีบเอายาออกจากกระเป๋าของเธอ ประวีร์ไปรินน้ำ ทศพรไปหาสถานที่ ให้ชลธีนำมุกดาไปนอนบนเตียงในห้อง
เมื่อทานยาแก้ปวดเข้าไปแล้ว วรกัญญาถึงได้ทุเลาลง เธอมองทุกคนอย่างซาบซึ้ง
“ขอบคุณพวกคุณมากนะคะ ฉันไม่เป็นอะไรแล้ว” วรกัญญาที่ถูกกอดอยู่ในอ้อมกอดของชลธี เธอรู้สึกสบายในอ้อมกอดนี้ และรู้สึกคุ้นเคยมาก แต่เธอกลับไม่อยากฟื้นฟูความทรงจำ ในทีวีก็เคยบอกไว้ว่าคนเราต้องได้รับผลกระทบอย่างหนัก ถึงจะสูญเสียความทรงจำ
ดังนั้นเธอไม่อยากรู้เรื่องราวในอดีต ไม่อยากให้ตัวเองถูกผลกระทบอีกครั้ง
“เอาล่ะ งานเลี้ยงกำลังจะเริ่มแล้ว วันนี้ฉันยังมีนัดกับเพื่อนหลายคน ขอตัวก่อนนะคะ” วรกัญญาอยากจะหนี คนพวกนี้ต่างรู้จักเธอ เธอกลัวว่าวันหนึ่งจะมีใครจับมือเธอและบอกเรื่องราวที่ไม่ดีกับเธอ
ที่กลับมาครั้งนี้คุณพ่อให้ตนกลับมาจึงไม่มีทางเลือก เขาต้องรู้ทุกอย่างแน่ๆ เพียงแต่อยากให้ตนกล้าเผชิญกับมัน แต่คุณพ่อคะ คุณประเมินฉันสูงไป ฉันไม่มีความกล้าที่จะเผชิญกับอดีตของฉันเลย
ชลธีช่วยประคองวรกัญญาขึ้น เขาให้ทศพรพาจันวิภาออกไปก่อน แล้วเขาก็ให้ประวีร์ออกไปด้วย เขาช่วยวรกัญญาจัดทรงผมและเสื้อผ้าให้เรียบร้อย
“เอาล่ะ ประธานวรกัญญาของเราสวยที่สุดเสมอ เราออกไปกันเถอะครับ” ชลธีคิดว่าการตายของณิชพนในตอนนั้นส่งผลกระทบอย่างหนักต่อวรกัญญา จึงทำให้เธอสูญเสียความทรงจำไป เรื่องนี้เจ็บปวดมากจริงๆ
ตอนนั้นตนไม่ได้อยู่ข้างเธอ แค่สามารถจินตนาการได้ว่าเธอจะทำอะไรไม่ถูกแค่ไหน เห็นรถพุ่งชนตัวเอง พ่อของตัวเองผลักตัวเองออก และตายไปต่อหน้าต่อตาตัวเอง ไม่ว่าใครก็รับไม่ได้ทั้งนั้น
ปัจจุบันปรีณาพรรณตายในคุกแล้วตั้งแต่ห้าปีก่อน หมอพบว่าปรีณาพรรณเป็นมะเร็งตับระยะสุดท้าย อย่างไรก็ต้องตายอยู่แล้ว ดังนั้นจึงต้องการชนมุกดาให้ตาย
ธินิดาที่รู้ว่าแม่ของตัวเองตาย เธอก็เศร้าโศกเสียใจหนัก จนกระทั่งแท้งลูก ส่วนเธอก็หายตัวไปเช่นกัน
เรื่องในตอนนั้นมีผู้หญิงสองคนหายตัวไป และปรีณาพรรณเป็นผู้ร้ายกระทำความผิด
“มุก เรื่องในอดีตเราไม่ต้องคิดถึงมันแล้ว ทุกอย่างเริ่มต้นกันใหม่นะ” ชลธีพูดอย่างสะเทือนใจ
“โปรดทราบ ฉันเป็นเจ้านายคุณ คุณควรระวังคำพูดด้วย” เวลานี้วรกัญญามีสติสัมปชัญญะดีแล้ว เธอเห็นชลธีเรียกชื่อตัวเอง เธอจึงเตือนแก้เขา
“ขออภัยประธานวรกัญญา ผมผิดเองครับ เป็นความผิดของผมเอง” ชลธียอมรับความผิดทันที
งานเลี้ยงนี้ชุติภาสก็มาด้วย เขาหมดคำจะพูดกับลูกชายตัวเอง เพื่อจะได้เข้าใกล้ภรรยาของตัวเอง เขาถึงกับขายตัวเองเป็นทาสรับใช้เหมือนกับถังป๋อหู่ในตอนนั้น ไปเป็นผู้ช่วยประธานที่โจนส์กรุ๊ป
แม้นีรขาจะสนับสนุนอย่างมาก แต่ชุติภาสรู้สึกว่าใบหน้าชราภาพของตัวเองนั้นอดกลั้นไม่อยู่ ลูกชายคนนี้ ต้องการให้ตนเสียหน้าหรืออย่างไร