ในที่สุดก็ถึงที่หมาย ที่นี่เป็นรีสอร์ทขนาดใหญ่ ตั้งแต่หน้าประตูก็สามารถเห็นถึงการตกแต่งที่มีเอกลักษณ์ในท้องถิ่นอย่างมาก ที่ประตูใหญ่เต็มไปด้วยดอกไม้หลากสีสัน โชยกลิ่นหอมเตะจมูกมาแต่ไกล
“เอาล่ะ ถึงแล้ว” หลังจากการเดินทางนานกว่าสองชั่วโมงและมาถึงอย่างปลอดภัยในที่สุด วรกัญญาขับรถเข้าไปแล้วตามพนักงานไปจอดหน้าประตูห้องที่จองเอาไว้แล้ว
ที่นี่มีบ้านที่ไม่เหมือนกันอยู่มากมาย บางหลังแบบจีน บางหลังแบบคันทรี บางหลังแบบวิลล่าเป็นต้น
ที่พวกวรกัญญาจองไว้เป็นพื้นที่เขตวิลล่า ในบรรดาห้องชุดหลายห้องในบ้าน พวกเธอทั้งสามก็พักในห้องชุดสามห้อง
หลังลงจากรถต่างคนต่างขนย้ายของของตัวเอง ในตอนนั้นอักลี่ก็ลงจากรถด้วยตัวเองแล้วไปช่วยวรกัญญาขนของ
โธรณีและจันวิภามองอักลี่ในทันที เป็นเด็กที่สวยมากเลย เมื่อมองเขาช่วยวรกัญญาขนของก็อดเข้าไปหยอกล้อไม่ได้
“อุ้ยตาย เพื่อนตัวน้อย หนูสวยจังเลย หนูเป็นบริกรของที่นี่เหรอจ๊ะ? เดี๋ยวนี้บริกรก็สวยขนาดนี้แล้วสิ งั้นคราวหลังพวกเราต้องมาบ่อยๆ ซะแล้ว” โธรณีชอบอักลี่มาก เธออยากจะเข้าไปกอดอักลี่
จันวิภาเองก็ชอบเหมือนกัน เธอยังอยากเข้าไปจุ๊บเลยทีเดียว
“เมื่อกี้เราก็มารถคันเดียวไม่ใช่เหรอฮะ? ตอนพวกน้าขึ้นรถ ผมยังทักทายพวกน้าอยู่เลย” อักลี่หิ้วกระเป๋าเดินทางของตัวเองแล้วเบิกดวงตากลมมองไปยังคุณน้าทั้งสอง
คุณน้าสองคนนี้ซื่อบื้อหรือเปล่า? ตอนขึ้นรถก็ทักทายกันและกันแล้วแท้ๆ พวกเธอยังบอกว่าตัวเองเป็นบริกรของที่นี่อีก
คราวนี้ถึงตาจันวิภาและโธรณีตะลึงแล้ว มารถเดียวกันกับเด็กคนนี้ตอนไหน ทำไมพวกเธอไม่รู้เลย?
“จริงสิ ที่สวัสดีคุณน้าตอนที่ขึ้นรถนั่น หนูเป็นคนพูดใช่ไหม?” จันวิภานึกขึ้นได้ก่อน
“ใช่ฮะ แล้วจะมีใครอีกล่ะ?” อักลี่หมดคำจะพูดกับคุณน้าสองคนนี้จริงๆ ก็พูดไปแล้ว พวกเธอยังไม่เห็นเขายังเหรอ?
“โธ่เอ๊ย ไม่ได้ระวังเลยจริงๆ เชียว โธ่ หนูน้อยที่น่ารัก หนูชื่อว่าอะไรจ๊ะ?” ทั้งสองต่างพากันเข้าไปถามอักลี่อย่างลืมไปแล้วว่าตัวเองยังต้องขนย้ายสัมภาระ
วรกัญญาเองก็ไม่ได้สนใจพวกเธอ แล้วย้ายของของตัวเองเข้าไปก่อน
“ผมชื่ออักลี่ฮะ คุณน้า พวกน้าชื่ออะไรเหรอ?” อักลี่ยื่นมือป้อมน้อยๆ ออกไปปัดผมที่ปรกหน้าของโธรณีอยู่ให้อย่างอบอุ่น การกระทำเล็กๆ น้อยๆ นั้นเกือบจะทำให้โธรณีมีความสุขจนหน้ามืดไป
“เป็นผู้ชายที่อบอุ่นจังเลย ฉันชื่อโธรณี คุณน้าคนนี้ชื่อว่าจันวิภาจ้ะ” โธรณีในตอนนั้นดีใจจนแทบอยากจะบอกชื่อแปดชั่วอายุคนให้หนุ่มน้อยผู้อบอุ่นคนนี้ไปให้หมดเลย
“นี่ ชื่อของฉันก็ให้ฉันพูดเองสิ เธอขโมยโอกาสได้คุยกับหนุ่มหล่อของฉันอีกแล้วนะ ฉันเกลียดเธอชะมัด!” จันวิภาเอ่ยเตือนโธรณีด้วยรอยยิ้ม
“เธอก็แต่งงานแล้วยังต้องการโอกาสอะไรอีก ฉันน่ะยังโสดนะ” โธรณีพูดข้อได้เปรียบของตัวเองออกมา
“คุณน้า ผมคงไม่ชอบคนแก่ขนาดนี้หรอกฮะ” เมื่ออักลี่ฟังคำพูดของโธรณีแล้วก็รีบลากกระเป๋าเดินทางเดินไปทันที คุณน้าคนนั้นก็หน้าตาใช้ได้ แต่ว่าแก่เกินไปเขาไม่ชอบหรอก
“ฮ่าๆๆ ฮ่าๆๆ” จันวิภามองหน้าของโธรณีแล้วหัวเราะจนปวดท้อง เห็นท่าทางเหมือนเห็นของอักลี่แล้วเธอก็ขำจนไม่มีแรงจะเดินเลยจริงๆ
“เอาล่ะ ถ้าเธอไม่ไปอีก ฉันจะไปแล้วนะ”เมื่อเห็นวรกัญญาช่วยพวกเธอหิ้วของขึ้นไปหมดแล้ว เธอก็รีบไปหิ้วของที่เหลือ
มุกคนนี้ยังเป็นเหมือนเมื่อก่อน เธอชอบช่วยเหลือคนมาก แม้ว่าเธอจะจำอะไรไม่ได้เลยสักนิด แต่โดยสันดานเดิมนั้นไม่ได้เปลี่ยนแปลงไป
สาวจอมมึนทั้งสองหยอกล้ออักลี่อยู่นาน ก็ไม่ได้รู้สึกตัวเลยว่าอักลี่คือลูกชายของวรกัญญา บางทีในความทรงจำของพวกเธอ วรกัญญานั้นยังเป็นเด็กสาวคนหนึ่ง
“คุณแม่ พวกเรานอนห้องนี้เหรอฮะ?” อักลี่จูงมือวรกัญญาชี้ไปที่ห้องห้องหนึ่งแล้วถามขึ้น
“อื้ม พวกเราจะอยู่ที่นี่จ้ะ” วรกัญญาพยักหน้า ในที่พักแบบวิลล่านี้ทุกคนจะแชร์ห้องนั่งเล่นและห้องครัวกัน ส่วนบริเวณที่พักอาศัยจะแยกออกจากกันทั้งหมด
“คุณแม่?” จันวิภาและโธรณีตกตะลึงอีกครั้ง วันนี้พวกเธอรีบเกินไปหรือเปล่าเลยไม่ได้เอาสมองมาด้วย รู้สึกสมองกับหัวใจของวันนี้เริ่มเกินจะรับไหวแล้วล่ะ
“อื้ม ขอโทษทีนะ เมื่อกี้นี้ฉันลืมแนะนำให้พวกเธอ นี่คือลูกชายของฉันอักลี่ ลูกชายนี่คือเพื่อนของแม่นะ” วรกัญญาคิดๆ ดูแล้วรู้สึกว่าเรียกว่าเพื่อนคงจะดีกว่า
จันวิภาดึงให้โธรณีเล่นละครตบตาสองสามประโยค ทั้งสองกลับมาในห้องของจันวิภาแล้วปิดประตู
“เมื่อกี้มันเกิดอะไรขึ้น?” จนถึงตอนนี้จันวิภายังดึงสติกลับมาไม่ได้
“มุกดามีลูกแล้ว แถมเด็กคนนั้นยังโตขนาดนี้แล้วด้วย เด็กคนนั้นเป็นใครกัน? มุกดาคงไม่ได้ไปต่างประเทศแล้วแต่งงานอีกหรอกนะ? แล้วพี่ชายฉันจะทำยังไงกันล่ะ?” โธรณีเองก็เวียนหัวเช่นกัน
“ฉันต้องโทรหาพี่ชายฉัน ปัญหานี้สมองของฉันไม่มีทางคิดหาวิธีอะไรได้หรอก” โธรณีรีบหยิบมือถือออกมาแล้วโทรไปหาชลธี
“อะไรนะ? มุกมีลูกแล้ว และยังหลายขวบแล้วด้วยงั้นเหรอ?” ชลธีที่อยู่อีกฝั่งของสายเองก็ตกใจอย่างมาก วันนั้นที่มุกให้เขาหาสถานที่เล่นสนุกที่เหมาะกับเด็กให้ เขาก็ไม่นึกว่ามุกดาจะมีลูกแล้ว แต่ตอนนี้มันเกิดอะไรขึ้น?
“เป็นอะไรไป? สีหน้านั่นของนายอย่างกับเห็นผี” เมื่อทศพรเห็นสีหน้าของชลธี เขาก็รู้สึกว่ามันน่ากลัวมาก
พวกเขามาถึงรีสอร์ทล่วงหน้าแล้ว เพียงแต่ที่พักของพวกเขานั้นอยู่ไกลจากสาวๆ นิดหน่อย อีกเดี๋ยวก็จะสามารถแสร้งทำเป็นว่าเผอิญพบกันโดยไม่ตั้งใจได้
“มุกดามีลูกแล้ว หลายขวบแล้วด้วย? หรือว่าเธอแต่งงานอีกครั้งตอนไปต่างประเทศงั้นเหรอ?” มุกดาสูญเสียความทรงจำ เธอคงไม่รู้ว่าตัวเองแต่งงานแล้วแน่ พอเจอพวกคนที่มีเจตนาแอบแฝง เป็นไปได้มากที่จะถูกหลอก
ชลธีวางโทรศัพท์ไว้ข้างๆ โดยไม่รู้ว่าควรทำยังไงดี
“กลัวอะไรกันเล่า อีกเดี๋ยวพวกเราก็จะได้เจอกันแล้วไม่ใช่หรือไง? เราก็จะได้ดูว่าเด็กคนนั้นหน้าตาเป็นยังไง ไม่ก็จะได้รู้ บางทีอาจจะรับเลี้ยงมาก็ได้นี่นา?” ทศพรปลอบใจชลธี
พอชลธีคิดดูแล้วมันก็เหมือนจะเป็นแบบนั้น ตั้งแต่กลับมา ก็ยังไม่เห็นมุกอยู่กับชายคนไหนเลย และยังไม่เห็นว่ามีผู้ชายเคยมาหาเธอด้วย เป็นไปได้ว่าจะเป็นเด็กที่รับมาเลี้ยง
แต่ทว่าตอนนี้เขานั้นอยากจะไปเจอเด็กคนนั้นมากว่าหน้าตาเป็นยังไงกันแน่
อาหารเที่ยงนั้นล้วนกินของที่วรกัญญาพามา เธอหยิบของที่ตัวเองเตรียมไว้ออกมา โธรณีและจันวิภามองอาหารที่สวยงามจนไม่กล้ากินพวกนั้น ก็ลืมความกังวลของชลธีไปเลย แล้วพวกเธอก็กินอาหารอย่างเอร็ดอร่อย
ท่าทางการกินอาหารของอักลี่สง่างามมาก ต่างกับวรกัญญา วรกัญญากินอย่างรวดเร็ว จันวิภาและโธรณีเองก็เช่นกัน ทั้งสามกินเหมือนกับจะยื้อแย่งอาหารกันอย่างไรอย่างนั้น
อักลี่กินติ่มซำบนจานของตัวเองอย่างช้าๆ แล้วดื่มโจ๊กผลไม้ เขามองไปยังการกินของหญิงสาวทั้งสามแล้วขมวดคิ้วเล็กน้อย เมื่อก่อนนึกว่ามีแค่คุณแม่ที่กินข้าวน่าเกลียด ที่แท้เวลาผู้ใหญ่ของที่นี่กินข้าวก็เป็นแบบนี้กันหมด!