ตอนที่ชลธีกำลังจะบอกเรื่องแต่งงานของตัวเองให้อักลี่ฟัง กลับได้ยินเสียงคนร้องตะโกนขอความช่วยเหลือมาจากที่ไกลๆ พอเขากับทศพรได้ยิน ก็รีบวิ่งไปยังที่ที่มีเสียงร้องตะโกนอย่างรวดเร็ว ตอนที่กำลังจะไปนั้น ชลธีก็ไม่ลืมที่จะคว้าตัวอักลี่ขึ้นมาอุ้มไว้
ทั้งสองคนวิ่งตามเสียงไปจุดที่เกิดเหตุ เห็นวรกัญญากำลังนอนคว่ำอยู่บนพื้น เธอคว้าตัวโธรณีไว้แน่น ร่างของโธรณีตกไปด้านนอกแล้ว ส่วนข้างหลังก็คือหน้าผาที่สูงชัน
จันวิภาที่อยู่ด้านหลังรวบขาของวรกัญญาเอาไว้แน่น แล้วเธอก็ตะโกนขอความช่วยเหลืออย่างไม่หยุดหย่อน
ชลธีนำตัวอักลี่ส่งให้จันวิภา จากนั้นไปช่วยแสนดีขึ้นมาด้วยกันกับทศพร
โธรณีตกใจกลัวจนใบหน้างดงามถอดสี เธอขึ้นมาก็เอนตัวลงนอนบนพื้น ราวกับผ่านความตายมาครั้งหนึ่ง
“เกิดเรื่องอะไรขึ้น?” ชลธีปาดเหงื่อที่หน้าผาก ออกแรงดึงให้ขึ้นมาจากด้านนั้นไม่ง่ายเลย
วรกัญญาปลอบโธรณีพร้อมส่งขวดน้ำให้เธอ
“เดิมทีพวกเรามาถ่ายรูปที่นี่ ตำแหน่งนั้นฉันกับมุกเคยยืน อาจเป็นเพราะยืนทับจนคลายตัว ตอนที่แสนดีไปยืน พื้นนั้นก็เลยคลายตัว ยังดีที่มุกตอบสนองได้ไวจึงดึงแสนดีเอาไว้ได้ ไม่อย่างนั้นคงต้องลงไปตามหาแสนดีข้างล่างแล้วล่ะ” จันวิภาก็ตกใจกลัวจนตัวสั่น
“แสนดี แสนดี เธอดีขึ้นบ้างแล้วหรือยัง?” ชลธีประคองโธรณีขึ้นมา สาวน้อยคนนี้ตกใจกลัวจนใบหน้าซีดเผือดแล้ว
“ดีขึ้นหน่อยแล้ว ขอบคุณนะมุก ถ้าหากไม่มีมุกละก็ ฉันอาจจะปลิวหายไปตามสายลมแล้ว” ร่างกายของโธรณียังสั่นเทาอยู่
“ทศพร นายลองดูสถานที่แห่งนี้ของนายสิ ควรจะทำใหม่สักหน่อยไหม ถ้าหากเกิดเรื่องขึ้น นายก็ต้องรับผิดชอบผลที่ตามมา” ชลธีสีหน้าก็ไม่ค่อยดีนัก
ทศพรจึงตรวจดูสถานที่ตรงนั้น อันตรายจริงๆ ด้วย หลังจากนี้ต้องปิดป้ายเตือนสถานที่ตรงนั้นไว้
“อืม ได้ๆ โอเค ฉันจะปรับปรุงให้ดีขึ้นในทันทีอย่างแน่นอน เสริมสถานที่ตรงนี้ให้แข็งแรงและมั่นคงขึ้น” ทศพรพยักหน้าอย่างรีบร้อน ถ้าหากวันนี้เกิดเรื่องอะไรขึ้น เขาก็ไร้หนทางอธิบายจริงๆ
ทุกคนต่างให้ความสนใจไปที่ร่างกายของโธรณี จนไม่มีใครสังเกตเห็นแขนของวรกัญญาถูกเสียดสีจนเลือดไหล แม้กระทั่งวรกัญญาเองก็ไม่สังเกตเห็น
“คุณแม่ เลือดไหลแล้วครับ” อักลี่ที่อยู่ในอ้อมกอดของจันวิภาเห็นแขนของแม่มีเลือดไหลลงมา
วรกัญญาได้ยิน เธอก็รีบดูที่แขนของตัวเองอย่างรีบร้อน รู้สึกเจ็บนิดหน่อย แต่ไม่คิดว่าจะรุนแรงขนาดนี้ เมื่อเธอเห็นเลือดที่แขนของตัวเอง ไม่นานนักก็เป็นลมหมดสติไป
“มุก มุก” ชลธีเห็นวรกัญญาเป็นลมหมดสติไป เขาก็ไปดูแลวรกัญญา
“ไม่เป็นไรหรอกครับ คุณลุงชลธีเช็ดเลือดบนแขนของแม่ให้สะอาด ก็ใช้ได้แล้ว คุณแม่ไม่ชอบมองเลือด” อักลี่บอกชลธี
ชลธีรีบใช้น้ำแร่ล้างเลือดที่แขนของวรกัญญาอย่างรีบร้อนจนสะอาดเกลี้ยง จากนั้นฉีกมุมเสื้อเชิ้ตของตัวเองพันให้วรกัญญา
ให้วรกัญญาดื่มน้ำสองสามอึก วรกัญญาก็ได้สติ พอเธอได้สติแล้วก็มองโธรณี เห็นโธรณีปลอดภัยดี เธอก็สบายใจแล้ว
“มุกเมื่อกี้เธอเป็นอะไรไป? ทำเอาฉันตกใจแทบตายแหนะ” เดิมโธรณีเองก็ตกใจกลัวจนจะรับไม่ไหวแล้ว คราวนี้มุกเป็นลมหมดสติไป เธอก็ยิ่งรู้สึกผิดในใจ คงจะไม่ใช่เพราะตัวเองทำให้วรกัญญาตกใจจนเสียขวัญหรอกนะ
“ไม่เป็นไร ฉันเห็นเลือดเลยเป็นลมหมดสติไป ตอนนี้ดีแล้ว ขอโทษนะ ทำให้ทุกคนเป็นห่วง” วรกัญญาก็รู้สึกเกรงใจ จุดอ่อนนี้ของตัวเองพลอยทำให้ทุกคนเป็นห่วง
“เห็นเลือดเลยเป็นลมหมดสติไป?” ชลธีหัวใจดังตึกตัก เมื่อก่อนมุกไม่เคยเห็นเลือดแล้วเป็นลมหมดสติไปเลยนะ มีจุดอ่อนแบบนี้เมื่อไหร่กัน?
“ไม่เป็นไร ไม่เป็นไร แสนดีไม่เป็นไรแล้วใช่ไหม งั้นพวกเราไปจากที่นี่เถอะ” วรกัญญาลุกขึ้นมา เธอยังมึนหัวเล็กน้อย ทุกครั้งตอนที่เธอได้เห็นเลือด ในสมองมักจะมีสีแดงฉาด กลับไม่รู้ว่าทำไม จากนั้นก็จะเป็นลมหมดสติไป
“ก็ได้ พวกเราไปจากที่นี่เถอะ” โธรณีก็ลุกขึ้นมา สถานที่แห่งนี้ช่างน่ากลัว เธอเกือบจะไม่มีชีวิตรอดแล้ว
หลังจากผ่านพ้นอันตรายแล้ว ทุกคนก็นิ่งเงียบไม่ค่อยพูดจา ทศพรรู้สึกผิดในใจ เขาเห็นเวลายังเช้าอยู่ จึงเอ่ยข้อเสนอให้ทุกคน
“ตอนนี้ลงเขาไปทานมื้อเที่ยงกัน ทานมื้อเที่ยงแล้ว ฉันจะพาทุกคนไปสถานที่สนุกๆ แห่งหนึ่งแล้วกัน”
“ไม่อยากไปแล้ว ฉันตกใจจนขวัญหนีดีฝ่อ ฉันจะกลับไปนอนหลับสักงีบ เสริมจิตใจที่ถูกกระทบกระเทือนให้เต็มสักหน่อย” โธรณีไม่รู้สึกสนใจกับอะไรทั้งนั้นแล้ว เธอเหมือนเดินวนแล้วออกมาจากหน้าประตูแห่งความตายอย่างไรอย่างนั้น
“ฉันก็ไม่อยากไปแล้ว” จันวิภาก็ไม่อยากไปแล้ว เหตุการณ์เมื่อกี้ทำให้เธอตกใจกลัวติดต่อกันถึงสองครั้ง เธอไม่มีกะจิตกะใจไปเที่ยวเล่นแล้ว ตอนนี้อยากนอนหลับดีๆ สักงีบ
เห็นทุกคนต่างไม่สนใจ ทศพรก้มหัวต่ำลง เขาก็คิดไม่ถึงว่าจะเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น
ลงจากเขา ไปทานข้าวที่ห้องอาหาร จากนั้นทุกคนกลับไปพักผ่อนที่ห้องของตัวเอง
อักลี่อยากอยู่กับชลธีมาก แต่ไม่กล้าบอกกับแม่
“ประธานวรกัญญา เมื่อกี้คุณเพิ่งเป็นลมหมดสติไป ควรไปพักผ่อนสักหน่อย ส่วนอักลี่ก็ให้ผมช่วยดูแลดีกว่า วันนี้เขานอนเยอะแล้ว อาจจะไม่อยากนอนต่อแล้ว
“อื้อ อื้อ คุณแม่ผมไม่อยากนอนแล้วครับ” อักลี่พยักหน้าให้ความร่วมมือทันที เขารู้สึกว่าคุณลุงชลธีคนนี้ช่างเข้าใจตัวเองเสียจริง
วรกัญญาเคยชินกับการที่อักลี่ตัวติดกับชลธีแล้ว ถึงอย่างไรก็ออกมาเที่ยวเล่นอยู่แล้ว ตัวติดก็ตัวติดเถอะ หลังจากกลับไปต้องให้สองคนพบหน้ากันน้อยๆ ชลธีคนนี้มีเจตนาไม่ดีแอบแฝงถึงได้เอาชนะใจอักลี่
“ก็ได้ พวกเธอไปเล่นเถอะ ฉันจะกลับไปพักผ่อนสักหน่อย” วรกัญญาโบกมือให้อักลี่ตามชลธีไปเที่ยวเล่น ส่วนตัวเองก็พักอยู่ที่เงียบสงบ
ผู้หญิงสามคนกลับไปพักผ่อนแล้ว อีกเดี๋ยวให้เย็นกว่านี้หน่อยพวกเขาก็ต้องกลับเข้าในเมืองแล้ว ต้องพักผ่อนร่างกายให้เพียงพอถึงจะดี
ชลธีพร้อมด้วยทศพรพาอักลี่ไปสถานที่น่าสนุกแห่งหนึ่ง ก็คือจับปลาในสระโคลน
สระโคลนไม่ลึกเท่าไหร่ ถึงประมาณน่องของอักลี่ ในนั้นมีปลาและปลาเลนหนีซิวมากมาย สนุกสนานมาก
ผู้ชายสามคนถือตะกร้าในสระโคลนจับปลา เสียงหัวเราะของอักลี่ทำให้ผู้ชายร่างใหญ่สองคนเกิดความรู้สึกเช่นเดียวกัน ทั้งสามคนต่างจับปลาพลางหัวเราะไปด้วย โคลนเลอะเปรอะเปื้อนทั่วทั้งใบหน้าและร่างกายจนแทบจำไม่ได้ว่าเป็นใคร
มองเห็นปลาตัวหนึ่งชัดเจนแล้ว อักลี่ค่อยๆ ตาม แต่ว่าปลาตัวนั้นเจ้าเล่ห์นัก ตอนเพิ่งเริ่มไม่ขยับ จากนั้นรอจนอักลี่ใกล้จะเข้าถึง เพียงครู่เดียวมันก็ “ฟึ้บ”หนีเข้าไปในโคลน ทำให้อักลี่ล้มเป็นท่าตีลังกา ทั่วทั้งตัวไม่มีส่วนไหนที่สะอาดเลย
แต่ว่าก็เพราะแบบนี้ อักลี่ถึงได้อารมณ์ดี เขาก็โครมไปทางซ้ายทีโครมไปทางขวาทีในโคลนอย่างสนุกเต็มที่
เมื่อเห็นว่าจวนจะได้เวลาแล้ว ชลธีก็ช้อนตัวอักลี่ขึ้นมา เขาต้องรีบทำให้เนื้อตัวอักลี่สะอาดสะอ้าน ไม่อย่างนั้นอีกเดี๋ยวแม่ของเขาอาจจะโกรธเกรี้ยว สภาพของอักลี่ตอนนี้ แม่แท้ๆ ของเขาจะต้องจำไม่ได้อย่างแน่นอน