“ประธานวรกัญญา พรุ่งนี้มีประชุมสำคัญนะคะ นายกเทศมนตรีส่งการ์ดเชิญมา บอกว่าต้องไปให้ได้” เลขาส่งการ์ดเชิญไปให้วรกัญญา
“อื้ม โอเค ฉันต้องไปอยู่แล้วแหละ” วรกัญญาวางของไว้ที่ด้านข้าง เธอไม่ได้สนใจการประชุมพวกนี้สักเท่าไหร่ แต่ทว่าก็ไม่มีทางเลือก เพื่อภาพลักษณ์ยังเป็นขั้นตอนที่ต้องดำเนินการ
เลขาวางของเอาไว้ แต่เธอยังไม่ได้ออกไป
“มีอะไรอีกเหรอ? พูดมาได้เลย” วรกัญญาไม่ได้มองเลขาด้วยซ้ำ ก็รู้แล้วว่าเธอมีอะไรอยากจะบอกตนเอง
“อืม คืออย่างนี้ค่ะ ประธานวรกัญญา ชลธีบอกว่าคุณควรทานยาได้แล้วค่ะ” เรื่องให้กินยายากที่จะเอ่ยปากจริงๆ วันนี้ชลธีออกไปแล้ว จึงให้เธอจับตาดูประธานวรกัญญากินยา แต่ประธานวรกัญญายุ่งอยู่ตลอดเลย ทำให้เลขาอย่างเธอค่อนข้างอึดอัดที่จะพูดออกมา
“กินยา? กินยาอะไร?” วรกัญญาเงยหน้าขึ้นมาด้วยความงงงัน เธอไม่ได้ป่วยนะ ทำไมต้องกินยา?
เลขาจึงส่งกล่องในมือไปให้วรกัญญา ชลธีให้เธอมอบให้วรกัญญา
ตอนที่วรกัญญากำลังเตรียมจะเปิดฝา จู่ๆเลขาก็นึกขึ้นได้ว่ายังมีเอกสารอีกชุดหนึ่งที่ตนเองลืมหยิบเข้ามา จึงบอกวรกัญญา แล้วตนเองก็ออกไปหยิบเอกสาร
วรกัญญาเปิดกล่องดู ด้านในไม่ได้เป็นยาอะไร แต่เป็นแป้งทอดกีบม้ากล่องหนึ่ง วรกัญญาไม่มีความทรงจำอะไรกับของสิ่งนี้ เธอมองดูหน้าตาที่ทำออกมาได้ประณีตน่ากิน จึงหยิบขึ้นมาชิมหนึ่งชิ้น อร่อยมากๆ เธอจึงกินอีกชิ้น กินติดต่อกันหลายชิ้น ถึงได้เห็นกระดาษโน้ตแผ่นหนึ่งภายในกล่อง(แป้งทอดกีบม้าเป็นขนมที่มีรูปเหมือนกีบม้า ไส้น้ำตาล)
“ยานี้กินวันละสามครั้ง ครั้งละห้าชิ้น” ห้าชิ้นก็หนึ่งชั้นพอดี
ชลธีกลัวว่าถ้าเธอยุ่งขึ้นมาก็จะลืมกินข้าว จึงให้เลขาเข้ามาเตือนเธอกินอะไรบ้าง
วรกัญญากำลังมองตัวอักษรน่ารักๆบนกระดาษโน้ตแล้วยังมีแป้งทอดกีบม้าที่เป็นตัวการ์ตูนอีกด้วย ทำให้เธอยิ้มออกมาโดยไม่รู้ตัว
ตอนที่เลขากลับเข้ามาอีกครั้ง ก็พบว่าวรกัญญากำลังยิ้ม แม้ประธานวรกัญญาจะเป็นผู้หญิง แต่ความพยายามในการทำงานของเธอไม่แพ้ให้กับผู้ชายคนไหนเลย ถึงเธอจะไม่ได้ดุมาก แต่ก็น้อยมากที่จะยิ้ม
นี่เกิดอะไรขึ้น กินยายังไงถึงได้ดูมีความสุขล่ะ? เลขากำลังมองกล่องในมือของวรกัญญาด้วยความสงสัย ด้านในเป็นยาอะไรเหรอ?
วรกัญญาเห็นเลขากำลังมองกล่องของตนเอง เธอจึงเก็บกล่องขึ้นมา
“อะแฮ่มๆ เอาเอกสารมาสิ แล้วเธอช่วยไปชงชามาให้ฉันหน่อยนะ” วรกัญญาให้เลขาวางเอกสารลง แล้วส่งเธอออกไปชงชามาให้ตนเอง
เลขาวางเอกสารลง เธอยกถ้วยน้ำชาดินเผาของวรกัญญาขึ้นมาเตรียมออกไปชงชา
วรกัญญาเปิดเอกสารดู เธอเห็นคำว่าว่องประเสริฐการกรุ๊ปที่ด้านบนแล้ว รู้สึกขัดตาเหลือเกิน ไม่รู้ว่าเพราะอะไร ถึงยังไงในใจก็รู้สึกอึดอัด
เลขานำน้ำชาที่ชงเสร็จแล้ว วางไว้หน้าโต๊ะทำงานของวรกัญญา แล้วเดินออกไปเบาๆ
วรกัญญาวางเอกสารไว้ข้างๆ รู้สึกว่าไม่ได้เร่งด่วนอะไร เธอจะจัดการงานอื่นให้เสร็จก่อนแล้วค่อยว่ากัน
ยกถ้วยชาขึ้นมา หลังจากดื่มไปหนึ่งอึก วรกัญญาก็อยากจะพ่นออกมาจริงๆ นี่ชงชาอะไรเนี่ย ชงกับน้ำทันที ไม่มีการล้างชาก่อนแล้วเทน้ำทิ้งเพื่อชงใหม่อีกครั้ง เลขาคนนี้เคยชินกับการชงกาแฟไปแล้ว อาจจะไม่เคยชงชามาก่อนสินะ ก่อนหน้านี้คุณโจนส์ก็ชอบดื่มกาแฟ
วรกัญญาไม่ได้วุ่นวายกับเรื่องชาอีก เธอจมอยู่กับกองเอกสารอีกครั้ง
ตอนที่ชลธีทำธุระเสร็จกลับมา ก็เห็นวรกัญญายังยุ่งอยู่ เธอหมกมุ่นจนลืมใส่ใจตนเองแบบนี้ทำให้ชลธีปวดใจจริงๆ ผู้หญิงคนหนึ่งจำเป็นต้องทุ่มสุดตัวขนาดนี้ด้วยเหรอ?
ผลักประตูเดินเข้าไป ชลธีเดินไปที่ข้างกายของวรกัญญา แต่วรกัญญากลับไม่รู้สึกเลยว่าชลธีกลับมาแล้ว
ลูบๆถ้วยน้ำชาที่เย็นชืดหมดแล้ว แต่ยังเต็มถ้วยอยู่เลย ชลธีจึงจะออกไปเปลี่ยนน้ำชาให้วรกัญญา
“รอเดี๋ยว ชงชาดอกไม้ให้ฉันหน่อย เมื่อกี้เปลืองใบชาฉันไปแล้ว” วรกัญญาไม่ได้พิถีพิถันกับอย่างอื่นมากนัก แต่ใบชาเป็นสิ่งเดียวที่ศึกษามาอย่างดี
ตอนที่ชลธียกถ้วยชาขึ้น เธอจึงพบว่าชลธีกลับมาแล้ว มีแค่ชาที่เขาชงเท่านั้นที่สามารถดื่มได้
วรกัญญาชี้ๆไปที่ห้องพักผ่อนของตนเอง ให้ชลธีไปหยิบชาดอกไม้ที่นีรชาให้ออกมาชง
ให้ชลธีเข้าไปในห้องพักผ่อนของตนเอง วรกัญญาก็ไม่ได้รู้สึกว่ามีอะไรที่ไม่เหมาะสม เธอรู้สึกเหมือนชลธีเป็นคนที่คุ้นเคยกัน
ชลธีเจอชาดอกไม้แล้ว จึงหยิบออกไปชงชาให้วรกัญญาหนึ่งซอง
“ชานี่คุณต้องใช้น้ำล้างก่อนสักครู่ เพื่อดึงรสชาติให้ออกมา แล้วเททิ้งไป ให้ประธานวรกัญญาดื่มต้องเป็นน้ำชาครั้งที่สองถึงจะใช้ได้” เผื่อตอนที่ตนเองไม่อยู่ วรกัญญาจะได้ดื่มชาที่เลขาชงได้ ชลธีจึงตั้งใจไปเรียกเลขามา เพื่อสอนเธอโดยเฉพาะเลย
“ไม่เอาน้ำครั้งแรกเลยใช่ไหมคะ? ฉันคิดว่าครั้งแรกสำคัญที่สุดซะอีก!” ตอนนี้เลขาถึงได้เข้าใจในทันที การชงชายังมีความรู้อย่างนี้อยู่ด้วย แต่ทว่าเธอก็ชอบกลิ่นหอมอ่อนๆของชานี้มากเลย
เห็นว่าสอนเลขาได้พอประมาณแล้ว ชลธีจึงยกน้ำชาที่ชงเสร็จแล้วเข้าไปให้วรกัญญา
ชิมชาที่ชลธีชงไปหนึ่งคำ วรกัญญาถึงรู้สึกว่าวันนี้ได้ดื่มน้ำชาที่เป็นปกติสักที เธอจึงดื่มเลย ชลธีชงน้ำชาได้อุ่นกำลังดี คิดไว้แล้วว่าวันนี้วรกัญญาคงไม่ได้ดื่มน้ำสักเท่าไหร่แน่เลย
น้ำชาถ้วยนั้น วรกัญญาดื่มรวดเดียวหมด
“หอมจัง ชลธี ฝีมือของแม่คุณไม่เลวเลยนะ ชานี้ทำออกมาได้ดีมาก หอมมากๆ” วรกัญญากำลังชมชลธี
ใบชานี้ไม่เพียงมีกลิ่นหอม แต่ยังทำให้สดชื่นมากด้วย หลังจากเธอดื่มไปแล้ว ก็รู้สึกกระปรี้กระเปร่าขึ้นมาเลย
“ประธานวรกัญญาคุณชอบก็ดี ชอบก็ดีแล้วครับ แม่ผมบอกว่า เธอกำลังศึกษาชนิดใหม่อยู่ รอให้ปรับจนเข้าที่แล้ว จะส่งมาให้คุณจำนวนหนึ่ง ให้คุณทำการประเมินให้เธอน่ะครับ ใช่สิประธานวรกัญญา แม่ผมยังอยากเชิญคุณไปที่ร้านน้ำชาด้วย ชาในร้านน้ำชานั้นยอดเยี่ยมที่สุดในบรรดาร้านอื่นๆน่ะครับ” ตอนนี้ชลธีพูดความจริง ชากับอาหารว่างของร้านน้ำชานั้นอร่อยที่สุดเลย เพราะแม่ของเขานีรชาเป็นเจ้าของกิจการ
“อ้อ งั้นถ้าฉันว่าง ก็จะนัดกับคุณผู้หญิงแล้วกัน” พูดถึงหัวข้อของชา วรกัญญาก็สนใจมากๆ ถึงพ่อแม่ของตนเองจะดีกับตนเองมาก แต่พวกเขาต่างก็ชอบดื่มกาแฟ มีแค่เธอคนเดียวที่ให้ความสนใจในใบชาอย่างบอกไม่ถูก
ดังนั้นตอนที่วรกัญญาอยู่ต่างประเทศจึงไม่ได้พูดคุยเรื่องวัฒนธรรมชากับใครเลย ตอนนี้กลับมาแล้ว ไม่นึกว่าจะได้เจอแม่ของชลธีที่ให้ความสนใจกับสิ่งนี้ เดิมทีเธอไม่ชอบชลธีหรอก แต่เห็นแก่แม่ของเขา ช่วงนี้ก็จะไม่อะไรกับเขามากแล้วกัน
“คุณกินยาของวันนี้ไปหรือยัง? วันละสามครั้งนะครับ!” ชลธีพูดกับวรกัญญา แป้งทอดกีบม้าก็เอามาจากร้านน้ำชานั่นแหละ เขาหวังมากว่าวรกัญญาจะคิดถึงอะไรขึ้นมาได้บ้าง แต่ก็กลัวอยู่ลางๆถ้าวรกัญญาคิดถึงอะไรขึ้นมาได้ ปีนั้นถ้าแค่ณิชพนจากไป วรกัญญาที่แข็งแกร่งจะสูญเสียความทรงจำได้ยังไงกัน ไหนจะเรื่องที่ทุกคนไม่รู้อะไรเลยอีก?