มุกดารีบกลับไปถึงแผนกเลขานุการ เธอเข้าไปก็ไปแอบถามสาวสวยที่หน้าประตู
“นี่ ฉันอยากจะถามหน่อย ประธานของบริษัทฮอนดากรุ๊ปของพวกเราแซ่อะไร?”
ท่าทางที่สาวสวยนั้นมองมุกดา เหมือนกับมองเห็นมนุษย์ต่างดาว นึกไม่ถึงว่าทำงานอยู่ที่บริษัทฮอนดากรุ๊ปก็ยังไม่รู้ชื่อของประธาน
มุกดาเกาศีรษะ ใบประกาศรับสมัครงานเธอดูแค่เงินเดือนและสวัสดิการ ไม่ได้ใส่ใจมองชื่อของประธาน
“ประธานของพวกเรานามสกุลสุวรรณเลิศ ชลธีก็คือเขา หนังสือพิมพ์กับนิตยสารล้วนมีบ่อยๆ ทำคุณถึงยังไม่รู้?”คำพูดของสาวสวยก็เหมือนกับกำปั้น ทำให้เธอปวดหัว งั้น ผู้ชายวิปริตคนเมื่อกี้นี้ ก็คือประธาน?
จบกัน จบกัน มุกดาคิดว่าชีวิตของตัวเองทำไมถึงชั่วร้ายแบบนี้?
เธอกลับมานั่งที่นั่งของตัวเองได้ยังไงเธอก็ไม่รู้ เพียงแค่รู้ว่าในหัวเหมือนกับมีเมฆดำ ทำให้เธอหายใจไม่ออก
เธอมองดูข้อมูลตรงหน้าของตัวเองอย่างใจลอย ทำยังไงดี ทำยังไงดี เธอทำให้ประธานไม่พอใจแล้ว
แต่ว่าเธอจำเป็นต้องทำงานนี้มากๆ จำเป็นมากๆ
“มุกดา ทำไมคุณกลับมาแล้ว ประธานให้คุณไปหา พูดว่ายังไม่ได้รับข้อมูล”
ผู้อำนวยการไวพบยืนอยู่หน้าประตู มองเห็นมุกดา ก็เรียกเธอ
มุกดาไม่ขยับ ผู้อำนวยการไวพบคิดว่าเธอไม่ได้ยิน ก็เดินเข้าไป มาถึงด้านหน้าของมุกดา
“มุกดา ประธานให้เธอขึ้นไป”
“อ้อ อ้อ ฉันรู้สึกปวดท้องนิดหน่อย พวกคุณใครก็ได้ช่วยฉันนำข้อมูลขึ้นไปหน่อยเถอะ?” มุกดาทันใดนั้นก็นึกถึงวิธีนี้ขึ้นมา
“ไม่เป็นไร คุณไปเข้าห้องน้ำแล้วค่อยไปส่งก็ได้ ประธานเอ่ยชื่อให้เธอขึ้นไป” ผู้อำนวยการไวพบ พูดอย่างรู้ใจ
มุกดาจับหน้าผาก คนวิปริตเอ่ยชื่อให้ตัวเองไป แน่นอนว่าต้องอยากแก้แค้นตัวเอง เพียงแต่พ่อเคยพูดกับตัวเอง ถ้าอยู่ชายคาบ้านคนอื่น จะไม่ก้มหน้าได้ยังไง?
เพื่อทำงานนี้ เธอมุกดาก็เป็นลูกผู้ชายที่เจออุปสรรคก็รู้จักอดทน
ปรับปรุงอารมณ์ของตัวเองเล็กน้อย มุกดาให้ตัวเองปรากฏรอยยิ้มกว้างออกมา แสดงรอยยิ้มที่น่ารักที่สุดออกมา ก็เดินออกไป ไปถึงชั้นสามสิบอีกครั้ง
เคาะประตูเบาๆ ในห้องไม่มีการเคลื่อนไหว ดีจังเลย ถ้าหากว่าในห้องไม่มีคน เธอก็สามารถนำของวางลงแล้วก็ไปได้
มุกดาประตูเปิดออก แต่ว่าในห้องคือมีคน ชลธีนั่งอยู่หน้าโต๊ะทำงาน กำลังมองดูตัวเอง
มุกดาปิดประตูลง เธอก็ค่อยๆยิ้มทันทีที่เดินมาถึงด้านหน้าของชลธี
“ประธานชลธี นี่คือข้อมูลที่คุณต้องการ ฉันวางไว้ตรงนี้ให้คุณแล้ว ไม่มีธุระอะไรแล้วฉันก็จะลงไปข้างล่างแล้ว”มุกดานำข้อมูลวางลงบนโต๊ะทำงานของชลธี
เพียงแต่ครั้งนี้เธอไม่ได้ออกไปทันที แต่ยืนอยู่ด้านข้าง รอให้ชลธีออกคำสั่ง
ชลธีนำข้อมูลเปิดดูเล็กน้อย มุกดาก็รีบเดินเข้าไป
“ประธานชลธี ฉันรินน้ำให้คุณเถอะ?” มุกดารับใช้ศัตรูนำแก้วชาหยิบขึ้นมา เดินไปถึงด้านข้างเครื่องกรองน้ำดื่ม ใส่น้ำร้อนถือไปให้เขา
ผลลัพธ์คือเธอตื่นเต้นเกินไป เวลาที่เดินมา ถึงข้างหน้าโต๊ะทำงานก็โซเซ นำแก้วนั้นหก ทั้งหมดหกลงบนมือของตัวเธอเอง มือของเธอก็แดงขึ้นทันที ยังเป็นตุ่มใหญ่พุพองขึ้นมา
“โอ๊ย ขอโทษ ขอโทษค่ะ” มุกดารู้สึกว่าวันนี้ตัวเองขายหน้ามาก
เธอไม่สนใจมือของตัวเองที่เจ็บ ก็ดึงทิชชูไปเช็ดคราบน้ำที่อยู่บนพื้น
“พอแล้วพอแล้ว ไม่ต้องแล้ว คุณก็โง่พอสมควรจริงๆ ลงไปเถอะ!” ชลธีมองเห็นมุกดาได้รับบาดเจ็บบนมือแล้ว เขาอดทนไม่ให้ตัวเองใจร้อนเข้าไปตรวจดูสภาพอาการบาดเจ็บ เพียงแค่พูดอย่างเรียบเฉยให้เธอลงไป
“ค่ะ ได้ค่ะ”มือของมุกดาเจ็บจนน้ำตาใกล้จะไหลออกมาแล้ว แต่ว่ากลับถูกคนไล่ให้ออกไป
“อย่าลืมทายา”เวลาที่เดินมาถึงหน้าประตู ชลธีก็กำชับอีก
แต่ว่ามุกดาในเวลานี้ก็ถูกโอบล้อมด้วยความรู้สึกอับอายขายหน้า เธอไม่ได้ยินคำพูดของชลธีโดยสิ้นเชิง
น้ำตาเอ่อล้นอยู่รอบดวงตา มุกดาก็ไม่ได้ลงไปชั้นล่าง อยู่ในสถานที่ไม่มีคนก็เช็ดน้ำตา
ยังพยายามแสดงใบหน้าที่ยิ้มแย้ม เธอนำมือซ่อนไว้ด้านหลัง เดินเข้าไปที่แผนกเลขานุการ
“มุก คุณกลับมาแล้ว?ประธานไม่ได้ทำให้คุณลำบากใจหรอกนะ?”มองเห็นมุกดากลับมาแล้ว ทุกคนก็เริ่มจะ“เป็นห่วง”เธอแล้ว
“เปล่า เปล่า ประธานเป็นคนดีมาก” มุกดายิ้มพร้อมพูด ก็เดินมาถึงที่นั่งของตัวเอง
คนอื่นๆล้วนพากันแอบส่งแววตา เห็นก็รู้ว่าคือถูกด่าแล้ว ยังพูดว่าประธานเป็นคนดีอีกนะ
รอจนทุกคนไม่ได้สนใจตัวเองแล้ว มุกดาจึงนำมือของตัวเองออกมา เธอมองเห็นตุ่มพุพองบนมือของตัวเองมันวาวแล้ว สัมผัสก็รู้สึกเจ็บมาก
แต่ว่ายังมีงานอีกมากมายยังที่ไม่ได้ทำ เฮ้อ เธอก็ทำได้เพียงใช้มือแตะแป้นพิมพ์ช้าๆ ทุกครั้งที่เคลื่อนไหว ก็จะนำมาซึ่งความเจ็บปวด
“เป็นผู้หญิงที่โง่จริงๆ เป็นแบบนี้แล้วก็ยังไม่รู้ว่าต้องลาป่วยกลับบ้านเหรอ?มือนั่นคงจะไม่ต้องการแล้วสิ?” ชลธีก็ไม่รู้ว่าตัวเองทำไมถึงต้องโกรธ
เขามองเห็นจากในกล้องวงจรปิดมุกดาอยู่ในสถานที่ไม่มีคนเช็ดน้ำตาของตัวเอง หัวใจของเขาก็รู้สึกไม่สบาย
แต่ว่าเวลาที่เขามองเห็นตุ่มพุพองที่สะดุดตาบนมือของเธอ และเวลาที่เธอขยับก็จะขมวดคิ้วขึ้น ก็อดทนไม่ไหวแล้ว
“มุกดา ด้านล่างมีคนมาหาคุณ พูดว่าเป็นคนในบ้านของคุณ มีเรื่องเกิดขึ้นให้คุณกลับไป” ผู้อำนวยการไวพบขยับร่างกายอ้วนๆของเธอ มาถึงด้านหน้าของมุกดา มุกดาก็เก็บมือของตัวเองลงแล้ว
ได้ยินคำพูดของผู้อำนวยการไวพบ มุกดายังคิดว่าพ่อของตัวเองเกิดเรื่องอะไรขึ้นแล้ว เธอก็รีบเก็บของตัวเอง พูดกับผู้อำนวยการไวพบเล็กน้อย ก็รีบไปแล้ว
เธอวิ่งไปถึงชั้นล่างก็หอบหายใจ แต่ทว่ามองเห็นนัทธ์รอเธออยู่ที่นั่น
“ลุงนัทธ์ พ่อฉันเป็นอะไรไหม?” มุกดาจับแขนเสื้อของนัทธ์ ถามด้วยความตึงเครียด
“ไม่ใช่ เป็นผมที่คิดขึ้นได้ มีหนึ่งเรื่องต้องให้คุณกลับไปทำ” นัทธ์มองเห็นตุ่มพุพองบนมือของมุกดา เขาก็ไม่ได้อธิบาย
“อ้อ เรื่องอะไรคะ?” มุกดาเห็นว่าไม่ใช่เรื่องของพ่อตัวเอง เธอก็ผ่อนคลายลง
“กลับไปก็รู้” นัทธ์ไม่ได้พูดว่าเรื่องอะไร เพียงแค่ให้มุกดากลับไปก่อนค่อยพูด
มุกดาก็ขึ้นรถแล้ว เธอนำมือซ่อนไว้ด้านหลังตลอด ไม่อยากให้ลุงนัทธ์เป็นห่วง
มาอยู่ที่วิลล่านี้หลายวันแล้ว มุกดารู้สึกว่าลุงนัทธ์เป็นคนดี เป็นห่วงตัวเองมาก ดังนั้นเธอไม่อยากให้เขาเป็นห่วงตัวเอง
กลับมาถึงวิลล่า ลุงนัทธ์ก็พามุกดามาถึงในสวนดอกไม้
“คือแบบนี้ คุณหญิง ดอกไม้นี้คือคุณชายชอบ จะเบ่งบานแล้ว แต่ว่าคุณชายตอนกลางวันไม่สามารถเห็นแสงได้ ดังนั้นก็เชิญคุณหญิงมารอเวลาที่ดอกไม้เบ่งบาน ถ่ายรูปสองสามรูป ผมจะให้คุณชายได้ดู”ลุงนัทธ์ชี้ไปที่พุ่มดอกไม้ ความจริงก็มีดอกไม้ที่ยังไม่เบ่งบานสองสามดอก
“แต่ว่าตอนกลางวันฉันต้องทำงาน ไม่มีเวลาเฝ้า”ได้ยินว่าสามีของตัวเองตอนกลางวันไม่สามารถมองเห็นแสงได้ และเขาก็ชอบดอกไม้มาก ยังเจ็บปวดใจมาก
“ไม่เป็นไร ผมได้ลาหยุดให้คุณแล้วสองสามวัน หลังจากที่รอให้ดอกไม้เบ่งบาน คุณถ่ายรูปแล้ว ก็สามารถไปทำงานได้แล้ว” นัทธ์ส่งกล้องถ่ายรูปให้มุกดา