วรกัญญากำลังพูดอะไรอยู่กับประวีร์ ตอนที่ชลธีเข้ามา ทั้งสองคนก็หยุดพูด ต่างหันไปมองชลธี
“ผมก็แค่เข้ามารินน้ำให้พวกคุณสักหน่อย พวกคุณคุยกันต่อเถอะ” ชลธีวางน้ำชาลง เขาก็ออกไปจริงๆ ตอนที่ออกไป ยังปิดประตูให้สนิทอีกด้วย
“เป็นไงบ้าง? เธอตัดสินใจแล้ว จะทำแบบนั้นจริงๆ หรอ?” ประวีร์ดื่มชาอึกหนึ่ง เขาถามวรกัญญา
“อืม ฉันจะทำแบบนี้แหละ ฉันไม่อยากย้อนกลับแล้ว” วรกัญญาพยักหน้าอย่างแน่วแน่
“ตกลง พี่จะช่วยเธอเอง” ประวีร์ก็พยักหน้า ขอแค่วรกัญญาอยากจะทำ เขาก็จะช่วยเธออย่างไม่มีเงื่อนไข
“ประธานชุติภาส ครั้งก่อนสินค้าของเราส่งออกไปแล้ว ยังไม่มีเงินโอนเข้ามาเลย สินค้าครั้งนี้ดูเหมือนว่าคุณภาพจะมีปัญหา อีกฝ่ายปฏิเสธรับของครับ” ผู้จัดการฝ่ายขายลูกน้องของชุติภาสวิ่งเข้ามาในห้องทำงานของเขาอย่างเหนื่อยหอบ
“อะไรนะ? ปัญหาด้านคุณภาพ คุณภาพของเราไม่ใช่ว่าผ่านมาโดยตลอด ครั้งนี้ทำไมไม่ผ่านล่ะ?” ชุติภาสก็ค่อนข้างประหลาดใจ สินค้าครั้งนี้และครั้งก่อนทั้งหมดลงเงินมากมายของฮอนดากรุ๊ปไว้ข้างใน
“อันนี้ ผมก็ไม่รู้ครับ นี่เป็นสินค้าที่ส่งกลับมา เราตรวจดูกันแล้ว เราเป็นผู้ผลิตจริงๆ แต่ว่าของของเราล้วนแต่ผ่านการตรวจสอบคุณภาพมาแล้วทั้งนั้น” ในมือของผู้จัดการฝ่ายขายถือผลิตภัณฑ์ที่ไม่ได้มาตรฐานสองสามชิ้น
“ประธานชุติภาส แย่แล้วครับ ผู้ตรวจสอบคุณภาพสองสามคนพวกนั้นหายตัวไปอย่างไร้เหตุผล ไม่ได้มาทำงานประมาณสองสามวันแล้วครับ” ผู้จัดการฝ่ายบุคคลก็มารายงานในห้องทำงานของชุติภาส
ชุติภาสถึงกับปวดหัว เงินในทุกๆ ครั้งจะต้องส่งของครั้งที่สองไปแล้ว ถึงจะได้รับเงินครั้งแรก ครั้งนี้หากสินค้าทั้งสองครั้งไม่ได้มาตรฐาน ถ้างั้นเงินครั้งแรกก็จะน้อยลงไปมาก แถมยังต้องชดใช้เงินค่าเสียหายครั้งที่สองด้วย
“ทำไมถึงเกิดเรื่องมากมายขนาดนี้ มีใครบางคนจงใจเล่นสกปรกอยู่เบื้องหลังใช่มั้ย?” ชุติภาสจู่ๆ ก็ได้ฟังเรื่องราวเยอะแยะ เขารู้สึกรับมือไม่ไหวเล็กน้อย แต่ไหนแต่ไรไม่เคยเจอเรื่องวุ่นวายมากมายขนาดนี้มาก่อนเลย
“นายไปตรวจดูสิ ว่าครั้งนี้มันเกิดอะไรขึ้น จะต้องพาตัวผู้ตรวจสอบคุณภาพสองสามคนนั้นกลับมาให้ได้ และถามให้ชัดเจนว่าใครกันที่อยู่เบื้องหลัง” ชุติภาสเกือบจะคำรามใส่ลูกน้องตอนขณะพูด
“ครับ ครับ ผมจะไปตรวจดูเดี๋ยวนี้ครับ” ผู้จัดการฝ่ายขายและผู้จัดการฝ่ายบุคคลต่างก็ออกไป
“ชุติภาส คุณดูลูกชายตัวดีของคุณ นี่มันเกิดอะไรขึ้น? ทำไมคุณถึงไม่บอกฉันสักหน่อยล่ะ?” ในมือของนีรชาถือหนังสือพิมพ์ฉบับหนึ่งเข้ามา เธอฟาดหนังสือพิมพ์อย่างโมโหบนโต๊ะของชุติภาส
ชุติภาสเปิดหนังสือพิมพ์อ่าน เห็นพาดหัวหนังสือพิมพ์เขียนว่าลูกชายคนที่สองของตระกูลสุวรรณเลิศ ยักยอกเงินสาธารณะเป็นจำนวนเงินสูงถึงหลายร้อยล้าน แล้วยังมีรูปถ่ายของธีร์ธวัชกับเมียน้อยอยู่บนถนนและถูกคนถ่ายไว้อีก รวมไปถึงรูปถ่ายวิลล่าหรูที่ธีร์ธวัชซื้อก็ถูกเปิดเผยเช่นกัน
บนอินเทอร์เน็ตก็เผยแพร่เรื่องพวกนี้ของตระกูลสุวรรณเลิศอย่างบ้าคลั่ง ไม่นานจำนวนคลิกก็มีมากกว่าหนึ่งหมื่นครั้ง แล้วยังคงเพิ่มขึ้นไม่หยุด
“พ่อ พ่อ ฉันไปพบใครไม่ได้แล้ว พ่อดูสิ ดูสิ ฉันควรทำยังไงดี?” วรรณวิมลร้องไห้วิ่งเข้ามาในห้องทำงานของชุติภาส เธอเอาคลิปวีดิโอบนมือถือยื่นให้ชุติภาสดู
เธอยังดื่มชากับเหล่าคุณนายอยู่เลย ไม่รู้ว่าผู้หญิงบ้าคนไหนเห็นวิดีโอก่อน แล้วก็ให้ทุกคนดู จากนั้นคนพวกนั้นก็มองวรรณวิมลด้วยสายตาดูถูก เวลาเพียงแป๊บเดียวทำให้วรรณวิมลราวกับมีเชื้อโรค ต่างก็หลีกหนีเธอไปหมด
ชุติภาสดูของพวกนั้น ในใจก็หายใจแรงขึ้นอย่างรวดเร็ว เลือกก็พุ่งขึ้นไปข้างบนหัว เขารู้สึกมึนหัวเล็กน้อย
“ชุติภาส เรื่องอะไรคุณก็ไม่บอกฉันเลย รับแม่ของคุณมาก็ทำให้บ้านของฉันเละเทะไปหมด ตอนนี้เรื่องที่ธีร์ธวัชยักยอกเงินสาธารณะ ใหญ่โตขนาดนี้ คุณไม่รู้จริงๆ หรอ? นั่นเป็นเพราะเขาเป็นลูกชายของคุณ คุณเลยตามใจเขาแบบนี้หรอ? คุณยังเห็นหัวฉันบ้างมั้ย? ฉันผิดหวังในตัวคุณมาก เราหย่ากันเถอะ!” นีรชาพูดจบ เธอก็หันหลังเดินจากไป
ชลของเธอทำงานหนักเพื่อบริษัทอย่างลำบาก แต่ว่าลูกชายของสิริกรกลับค่อยๆ ยักยอกเอาของพวกนี้ไปเป็นของตัวเอง ตอนนี้บ้านของตัวเองก็ถูกสิริกรและย่านิ่มครอบครองไปแล้ว เธอไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตัวเองมีความหมายอะไรในบ้านหลังนี้
“บัว บัว คุณฟังผมอธิบายก่อน คุณฟังผมอธิบายสิ” หัวใจของชุติภาสโกรธจนเจ็บปวดเล็กน้อย
“พ่อ พ่อ ฉันจะทำยังไงดี จะทำยังไงดี?” วรรณวิมลดึงมือของชุติภาสไว้ ทำให้เขาไปไหนไม่ได้
“เลิกโวยวายได้แล้ว เลิกโวยวายได้แล้ว พวกเธอให้ฉันอยู่เงียบๆ สักพัก ให้ฉันอยู่เงียบๆ สักพัก” ชุติภาสกุมหัวแน่น เรื่องทั้งหมดนี้เกิดขึ้นพร้อมกัน เขาก็ไม่รู้ว่าจะทำยังไงแล้ว
หัวและหน้าอกของชุติภาสปวดมากขึ้นเรื่อยๆ เขาคิดถึงชลธี มือที่สั่นหยิบโทรศัพท์ออกมาจากกระเป๋ากางเกง เขาพึ่งจะโทรหาชลธีติด เขาก็หมดสติไป
ชลธีรับสายของบิดา ในนั้นกลับไม่มีเสียงคนพูด เขาฮัลโหลอยู่หลายครั้ง ก็ได้ยินเสียงของวรรณวิมล วรรณวิมลกำลังร้องไห้อยู่และตะโกนเรียกชุติภาส
ชลธีไม่ได้บอกลาวรกัญญา เขาก็รีบขับรถกลับไปที่ฮอนดากรุ๊ป
ตอนที่กลับไปถึงฮอนดากรุ๊ป ชุติภาสก็ถูกส่งตัวไปยังโรงพยาบาลเรียบร้อยแล้ว ชลธีก็รีบตามไปที่โรงพยาบาล ชุติภาสยังกำลังรักษาอยู่ในห้องฉุกเฉิน
มีแค่วรรณวิมลที่ร้องห่มร้องไห้อยู่ด้านนอก ชลธีถามเธอ เธอก็ไม่ค่อยรู้เรื่อง ทำให้ชลธีร้อนใจมาก
ชลธีโทรศัพท์หาเลขา เลขาถึงจะรายงานเรื่องที่เกิดขึ้นวันนี้ให้ชลธีทราบ
ฮอนดากรุ๊ปจู่ๆ ก็ประสบกับการเปลี่ยนแปลงแบบนี้อย่างกะทันหัน ทำให้ในใจของชลธีรู้สึกไม่สบายใจมาก ตกลงว่านี่มันเกิดอะไรขึ้น คิดอยากจะให้ฮอนดากรุ๊ปได้รับผลกระทบร้ายแรงแบบนี้ จะต้องเป็นคนที่มีความสามารถแน่
วรกัญญากับประวีร์ช่วงนี้ประชุมกันบ่อยๆ ทำให้ชลธีรู้สึกเอะใจ หรือว่าจะเป็นวรกัญญาที่เป็นคนทำ? เป็นไปไม่ได้น่า เธอจะทำแบบนี้ไปทำไม?
“อาการของผู้ป่วยแย่มาก เขาไม่สามารถรับแรงกระตุ้นอะไรได้อีกต่อไป พวกคุณทำได้แค่บอกเรื่องดีๆ กับเขาเท่านั้น จำเอาไว้เลยนะครับ!” ชุติภาสออกมาจากห้องฉุกเฉินแล้ว คุณหมอถึงกับปาดเหงื่อ หัวหน้าตระกูลสุวรรณเลิศล้มป่วยอย่างกะทันหัน หากเขาช่วยเอาไว้ไม่ได้ ต่อไปคงจะอยู่ในพระนครนี้ยากเสียแล้ว
“อืม เรารู้แล้ว ขอบคุณครับหมอ” ชลธีพูดกับคุณหมอ
“พี่ พี่ เกิดเรื่องอะไรขึ้น ทำไมพ่อถึงเป็นลมล่ะ?” โธรณีลงจากเครื่องบินก็รีบมาทันที ได้ยินว่าพ่อป่วย เธอก็เลยรีบมาก
โธรณีช่วงนี้กลับมาใช้ชีวิตแบบเมื่อก่อน เธอทำงานก็เพื่ออยู่เป็นเพื่อนวรกัญญา ตอนนี้กานต์ไม่ได้ทำงานอยู่ในฮอนดากรุ๊ปแล้ว เธอก็เป็นอิสระแล้ว มักจะไปเที่ยวกับเพื่อนกลุ่มนั้นของเธอ
“บริษัทเกิดปัญหานิดหน่อย พ่อน่าจะโกรธจนหัวใจวายทำให้เป็นลมไป ตอนนี้ไม่เป็นไรแล้ว แต่ว่าเธอต้องจำไว้นะ จะให้พ่อได้รับการกระตุ้นอะไรอีกไม่ได้” ชลธีรับสั่งโธรณี
“อ้อ ฉันรู้แล้ว ฉันรู้แล้ว นั่นคือพี่สะใภ้รองสินะ เธอร้องไห้เสียใจอะไรขนาดนั้น? มีใครเป็นอะไรงั้นหรอ?” โธรณีมองดูวรรณวิมลที่ร้องไห้อย่างกับมีคนตายอยู่ตรงนั้น เธอรู้สึกไม่ค่อยเข้าใจนิดหน่อย