ชุติภาสได้ยินคำพูดของสองคน คิ้วก็ขมวดขึ้น ในใจของเขาไม่เชื่อเรื่องเหล่านี้ แต่คนเหล่านี้ก็พูดอย่างเห็นภาพ
“พวกแกไปรู้จักกับประธานวรกัญญาตั้งแต่เมื่อไหร่? และแม่ของพวกแกป่วยตอนไหน?” ชลธีเอ่ยถามต่อ
“รู้จักกับประธานวรกัญญานานมาแล้วครับ ตั้งแต่ตอนเธอเป็นประธานบริษัทฮอนดากรุ๊ป พวกเราก็รู้จักเธอ แต่หลังจากเธอกลับมาก็เหมือนจะไม่รู้จักพวกเรา ตอนแม่พวกเราป่วย คือเมื่อสามเดือนก่อน ก็ไม่รู้ว่าประธานวรกัญญาไปรู้มาจากไหน บอกว่าจะให้เงินรักษาแม่พวกเรา โดยให้พวกเราช่วยเธอ” หนึ่งในนั้นพูดจบก็มองชลธีด้วยความรู้สึกผิดที่ได้ทำลงไป
“พวกเราก็ไม่รู้ว่าจะสร้างปัญหาอะไรให้กับบริษัทฮอนดากรุ๊ป พวกเราแค่ไม่ได้ตั้งใจตรวจสอบสินค้าล็อตหนึ่งแค่นั้นเอง คิดว่าสินค้าของบริษัทฮอนดากรุ๊ปโดยทั่วไปได้มาตรฐาน ดังนั้น… ประธานชลธี ยกโทษให้พวกเราด้วยครับ เป็นความผิดของพวกเราเอง ทั้งหมดเป็นความผิดของพวกเรา” ทั้งสองคุกเข่าร้องไห้โฮ แต่ชลธียิ่งกำหมัดแน่นขึ้น
“ลากพวกมันออกไป” ชลธีรู้สึกว่าตนเองเหนื่อยมาก เขาต้องการใช้ความคิด สิ่งเหล่านี้มันเรื่องอะไรกัน
“คนงานที่ผลิตสินค้าล็อตนั้นยังอยู่ไหม?” ชลธีถามลูกน้อง
“คนงานชุดนั้นมีบางส่วนลาออกไปแล้ว และยังเหลือบางส่วนอยู่ ต้องการเรียกสักสองคนมาถามไหมครับ?” ลูกน้องพูดกับชลธี
“อืม ไปเรียกมาถาม ดูว่าตอนนั้นมันเกิดอะไรขึ้น” ชลธีโบกมือ ให้ลูกน้องออกไป
ลูบคลึงขมับที่ปวด สมองของชลธีทำงานอย่างรวดเร็ว แต่กลับมองวัตถุประสงค์ของวรกัญญาไม่ออก เธอคิดจะทำลายตระกูลสุวรรณเลิศให้ย่อยยับหรือไง? แต่นี่มันเพราะอะไร? เธอมีความเคียดแค้นอะไรมากกับบริษัทฮอนดากรุ๊ป? เขาเองก็ไม่เคยทำเรื่องผิดต่อเธอ
“ประธานชลธี แย่แล้วครับ แย่แล้ว ประธานชุติภาสโกรธจนหมดสติไป ตอนนี้ถูกส่งไปโรงพยาบาลแล้ว” ในขณะที่ชลธีกำลังประชุม ลูกน้องก็พรวดพราดเข้ามาทันที อาการป่วยของชุติภาสน่าจะค่อนข้างอันตราย
“เลิกประชุม ผมจะต้องออกไป” ชลธีเก็บเอกสารของตนเอง ส่งให้เลขา เขาก้าวออกไปอย่างรวดเร็ว
หลังจากชุติภาสรู้ว่าการโจมตีบริษัทฮอนดากรุ๊ปทั้งหมดเป็นฝีมือของวรกัญญา เขาพลันรับไม่ได้ ประจวบกับเดิมทีในสมองของเขามีปัญหาอยู่แล้ว เขาจึงเป็นลมไปอีก
นีรชาตกใจกลัวรับไม่ไหว ร้องไห้ไปตลอดทาง ครอบครัวนี้เป็นอะไรไป? ทำไมถึงกลายเป็นแบบนี้
“คนไข้ไม่อาจรับเรื่องสะเทือนจิตใจใดๆ ไหว คราวก่อนตอนออกจากโรงพยาบาลได้แจ้งไว้แล้ว ทำไมพวกคุณถึงทำเรื่องสะเทือนใจเขาอีก? ถ้าเป็นเช่นนี้อันตรายถึงชีวิตเขาได้ทุกเมื่อนะครับ” คุณหมอเพิ่งจะช่วยชีวิตชุติภาสเสร็จ
“ค่ะ ค่ะ พวกเราไม่ดีเอง พวกเราไม่ควรทำให้เขาโกรธ” นีรชาก็ไม่รู้ว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น บอกว่ามีอีเมลฉบับหนึ่ง ชุติภาสเข้าไปตรวจดูในห้องทำงาน
นีรชาแค่ได้ยินเสียงชุติภาสล้มลงพื้น “โครม”
“นี่เพิ่งจะช่วยชีวิตเสร็จ ยังไม่พ้นขีดอันตราย พวกคุณไม่ต้องพูดอะไรกับคนไข้อีกแล้ว” คุณหมอหน้าบึ้งตึงชี้แจงทุกอย่างที่ควรชี้แจง
“อืม โอเคครับ พวกเราจะจำเอาไว้” ชลธีพยุงแม่ของตนเอง
ชุติภาสนอนอยู่บนเตียง ใบหน้าขาวซีดมาก ร่างกายเต็มไปด้วยสายท่อ รอบข้างมีพยาบาลสวมเสื้อคลุมขาวเฝ้าเขาไว้
“แม่อยากไปหาพ่อของลูก” นีรชาพูดกับชลธี
ตอนนี้ชุติภาสอยู่ในห้องไอซียู ทุกวันเข้าไปเยี่ยมได้เพียงครั้งเดียว เวลาอื่นทำได้เพียงมองผ่านหน้าต่างที่ประตู
“แม่ครับ ช่วงนี้เข้าไปไม่ได้ แม่เล่าให้ผมฟังหน่อยว่าเกิดอะไรขึ้น ทำไมพ่อถึงเป็นลมไปอีก” ชลธีพยุงนีรชามานั่งลงด้านข้าง
ชลธีกลัวนีรชาเข้าไปเห็นสภาพของชุติภาส จะทนไม่ไหวร้องไห้ออกมาไม่รู้จบ แม่ถูกพ่อรักและโปรดปรานมาตลอด ความสามารถในการรับความกดดันของเธอไม่แข็งแกร่งพอ
“เดิมทีพ่อของลูกคุยกับแม่อยู่ในบ้าน เขาได้รับสายหนึ่ง ก็เดินไปในห้องทำงาน ส่วนจะด้วยเหตุผลอะไรแม่ไม่รู้ แม่แค่ได้ยินเสียงพ่อล้มลงไป” นีรชาก็ไม่ทันไปดู เธอห่วงแค่ช่วยชีวิตคน
“แม่ แม่รออยู่ตรงนี้นะครับ ผมจะกลับไปดู” ชลธีรู้สึกว่าเรื่องในตอนนี้พัฒนาไปจนควบคุมไม่ได้โดยสิ้นเชิง มักจะรู้สึกว่ามีคนบงการอยู่เบื้องหลังคอยควบคุมทั้งหมด แต่ในใจของเขาไม่ยินยอมเชื่อว่าวรกัญญาทำสิ่งเหล่านี้ เธอไม่มีเหตุผล
ชลธีกลับไปที่บ้าน เขาเปิดคอมพิวเตอร์ของชุติภาส กลับไม่พบอะไรด้านใน งั้นพ่อของเขาเห็นอะไรถึงได้โมโหจนกลายเป็นแบบนี้? ในห้องนี้ไม่น่าจะมีคนอื่นเข้ามา
ชลธีตรวจสอบคอมพิวเตอร์ของชุติภาสกับภายในห้องนั้นอีกครั้ง เมื่อไม่มีอะไรจริงๆ เขาเองก็ทำอะไรไม่ได้ งั้นอะไรที่ทำให้ชุติภาสโมโหเช่นนี้ หมายเลขโทรศัพท์เป็นหมายเลขชั่วคราว หลังจากใช้เสร็จ หมายเลขนั้นก็จะเป็นโมฆะ
ทั้งหมดนี้ทำได้ทำอย่างซ่อนเร้นและสมบูรณ์แบบมาก ชลธีนั่งอยู่บนเก้าอี้ของพ่อ ในสมองเขามีหมอกหนาทึบกลุ่มหนึ่ง
ก่อนจะหาเบาะแสได้ เขาทำได้แค่อยู่เป็นเพื่อนพ่อของตนเอง ตอนนี้ตระกูลสุวรรณเลิศนอนอยู่ในโรงพยาบาลสองคน ไม่รู้จริงๆ ว่าจะมีใครนอนในโรงพยาบาลอีก ชลธีเกิดลางสังหรณ์แบบนี้
ชลธีมองผู้หญิงคนนั้นที่นั่งอยู่ตรงข้ามตนเอง ทั้งสองเคยรักกันมาก แต่ตอนนี้กลับเหมือนเป็นคนแปลกหน้าเหลือเกิน แปลกหน้าเสียจนไม่รู้จะพูดอะไร
“คุณเรียกฉันมามีเรื่องอะไรเหรอ?” วรกัญญาถามชลธีอย่างเย็นชา
“มี มีเรื่อง” ชลธีถอนสายตาของตนเองกลับมา ขอแค่เขามองใบหน้าที่คุ้นเคยนั้นของวรกัญญา ก็ควบคุมความรู้สึกของตนเองไม่อยู่
“พูดสิ มีเรื่องอะไร?” แม้บนใบหน้าของวรกัญญาจะเยือกเย็น แต่เมื่อสบเข้ากับสายตาของชลธี ในใจของเธอหวั่นไหวมาก ความรักที่มีต่อเขาไม่อาจหลอกตนเองได้
“ผมอยากถามว่า คุณได้ให้เงินพนักงานตรวจสอบคุณภาพของบริษัทฮอนดากรุ๊ปหรือเปล่า?” ชลธีไม่อยากพูดอ้อมไปมา เขาจึงพูดเข้าประเด็น
วรกัญญาเหลือบมองชลธี สายตาของเขามองตนเองอย่างร้อนจี๋ ถูกเขารู้เรื่องนี้แล้วเหรอ?
“ใช่” วรกัญญาพยักหน้า ตอนเธอทำเรื่องนี้ไม่หวังให้ชลธีรับรู้ แม้ในใจของเธอจะเกลียดเขา แต่กลับอดไม่ได้ที่จะช่วยเขา
“ช่วงก่อนหน้าคุณได้เจอกับธีรเมทหรือเปล่า?” ชลธีถามอีก
“ใช่” วรกัญญายังคงพยักหน้าตอบ วันนั้นเธอเจ็บขาแทบไม่ไหว แต่ยังคงไปหาธีรเมท เพื่อชลธี เธอทำโดยไม่สนใจทุกอย่าง ชลธีต้องให้เธอเป็นคนแก้แค้นเพียงคนเดียว เป็นคนอื่นไม่ได้!
“อืม ผมถามจบแล้ว วันนี้ขอบคุณที่คุณมาหาผมได้ สิ่งที่ผมอยากรู้คือ ผมชลธีคนนี้ทำให้คุณไม่พอใจตรงไหน? เลยทำให้คุณต้องทำกับผมแบบนี้? เดิมทีในใจของชลธีไม่เชื่อว่าวรกัญญาเป็นคนทำทุกอย่างนี้ แต่คำถามในวันนี้เธอพยักหน้าทุกอย่าง ทำให้ชลธีเจ็บปวดใจอย่างยิ่ง!