ชลธีเห็นว่ามีลูกน้องแบบนี้ช่วยเหลือตนเอง เขาซาบซึ้งใจมาก ในช่วงเวลาที่สำคัญ ถึงจะเห็นว่าแท้จริงใครคือคนที่ปฏิบัติกับคุณอย่างจริงใจ
“งั้นผมให้คุณลาสองวันไปเลย คอยเฝ้าภรรยาคลอดลูก อยู่กับเธอให้มาก ภรรยาคือหนึ่งในคนสำคัญที่สุดในชีวิตของคุณ” ชลธีคิดถึงตอนวรกัญญาคลอดอักลี่ ตนเองกลับไม่ได้ช่วยอะไรสักนิดเดียว เขารู้สึกผิดในใจเหลือเกิน
ผู้จัดการฝ่ายผลิตมองชลธี แม้จะไม่ค่อยเข้าใจคำพูดของเขาสักเท่าไหร่ แต่สีหน้าของประธานชลธีเคร่งขรึมสุดๆ เขาตัดสินใจไปทำตามที่ประธานชลธีบอก ภรรยาของตนเองต้องเหนื่อยมากแน่นอน ตนเองมักทำแต่โอที แต่ภรรยากลับอยู่บ้านปรนนิบัติรับใช้พ่อแม่สามีอย่างยากลำบาก
เขาคิดมาตลอดว่าควรจะเป็นอย่างนี้ แต่ได้ยินคำพูดครั้งนี้ของประธานชลธี ถึงจะรู้สึกว่า ทำไมผู้คนควรเป็นอย่างนี้ ต่างเป็นลูกสาวที่เอ็นดูของพ่อแม่ อยู่ในบ้านได้รับการประคบประหงม พอแต่งงานกับตนเอง ก็ได้รับความลำบากมากมาย ตนเองช่างเลวจริงๆ
“ครับ ประธานชลธี ผมจะไปอยู่กับภรรยาสักวันสองวัน ผมจะดูแลเธอให้ดี” ผู้จัดการฝ่ายผลิตพยักหน้า เขาเคยทุ่มเทแรงกายและแรงใจทั้งหมดกับงาน ตั้งแต่ตอนนี้เป็นต้นไป เขาจะแบ่งเวลาบางส่วนไปอยู่เป็นเพื่อนภรรยา
ส่งสินค้าล็อตนี้ออกไป วิกฤตบริษัทฮอนดากรุ๊ปคลี่คลาย ชลธีตัดสินใจหาเวลาเชิญคุณฟิลลิปกินข้าว เพื่อเป็นการขอบคุณเขา
“คุณแม่ มาหาเหรอคะ?” วรกัญญามองนีรชาเข้ามาจากประตู สีหน้าของนีรชาดูไม่ดีมาก เพิ่งจะสูญเสียสามีไป กระทบกระเทือนเธอค่อนข้างมาก
“อืม” นีรชาพยักหน้า เธอเดินไปข้างวรกัญญา นั่งลงไป
วรกัญญามองสีหน้าไม่ดีของนีรชา คิดว่าคงจะมาหาเรื่องตนเองเหมือนกับชลธี เธอจึงเตรียมตัวรับมือ
นีรชานั่งลง เธอไม่ได้พูดอะไร แค่นวดขมับตนเอง ช่วงนี้เธอก็ยากลำบากมาก คฤหาสน์ตระกูลสุวรรณเลิศเธอก็ไม่อยากกลับไป คฤหาสน์ของชลธีเธอก็ไม่อยากกลับไป
ตนเองเอาแต่อาศัยอยู่ในตึกโรงน้ำชาตลอด นึกถึงความทรงจำเก่าๆ ของชุติภาส คนที่มีชีวิตอยู่ดีๆ ในเวลาอันสั้นคิดจะจากไปก็ไป เธอรับไม่ได้โดยสิ้นเชิง
วันนี้เธอมีเรื่องมาขอร้องวรกัญญา แต่กลับไม่รู้ว่าจะเริ่มพูดอย่างไร
วรกัญญาลุกขึ้น เธอเดินเข้าไปในห้องพักผ่อนของตนเอง หยิบชาดอกไม้ออกมา ชงให้นีรชาแก้วหนึ่ง ส่งให้เธอ
“คุณแม่ดื่มน้ำสักหน่อยค่ะ” นีรชามาหา วรกัญญาจึงไม่ทำงานต่อ ระหว่างแม่สามีกับลูกสะใภ้เคยมีความสัมพันธ์ที่ดีมาก เธอเห็นคุณค่าความสัมพันธ์ของทั้งสองคนมาก
“จ้ะ” นีรชารับชามา เธอสูดดม จากนั้นจิบหนึ่งคำ ชามีรสชาติเข้มข้น ไม่รู้ว่าความสัมพันธ์ระหว่างเธอกับวรกัญญายังเข้มข้นแบบนี้ไหม
“แม่คะ แม่มาหาฉันมีธุระอะไรเหรอคะ? เห็นนีรชาเอาแต่ทำท่าทางลังเล วรกัญญาจึงถามเธอตรงๆ
“แม่มีเรื่องหนึ่ง แต่แม่กลัวว่าลูกจะไม่ตกลง” นีรชามองวรกัญญาด้วยสายตาน่าสงสาร
“แม่คะ ถ้าแม่ไม่พูด แล้วจะรู้ได้ยังไงว่าหนูจะตกลงหรือเปล่า? แม่เอาแต่กังวลอยู่นานสองนาน แล้วถ้าหนูรับปากล่ะคะ? ดังนั้นแม่พูดออกมาก่อนเถอะ จะได้รู้ผลลัพธ์” วรกัญญาพูดกับนีรชาด้วยรอยยิ้มบางๆ
นีรชามองวรกัญญา รอยยิ้มของเธอมีแรงกระตุ้นมาก เหมือนให้กำลังใจตนเอง
“มุก คือว่าแม่อยากรับอักลี่ไปอยู่กับแม่สักวันสองวัน ช่วงนี้แม่รู้สึกแย่มาก เคยมีความคิดไม่อยากมีชีวิตอยู่ แม่…” นีรชาคิดจะเล่าความกลัดกลุ้มใจในสมองช่วงนี้ของตนเองออกมา ดูว่าวรกัญญาจะให้ตนเองพาอักลี่ไปไหม
“ค่ะ ได้เลย แม่อยากพาเขาไปอยู่นานแค่ไหนก็ได้ เขาเองก็เป็นหลานชายของแม่” วรกัญญาได้ยินเรื่องนี้ เธอก็ตอบตกลง
“มุก นี่เธอตอบตกลงแล้วเหรอ ทำไมเธอตอบเร็วจัง?” นีรชาคิดว่าตนเองยังต้องพูดอีกยาว วรกัญญาถึงจะยอมให้ตนเองรับอักลี่ไป
“ใช่ค่ะ แน่นอนหนูตกลง แม่คะ ช่วงนี้หนูเองก็ยุ่ง หนูส่งอักลี่ไปอยู่กับแม่ดีกว่า” วรกัญญาพูดจากใจจริง ตระกูลสุวรรณเลิศนั้น คนที่น่าเป็นห่วงตอนนี้คือนีรชา ชลธีไม่เชื่อใจตนเอง ส่วนโธรณีหลังจากกลับมาก็พูดกับตนเองเย็นชา วรกัญญาจึงคิดว่าตนเองไม่มีความจำเป็นอะไรต้องคุยกับคนพวกนั้นอีก
แต่นีรชา เธอปฏิบัติกับตนเองเสมือนลูกสาวแท้ๆ มาตลอด น่าจะดีกว่าลูกสาวแท้ๆ ด้วยซ้ำไป วรกัญญาจึงค่อนข้างใส่ใจความคิดที่นีรชามีต่อตนเอง
“ว่าแต่ แม่คะ แม่รู้สึกสงสัยในตัวของหนูหรือเปล่า?” วรกัญญาถามนีรชา
“สงสัย? ทำไมแม่ต้องสงสัยลูกด้วย? วรกัญญาลูกคนนี้เป็นคนยังไงแม่ไม่ได้เพิ่งจะรู้จักวันแรก ปีนั้น…” เมื่อนีชราพูดถึงตรงนี้ จู่ๆ เธอก็นึกถึงสิ่งที่ลูกชายเตือนสติตนเอง ไม่สามารถเล่าเรื่องก่อนหน้านี้ให้วรกัญญาฟังได้ เธอจึงปิดปากสนิท
พอแล้ว แค่นีรชาเชื่อใจตนเองก็พอแล้ว คนที่ตายไปคือสามีของเธอ ถ้าไม่เชื่อใจตนเอง เธอน่าจะแสดงออกอย่างชัดเจนที่สุด แต่นีรชากลับไม่มีความสงสัยใดๆ กับตนเอง แค่นี้ก็เพียงพอแล้ว
“แม่ ขอบคุณนะคะ” วรกัญญาพูดกับนีรชา
นีรชายิ้ม แม้รอยยิ้มในตอนนี้จะไม่ได้ดูดีไปกว่าร้องไห้ ไม่ว่าคนรอบข้างจะพูดอะไร ความเชื่อใจที่นีรชามีให้ต่อวรกัญญาแต่ไหนแต่ไรไม่เคยเปลี่ยนแปลง
“อักลี่ วันนี้ลูกไปกับคุณย่าดีไหมคะ?” เมื่อมารับอักลี่ที่โรงเรียนอนุบาล วรกัญญาพูดกับอักลี่
อักลี่เห็นนีรชาด้านข้าง เขาก็ยิ้มหวาน
“ครับ คุณย่า” อักลี่ตะโกนเจื้อยแจ้ว
นีรชาแสบจมูก สามีจากไปแล้ว ลูกชายก็กำลังยุ่ง ลูกสาวก็ทำตัวไม่ดี โชคดีที่ยังมีลูกสะใภ้กับหลานชาย
“อักลี่ หลานดูสิย่าเอาของอร่อยมาให้ด้วย” นีรชานำของว่างที่ตนเองพกมาส่งให้อักลี่
“ว้าว ของน่ากินเยอะแยะเลย คุณย่าใจดีที่สุด” อักลี่เงยหน้ามองนีรชา กลับเห็นนีรชาจมูกแดง น้ำตาคลอเบ้า
“คุณย่า เป็นอะไรไปครับ?” อักลี่ถามอย่างห่วงใย
“เปล่าจ้ะ เปล่าจ้ะ เมื่อกี้ตอนรอหลาน ลมพัดทรายเข้าลูกตา” นีรชารีบอธิบาย
“คุณย่า นั่งยองลงมาหน่อยครับ” อักลี่โบกมืออวบๆ ของตนเอง ให้นีรชานั่งยองลงมา
“คุณย่า ผมจะช่วยคุณย่าเป่าให้ครับ” อักลี่ใช้มือตนเองประคองใบหน้านีรชา เป่าดวงตาของเธออย่างตั้งใจมาก เขาเป่าอย่างไม่เร่งรีบ ทำเอาน้ำตาของนีรชากระเด็นออกมา
แย่แล้ว ทำไมตนเองแค่เป่าน้ำตาของคุณย่าก็กระเด็นออกมา อักลี่มองน้ำตาของนีรชา เขามือไม้อ่อนไปนิดหน่อย
“เปล่าจ้ะ เปล่าจ้ะ น้ำตาไหลออกมา ทรายก็ออกมาด้วย” วรกัญญาเห็นลูกชายของตนเองไม่รู้ว่าต้องทำอย่างไร เธอจึงรีบอธิบายให้เขาฟัง