โธรณีเห็นกระดาษแผ่นหนึ่งหล่นลงมาจากร่างที่ไร้ลมหายใจของย่านิ่ม เธอจึงเข้าไปหยิบขึ้นมา นั่นคือกระดาษสีที่ค่อนข้างเก่า มองดูแล้วน่าจะมีอายุหลายปี
โธรณีเปิดกระดาษใบนั้นดู เธอสีหน้าเปลี่ยน นำกระดาษใบนั้นส่งให้ชลธี
“นี่อะไร?” ชลธีรับไป เขาอ่านดู สีหน้าเปลี่ยนเล็กน้อย แต่เขาค่อนข้างใจเย็น ทุกคนไม่รู้ว่าบนกระดาษแผ่นนั้นเขียนอะไร ต่างชะเง้อชะแง้มองชลธี
“เรียกทนายของผมมา นี่คือพินัยกรรมของย่านิ่ม พวกเรามาฟังกัน ให้ทนายอ่านให้ทุกคนฟัง” ชลธีโทรศัพท์ ให้ทนายของบริษัทฮอนดากรุ๊ปมา
ทนายมาถึงในไม่ช้า เมื่อเขาอ่านพินัยกรรม คิ้วก็ขมวดขึ้น แม้จะมีความคิดบางอย่างในใจ แต่ก็ยังคงอ่านพินัยกรรมให้ทุกคนฟัง
เนื้อหาของพินัยกรรมคือย่านิ่มยกหุ้นสามเปอร์เซ็นต์ของบริษัทฮอนดากรุ๊ปให้แก่นิตย์รวีร์ หลังจากการตายของเธอ ทรัพย์สมบัติทั้งหมดของเธอยกให้แก่สิริกร เพื่อเป็นการขอบคุณที่สิริกรดูแลเธอมานานหลายปี
แม้ย่านิ่มจะมีหุ้นเพียงสามเปอร์เซ็นต์ในบริษัทฮอนดากรุ๊ป แต่ก็เป็นจำนวนไม่น้อย และตอนนี้ยังมอบให้เพียงนิตย์รวีร์ แม้แต่ธีร์ธวัชก็ไม่แบ่งให้
แต่เดิมปู่ปรัณแบ่งหุ้นของบริษัทฮอนดากรุ๊ปไว้นานแล้ว ทุกคนต่างมีกันหมด แค่จำนวนไม่เท่ากัน โดยหุ้นของชลธีเยอะที่สุด มีจำนวนยี่สิบเปอร์เซ็นต์ เพราะเขาจำเป็นต้องใช้สิทธิของประธาน
คนอื่นต่างมีกันคนละสามเปอร์เซ็นต์ ชุติภาสมีสิบเปอร์เซ็นต์ หลังจากเขาตายไป จึงแบ่งหุ้นให้แก่สมาชิกครอบครัว และในตอนนี้ ย่านิ่มแบ่งอีกหนึ่งเปอร์เซ็นต์ เมื่อเป็นเช่นนี้หุ้นของนิตย์รวีร์ยิ่งเพิ่มขึ้น สภาพการณ์เช่นนี้กระอักกระอ่วนไม่น้อย
แต่พินัยกรรมดูเป็นของจริงมาก เป็นลายมือของย่านิ่มแน่นอน เธอยังพิมพ์ลายนิ้วมืออีกด้วย แค่เธอเขียนพินัยกรรมเมื่อสามปีก่อน ตอนนั้นเธอมีหุ้นแค่สามเปอร์เซ็นต์ ยิ่งเพิ่มความน่าเชื่อถือ ว่าไม่ใช่ของปลอมที่เพิ่งทำขึ้นมาช่วงนี้
“คิดไม่ถึงว่าคุณย่าที่ไร้วัฒนธรรมจะมีความคิดทำพินัยกรรม อินเทรนด์มาก!” โธรณีหัวเราะเยาะเย้ย เธอคิดว่าพินัยกรรมฉบับนี้เป็นของปลอม แต่กลับไม่มีหลักฐาน
“ฉันเองก็ไม่รู้ ฉันก็เพิ่งรู้เรื่องวันนี้เอง” สิริกรรีบโบกมือ เธอตีหน้าซื่อ ไม่ให้มีใครสงสัยเธอ
“เอาตามที่พินัยกรรมเขียนเอาไว้แหละ อย่างไรเสียก็เป็นความตั้งใจของคุณย่า เธอจากไปแล้ว พวกเราต้องทำให้คนตายจากไปอย่างสงบ” ชลธีกลับไม่เห็นทรัพย์สมบัติเหล่านี้อยู่ในสายตา เขาพยักหน้า ให้ทนายไปจัดการเรื่องนั้น
ช่วงนี้ตระกูลสุวรรณเลิศไม่ค่อยสงบสุข ภายในหนึ่งปีเกิดปัญหาขึ้นในบริษัท และสามเดือนที่ผ่านมามีคนเสียชีวิตไปสองคน ทำให้ยามว่างของคนในพระนครต่างพากันวิพากษ์วิจารณ์ว่าตระกูลสุวรรณเลิศไปยุแหย่สิ่งอัปมงคลมาหรือเปล่า
ย่านิ่มไม่ได้ฝังคู่กับปู่ปรัณ ซึ่งเป็นปณิธานก่อนตายของปู่ปรัณ ว่าจะไม่ขออยู่กับผู้หญิงคนนี้ไปชั่วชีวิต แค่คนหนึ่งอยู่ทางด้านทิศตะวันออกส่วนอีกคนอยู่ทางด้านทิศตะวันตก ตรงกลางเป็นสุสานของชุติภาส
เห็นทั้งสามคนเรียงอยู่ด้วยกัน ทุกคนต่างเศร้าใจมาก โดยเฉพาะสิริกรที่กอดป้ายหลุมศพย่านิ่มไม่ยอมจากไป เธอร้องไห้แทบขาดใจ ราวกับแม่แท้ๆ ของตนเองเสียชีวิต
“เอาล่ะ พวกเรามาดำเนินการตามพินัยกรรมเถอะ” โธรณีทนดูไม่ได้ เธอสวมกระโปรงยาวสีดำ ในใจเคียดแค้นสุดขีด ตั้งแต่วรกัญญากลับมา ในครอบครัวของตนเองเกิดเรื่องเช่นนี้มากมาย ได้ยินมาว่าวรกัญญาเป็นคนทำทั้งหมด ทำไมเธอต้องทำแบบนี้ด้วย? คนตระกูลสุวรรณเลิศไม่ใช่ญาติของเธอหรือไง?
ในเวลานี้สิริกรทำท่าร้องไห้เพราะกลัวหลังจากนี้คนตระกูลสุวรรณเลิศจะไม่ยอมรับเธอ พูดตามสิ่งที่คิด โธรณียังไม่อยากยอมรับจริงๆ แค่เพียงความใจอ่อนของชลธี จึงมองแผนการของคนเหล่านี้ไม่ออก
ออกมาจากสุสาน โธรณีคิดจะขับรถไปหาวรกัญญา ถามว่าทำไมเธอจึงปฏิบัติเช่นนี้กับตระกูลสุวรรณเลิศ การตายของชุติภาสแพร่กระจายไปทั่วพระนคร ต่างพูดว่าเป็นฝีมือของวรกัญญา หลังจากโธรณีกลับมา ก็อึดอัดใจมาตลอด
“แสนดีลูกจะไปไหน?” นีรชาไม่ได้ขับรถมา เธอคิดจะติดรถลูกสาวไป
“หนูจะไปหาวรกัญญา” สีหน้าของโธรณีดูแย่มาก แววตาของเธอดุร้าย
นีรชาเห็นว่าลูกสาวก็เข้าใจวรกัญญาผิดไป เธอร้อนใจมาก รีบกระโดดขึ้นรถโธรณี
“แม่ แม่จะขึ้นมาทำไม?” โธรณีเห็นในเวลานี้แม่เคลื่อนไหวเร็วมาก
“ลูกจะไปหาวรกัญญาไม่ได้ แม่คิดว่าทั้งหมดนี้มีคนแอบวางแผน วรกัญญาไม่มีทางทำกับพวกเราแบบนี้” นีรชาดึงมือโธรณี
“แม่ แม่มีสติหน่อยได้ไหม? ตอนนี้ทุกคนในพระนครต่างรู้เบื้องหลังของวรกัญญาหมดแล้ว แค่เธอคุ้นเคยกับครอบครัวของพวกเราเช่นนี้ จึงลงมือได้อย่างราบรื่น หนูคิดจะไปถามเธอ ว่าทำไมถึงลงมือกับพวกเราอย่างสกปรกแบบนี้!” โธรณีถูกคนปั่นหัวจนสับสน
“แสนดี ลูกกับมุกไม่ได้เพิ่งรู้จักกันแค่วันสองวัน เธอเป็นคนยังไงลูกไม่รู้เหรอ? ทำไมลูกถึงยัดเยียดข้อหาให้เธอตามคนพวกนั้น?” นีรชามั่นใจในตัววรกัญญามาก
“แม่ คนเราเปลี่ยนกันได้ เธอหายสาบสูญไปห้าปีหมายความว่าอะไร? กลับมาแล้วคนในครอบครัวพวกเราต้องเจอกับความโชคร้ายมันหมายความว่าอะไร? แม่คะ แม่คิดว่าเรื่องเหล่านี้ไม่มีความเกี่ยวข้องกับเธอเหรอ? งั้นทำไมหลักฐานทุกอย่างชี้ไปที่เธอ?” โธรณีรู้สึกว่าแม่ของตนเองถูกวรกัญญาหลอกลวง
“ยังไงแม่ก็ไม่เชื่อ ลูกเองก็ไม่สามารถไปหาเรื่องเธอได้ แม่เป็นแม่ของลูก ถ้าลูกยังเห็นว่าแม่เป็นแม่อยู่ ลูกต้องฟังคำพูดของแม่ แต่ถ้าลูกไม่แยกแยะ งั้นก็ตามใจ ต่อจากนี้ไม่ต้องมาเรียกว่าแม่อีก” นีรชาลงจากรถอย่างประชดประชัน
โธรณีเห็นแม่ของตนเองโกรธ วันนี้เธอจึงไม่ไปแล้ว หลังจากนี้ยังมีโอกาส
“เอาล่ะ เอาล่ะ แม่ขึ้นมาเถอะค่ะ หนูไม่ไปแล้ว หนูไม่ไปแล้วก็ได้” โธรณีเปิดประตูรถ ให้นีรชาขึ้นมา
โธรณีพานีรชากลับไปส่งที่คฤหาสน์ตระกูลสุวรรณเลิศ เธอเองก็ตามเข้าไป ก็เห็นสิริกรกำลังเก็บของ
“บัว แสนดี พวกคุณกลับมาแล้ว ฉันกำลังจะเก็บของเสร็จพอดี ก็จะไปแล้ว ชลซื้อบ้านให้ฉัน ไม่ไกลจากที่นี่มาก แสนดีอยากกินอะไรที่น้าทำ ก็มาหาเดี๋ยวน้าจะทำให้” สิริกรยิ้มอย่างไม่เป็นพิษภัย ใบหน้าอวบอ้วนของเธอบางครั้งเห็นแล้วรู้สึกเมตตาเล็กน้อย
“อืม ค่ะ” โธรณีไม่สนใจเธอ นีรชาเห็นท่าทางนั้นของเธอ กลับใจไม่ค่อยแข็งพอ
“เธอไปแล้ว ก็ดูแลตัวเองให้ดี ไม่ต้องประหยัดเกินไป ชลจะโอนค่าใช้จ่ายให้เธอตรงเวลา” วันนี้นีรชาพูดกับสิริกร นับว่ามากที่สุดตั้งแต่เธอมา