มุกดากรีดร้องออกมาหนึ่งคำ ทำเอาคนที่ตีเธอเบา ๆ สะดุ้งตกใจตาม ทั้งสองต่างก็ร้องออกมา
มุกดาตอนนี้ก็เพิ่งจะมองดูให้กระจ่างว่านี่เป็นเพื่อนสนิทอีกคนหนึ่งของตัวเองจันวิภา
เมื่อวานจันวิภาไม่ได้ไปงานแต่งของตนเอง เพราะจันวิภากับเมธพรไม่ลงรอยกันมาตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้ว
“จันทร์ เธอทำฉันตกใจหมดแล้ว” ตอนนี้มุกดาตกใจไม่น้อยเลยทีเดียว เธอก็คิดคนคนนั้นจะมาคิดบัญชีเธอเสียอีก
“มุก เธอเองก็ทำเอาฉันตกใจไม่น้อยเลยเหมือนกัน” จันวิภายังกุมหน้าอกของตัวเองเอาไว้ด้วย
เมื่ออารมณ์ของทั้งสองกลับมาเป็นปกติแล้ว จันวิภาก็ลากมุกดาเข้าไปในร้านกาแฟที่อยู่ด้านข้าง
“เธอวิ่งหนีอะไรมาเหรอ? ฉันเรียกเธออยู่ตั้งนาน แต่เธอก็ไม่ได้ยิน มีใครไล่ตามเธอเหรอ?” หลากจากที่นั่งลง จันวิภาก็กลอกตามองมุกดาแวบหนึ่ง
มุกดากลืนน้ำลาย พอได้เจอจันวิภาในตอนนี้ ก็ยิ่งรู้สึกไม่ได้รับความเป็นธรรมเป็นพิเศษ เริ่มแสบจมูก น้ำตาก็หยดลงมาติ๋ง ๆ
“เป็นอะไรไปที่รัก? ธีรเมทรังแกเธอใช่ไหม ฉันจะไปตอนเขาแม่งเลย!” พอเห็นมุกดาดูมีท่าทางที่เสียใจจันวิภา ถูมือเล็กน้อยแล้วลุกขึ้นมา ก่อนจะพับแขนเสื้อ เตรียมจะไปหาธีรเมท
มุกดาใช้แรงดึงจันวิภาเอาไว้ ห้ามไม่ให้เธอไป เพราะเธอรู้ดีว่านิสัยของจันวิภาเป็นอย่างไร ถ้ารู้ว่าธีรเมทรังแกเธอ จะต้องไปใช้กำลังเพื่อแก้ปัญหาอย่างแน่นอน
“ไม่ต้องไปแล้ว ๆ จันทร์ ฉันหย่าไปแล้ว” มุกดาสูดจมูกแล้วพูด
“หย่าแล้ว? มุก เธอหย่ากับธีรเมทแล้ว? แต่เมื่อวานพวกเธอเพิ่งจะแต่งงานกันไม่ใช่เหรอ? แล้วเธอก็หย่าเลย? ฮ่าฮ่าฮ่า!” จันวิภาหัวเราะขึ้นมากะทันหัน หัวเราะเสียจนน้ำตาไหลออกมาเลยทีเดียว
ทว่ามุกดากลับถูกเธอทำให้มึนงงสับสนไปหมดแล้ว อะไรกัน? ก็รู้อยู่ว่าตนหย่าแล้ว ทำไมเธอถึงได้มีความสุขขนาดนี้?
“เอ๊ะ เดี๋ยวนะ ฉันหย่าแล้ว อย่างน้อยเธอก็ช่วยแกล้งทำเป็นเสียใจสักหน่อยก็ได้? เธอหัวเราะอะไรน่ะ? เธออยากให้เป็นอย่างนั้นใจจะขาดเลยเหรอ?” ตอนนี้มุกดาไม่ร้องไห้แล้ว เธอใช้กระดาษทิชชูเช็ดหน้าของตัวเองและเช็ดน้ำตาออกให้หมด
“อืม ฉันอยากใจจะขาดจริง ๆ นั่นแหละ ฉันก็บอกเธอหมดแล้ว ธีรเมทคนนั้นเป็นคนไม่ได้เรื่อง แต่เธอก็ยังจะแต่งงานกับเขา เป็นอย่างไรล่ะ เมื่อที่ฉันพูดไว้ไม่มีผิดเลยใช่ไหม? ฉันเคยบอกเธอตั้งนานแล้ว ธีรเมทมันก็แค่ผู้ชายเฮงซวย!” จันวิภาพูดด้วยความตื่นเต้น แล้วเธอก็ตบโต๊ะ
ยังดีที่ตอนเช้าในร้านกาแฟมีคนน้อย เสียงตบนั่นจึงแค่เรียกพนักงานเข้ามา ทั้งยังคิดว่าต้องการการบริการจากพวกเขา
“ที่สำคัญที่สุดคือธีรเมทกับเมธพรอยู่ด้วยกันแล้ว! เธอรู้ไหมว่าพวกเขาวางแผนทำร้ายฉัน แล้วเมื่อกี้นี้ยังพานักข่าวจำนวนมากมาจับการลักลอบเป็นชู้ที่โรงแรมอีก จากนั้นก็บังคับให้ฉันหย่า!” พอมุกดาพูดถึงตรงนี้ ก็ดูเหมือนจะมีอารมณ์ขึ้นมาเล็กน้อย
เธอมองจันทร์ ส่วนจันทร์ก็มองเธออย่างเป็นกังวล
“เพียงแต่ เรื่องพวกนี้มันไม่สำคัญแล้วล่ะ ปัญหาก็คือตอนนี้ฉันไม่รู้เลยสักนิดว่าผู้ชายคนที่พวกเขาหามาร่วมห้องกับฉันเมื่อคืนคนนั้นเป็นใคร! ฉันอุตส่าห์เฝ้าทะนุถนอมร่างกายนี้มายี่สิบปี ตอนนี้ไม่เหลือแล้ว!” มุกดาดื่มกาแฟ ดวงตาก็เริ่มแดงขึ้นมาอีกแล้ว
“แม่งเอ๊ย มุกเธอวางใจเถอะสองคนนี้มันเหมาะสมกันเหมือนหมา คงอยู่ได้อีกไม่นาน ส่วนเรื่องเมื่อวาน เธอก็อย่าไปคิดมากอีกเลย ถือเสียว่าโดนหมากัดก็แล้วกัน” จันวิภาปลอบใจมุกดา
ชลธีที่กำลังนั่งอยู่บนรถ จู่ ๆ ก็จามออกมาหนึ่งที
“ท่านประธาน แอร์เย็นไปหรือเปล่าครับ?” คนขับรถถามด้วยความระมัดระวัง
ชลธีลูบจมูกและไม่คิดว่ามันมีอะไร
“ไม่เป็นไร ขับต่อไปเถอะ” วันนี้ชลธีถูกคนในครอบครัวเร่งให้กลับไป บอกว่ามีเรื่องสำคัญอะไรบางอย่างอยากจะปรึกษาด้วย ตอนนี้เขากำลังรีบกลับบ้าน
เพื่อปลอบใจผู้หญิงที่เพิ่งหย่ามาอย่างมุกดา จันวิภาจึงได้ทุ่มสุดตัว ทั้งสองให้เวลาอยู่ด้วยกันข้างนอกทั้งวัน
มุกดาอยากจะระบายอารมณ์ ต้องการระบายอย่างรุนแรง จันวิภาทำได้เพียงแต่สละชีวิตดั่งสุภาพบุรุษเสียแล้ว
พอตกเย็น มุกดาก็เพิ่งจะค้นพบปัญหาสำคัญมากอย่างหนึ่ง นั่นก็คือตอนนี้เธอไม่มีที่อยู่แล้ว
แน่นอนว่ากลับบ้านไม่ได้อยู่แล้ว พอรู้ว่าเธอกับธีรเมทจะแต่งงานกัน ก็ได้นำเงินที่เหลือทั้งหมดในบ้านไปซื้อเรือนหอให้เธอหมดแล้ว ตอนแรกธีรเมทบอกให้เขียนเป็นชื่อเขา มุกดาก็ยังคิดว่าเป็นครอบครัวเดียวกันแล้วจะเขียนชื่อใครก็ไม่สำคัญ
แต่ตอนนี้ แม้แต่บ้านที่เป็นสมบัติสุดท้ายก็ยังรักษาไว้ไม่ได้
“จันทร์ ตอนนี้ท้องฟ้าก็มือแล้ว เธอกลับไปเถอะ ไม่อย่างนั้นแม่เพลงจะร้อนใจเอาได้ ฉันไม่เป็นอะไรหรอก ตอนนี้ฉันดีขึ้นมากแล้ว” มุกดาให้จันวิภากลับไปก่อน
“แล้วเธอจะไปที่ไหน? กลับบ้านใหม่ของเธอเหรอ?” จันวิภายังคงไม่วางใจ
มุกดาพยักหน้า “วางใจเถอะ เธอรีบกลับไปเถอะ วันนี้พวกเราใช้เวลาอยู่ด้วยกันมาทั้งวันแล้ว เดี๋ยวแม่เพลงจะเป็นห่วงเอา”
เธอผลักจันวิภาให้ขึ้นรถไป ให้จันวิภากลับไปได้แล้ว
พอจันวิภากลับไปแล้ว มุกดากลับนั่งเหม่อลอยอยู่ข้างทาง จริงด้วย เธอควรจะไปที่ไหนดี?