“ฮัลโหล ชลธี คุณพูดสิ” วรกัญญารออยู่นาน ชลธีก็ไม่พูด เธอเลยรู้สึกร้อนรน
“ตอนนี้ผมจะต้องประชุมน่ะ” ชลธีไม่รู้จะพูดยังไง เขาเลยใช้การประชุมของตัวเองเพื่อบอกปัดโทรศัพท์ของวรกัญญา
“ฮัลโหล คุณ….” วรกัญญายังไม่ทันพูดจบ โทรศัพท์มือถือของชลธีก็ไม่มีแบตแล้ว
ชลธีหาอยู่สักพัก แต่ว่าที่ชาร์จแบตก็ไม่รู้ไปวางไว้ตรงไหน
“ประธานชลธี ทุกคนต่างรอประชุมกันแล้ว คุณต้องตัดสินใจ” ตอนที่ชลธีกำลังจะใช้โทรศัพท์ตั้งโต๊ะโทรหาวรกัญญาเพื่ออธิบาย ก็มีคนเข้ามา ให้ชลธีรีบไปประชุมทันที เหล่าคณะกรรมการต่างมาถึงกันแล้ว วันนี้จะต้องโหวตเพื่อตัดสินใจ ตกลงว่าจะเป็นรีสอร์ทของชลธี หรือว่าเป็นไฮเปอร์มาร์เก็ตของนิตย์รวีร์
“ตกลง ผมจะไปเดี๋ยวนี้ครับ” ชลธีหยิบเอกสารของตัวเองขึ้นมา แล้วก็ไปประชุม
วรกัญญาโมโหและโทรหาชลธีอีกครั้ง แต่ว่าเขากลับปิดเครื่อง โทรไปเบอร์ห้องทำงาน ก็ไม่มีคนรับ
วรกัญญาก็ไม่โมโหแล้ว ดีมาก ชลธี คุณไม่อยากร่วมมือกับฉันสินะ? งั้นฉันทำคนเดียวเอง!
วรกัญญาหยิบข้อเสนอแผนงานออกมาดูอีกรอบ จากนั้นก็ให้ธีรนัยน์ไปทำแผนงบประมาณมาหนึ่งชุด ดูว่าจะต้องลงทุนเท่าไหร่
ชลธีในการประชุมคณะกรรมการบริษัทก็พูดโน้มน้าวทุกคนไม่ได้ การตายของชุติภาสชลธีก็ไม่ได้ทำอะไรเลย แล้วอีกอย่างอีกฝ่ายที่เขาอยากจะร่วมมือด้วยคือฆาตกรที่ฆ่าชุติภาส คนในคณะกรรมการบริษัทต่างก็เป็นคนเก่าคนแก่ของชุติภาส ดังนั้นสำหรับการร่วมมือกันในครั้งนี้จึงโหวตคัดค้าน
“น้องสาม บางครั้งการชนะใจคนก็สำคัญมากเช่นกัน ความแค้นของพ่อของเรานายไม่เอาคืน ฉันเอาคืนเอง!” ตอนที่เลิกประชุม นิตย์รวีร์เดินมาตรงหน้าของชลธี พูดกับเขา
หลายคนต่างก็เดินไปพร้อมกับนิตย์รวีร์ คนอื่นๆมองดูสองพี่น้องครู่หนึ่ง ต่างก็ถอนหายใจ และส่ายหัว
“ชลเอ้ย วีรบุรุษยากที่จะฝ่าด่านสาวงาม นายดูแลตัวเองไว้ดีนะ” มีคนมาโน้มน้าวชลธี
สีหน้าของชลธีเย็นชามาก หลังจากที่นิตย์รวีร์ได้หุ้นส่วนของย่านิ่มมาแล้ว ก็กลายเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่อันดับสองรองจากชลธี แล้วก็มีศักดิ์ศรีแน่นอน อีกทั้งเขาพูดโน้มน้าวรอบด้าน บอกว่าชลธีไม่ยอมแก้แค้นให้บิดา แถมยังจะทำงานร่วมมือกับศัตรู คณะกรรมการพวกนั้นก็เชื่อแล้ว
ดังนั้นตอนนี้สถานการณ์ของชลธีในบริษัทก็ยากลำบากเช่นกัน
กลับถึงบ้าน ชลธีก็เหนื่อยมาก เหนื่อยใจแล้วยังปวดหัวด้วย กลางดึกเขายังมีไข้สูงอีก ไข้ขึ้นจนสะลึมสะลือ
หากว่าไม่ใช่เพราะนีรชานอนไม่หลับ เลยไปดูว่าเขากลับมาหรือยัง คาดว่าชลธีคงจะต้องไข้ขึ้นสมองไปแล้วแน่ๆ
“ชล ชล?” นีรชาเปิดประตูของชลธี ด้านในเงียบสงัด ทุกวันชลธีทำงานล่วงเวลากลับมาเธอล้วนได้ยินเสียงประตูดัง แต่ว่าวันนี้เธอกลับไม่ได้ยินอะไรเลย ไม่สบายใจนิดหน่อยเลยมาดูว่าลูกชายกลับมาแล้วหรือยัง
เธอเดินเข้าไป ถึงแถวๆเตียง เห็นลูกชายเสื้อผ้าก็ไม่ได้ถอดแล้วก็หลับไปแล้ว เลยคิดจะปลุกเขา ถอดเสื้อผ้าก่อนแล้วค่อยนอน
“มุก มุก คุณอย่าไปนะ” จู่ๆชลธีก็ดึงมือของนีรชาไว้ ทำให้นีรชาตกใจไปรอบหนึ่ง
มือที่ดึงเธอไว้ร้อนผ่าว นีรชาเลยจับหัวของชลธีเล็กน้อย หัวของเขาก็ร้อนมากเช่นกัน นีรชาเลยรีบไปตามหมอประจำตระกูลมารักษาชลธี
ชลธีป่วยทีหนึ่งก็สามวัน สามวันนี้เขาต่างมึนๆงงๆ มักจะเห็นว่าวรกัญญากำลังมองตัวเองอยู่ แต่ว่าตอนที่ตัวเองคว้ามือไปจับ กลับไม่มีแล้ว ในใจของเขาร้อนรนมาก กลัวว่าวรกัญญาจะจากไปแล้ว
ดีที่เขาคว้ามือมือหนึ่งไว้ได้ เขาก็เลยตื่น
“มุก” นีรชามองดูลูกชายของตัวเอง น้ำตาเกือบจะไหลลงมา สามวันนี้เขาตะโกนชื่อมุกนับครั้งไม่ถ้วน ตอนนี้ก็คว้ามือของตัวเองไว้แน่นอีก
“ชล นี่แม่เอง” นีรชาพูดกับลูกชาย
ชลธีลืมตาขึ้น มองดูมือของตัวเองที่คว้าเอาไว้คือมือของมารดา เขาก็รู้สึกเศร้าเสียใจมาก
“ลูก ถ้าลูกคิดถึงเธอแม่โทรหาเธอให้นะ” นีรชาเห็นลูกชายตัวเองเจ็บปวดทรมานขนาดนี้ ก็รู้สึกปวดใจมาก
“ไม่ต้องหรอกครับ เธออาจจะโกรธผมแล้วล่ะ ช่างเถอะ รอมีโอกาส ผมค่อยไปอธิบายกับเธอ” ชลธีส่ายหัว ให้แม่ไม่ต้องกังวลเรื่องของตัวเองอีก
“เฮ้อ ถ้างั้นเอางี้แม่ไปรับอักลี่มาหาละกัน” นีรชาก็คิดถึงหลานชายของตัวเองเช่นกัน
“ผ่านช่วงไม่กี่วันนี้ไปก่อนค่อยว่ากันนะครับ ผมป่วยอยู่กลัวว่าจะแพร่ให้กับอักลี่” ชลธีส่ายหัวอีกครั้ง เขาเป็นห่วงสุขภาพของลูก
“งั้นก็ได้ ถ้างั้นลูกก็พักฟื้นดีๆล่ะ รีบหายไวๆนะ” นีรชาเช็ดน้ำตาของตัวเอง ลูกชายคนนี้กับภรรยายังไงกันนะ? ทั้งๆที่ชอบมาก แต่กลับต้องแยกกัน อยู่ด้วยกันไม่ดีหรือไง?
………………
“รวิศ ฉันมีงานให้นายอย่างหนึ่ง ช่วยฉันหาหน่อย วันที่ 20 สิงหาคมเมื่อ7ปีก่อนในโรงแรมจอยซิตี้ คืนนั้นในห้องหมายเลข808มีคนไหนเข้าไปบ้าง” วรกัญญามอบหมายงานอย่างหนึ่งให้กับรวิศที่จบการศึกษาจากกรมสอบสวนคดี
“ครับ ผมจะทำงานนี้ให้สำเร็จแน่นอนครับ” รวิศรู้สึกสนใจงานนี้มาก ตอนที่ตัวเองฝึกฝนอยู่ในกองกำลังตำรวจติดอาวุธ ก็เอาแต่ติดตามอาจารย์ของตัวเอง ไม่เคยทำเองสักครั้ง ครั้งนี้เขาอยากจะทำงานให้สำเร็จสักครั้งด้วยตัวเองมาก
“เนื่องจากเวลานานมากแล้ว ฉันให้เวลาคุณสามเดือนละกัน” วรกัญญาพูดกับรวิศ
รวิศรับงานนี้แล้วก็เดินไป เหลือธีรนัยน์และรณรัตที่เริ่มทำงบลงทุน
ทำงานล่วงเวลามาหลายวันหลายคืน ธีรนัยน์และรณรัตก็เร่งทำงบประมาณออกมา ทั้งสองต่างก็เหนื่อยล้ามาก
“ประธานวรกัญญา งบประมาณทำออกมาเรียบร้อยแล้วครับ คุณดูว่ายังมีตรงไหนต้องการเพิ่มเติมอีกไหมครับ” ธีรนัยน์มองวรกัญญาด้วยขอบตาดำคล้ำ
“ธีรนัยน์ ทำไมคุณไม่เชื่อฟังฉันคะ? ฉันก็บอกแล้วไงว่าให้เวลาคุณครึ่งเดือนค่อยๆทำออกมา คุณก็ยังหามรุ่งหามค่ำทำออกมาให้ฉัน ไม่เอาชีวิตแล้วหรือไง?” วรกัญญาฟาดงบประมาณลงบนโต๊ะทำงาน
เธอมองธีรนัยน์ที่ผอมแห้ง รณรัตแน่นอนว่าก็ไม่ได้ดีไปกว่ากันเท่าไหร่ เธอไม่อยากให้พนักงานของตัวเองไม่ห่วงชีวิตแบบนี้ ต้องการแค่ให้พวกเขาทำงานให้ดีก็พอแล้ว
“ประธานวรกัญญา ผมเป็นคนใจร้อนน่ะครับ มีเรื่องอะไรเข้า ผมก็นอนไม่หลับ นอกจากจะทำเรื่องนั้นให้เสร็จเรียบร้อย ผมถึงจะสบายใจ” ธีรนัยน์เองก็อึดอัดใจมาก เขาก็ไม่อยากลากรณรัตมาเหนื่อยด้วยเหมือนกัน
“ช่างมันเถอะค่ะ พวกคุณสองคนไปพักก่อนสักหน่อยเถอะ ฉันอ่านจบแล้ว มีปัญหาอะไรฉันค่อยไปหาพวกคุณ” วรกัญญามองธีรนัยน์อย่างห่วงใย
“อืม ได้ครับ ผมจะกลับไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้ว มีเรื่องอะไรโทรมาหาผมก็พอครับ” ธีรนัยน์ก็เหนื่อยมากเช่นกัน เขาอยากรีบอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้ว
วรกัญญาดูงบประมาณที่ธีรนัยน์และรณรัตรีบทำออกมา ทุกรายการละเอียดมาก โดยรวมต่างก็คำนึงถึงจุดต่างๆทั้งหมดแล้ว
ดูจำนวนเงินทั้งหมด วรกัญญาคิดว่าตัวเองคนเดียวก็พอรับได้อยู่ เธอมั่นใจกับแผนงานครั้งนี้มาก
“ใบเตย แจ้งฝ่ายการเงิน เตรียมข้อมูลสินเชื่อ แล้วก็แจ้งแผนกการก่อสร้าง เตรียมวัสดุก่อสร้าง” วรกัญญาโทรศัพท์หาเลขาใบเตย เตรียมทุกด้านให้พร้อมก่อนเริ่มก่อสร้าง