“ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า คิดไม่ถึงสินะหนุ่มน้อย ฉันสามารถสู้กับนายได้อีกหลายตาเลย ศิลปะการป้องกันตัวของนายเองก็ไม่เลวทีเดียว!ฉันล่ะชอบนายมากขึ้นเรื่อยๆ แล้วสิ” ผู้หญิงคนนั้นยังไม่ลืมที่จะเยาะเย้ยธีรนัยน์
การกระทำของหล่อนทำให้ธีรนัยน์รู้สึกรำคาญมากขึ้นกว่าเดิม ธีรนัยน์เพิ่งจะคิดว่าหล่อนก็เป็นเพียงผู้หญิงคนหนึ่งเลยไม่ได้ใช้พละกำลังทั้งหมดไปแต่ดูท่าผู้หญิงคนนี้นั้นกลับไม่ได้ใจอ่อนลงเลยแม้แต่น้อย
ธีรนัยน์เองก็อารมณ์ร้อนขึ้นมาเช่นกัน เขาเพิ่มพละกำลังมากขึ้น เมื่อหญิงคนนั้นได้มองและเริ่มรู้สึกว่าสู้ไม่ไหว หล่อนจึงได้หยิบถุงหอมออกมาและโปรยมันออกไป
ธีรนัยน์หลบอย่างรวดเร็วแต่อย่างไรก็ตามเขาหลบมันได้ไม่ทัน นั่นจึงทำให้มีถุงหอมบางส่วนตกใส่ร่างกายของเขา จมูกของเขาเองก็ได้กลิ่นอะไรบางอย่าง
ไม่นานนักเขาก็เริ่มรู้สึกมึนหัว ก่อนที่เขาจะล้มลงไปเขาก็ได้เห็นรอยยิ้มที่ดูภาคภูมิใจของหญิงคนนั้น อีกทั้งเหล่าคนที่โดนเขาตีจนล้มลงไปก็เริ่มพากันลุกขึ้นมาพร้อมกับจ้องมองดูตนด้วยรอยยิ้ม
แย่แล้ว ตนประมาทเกินไปอีกทั้งยังขาดประสบการณ์ นึกไม่ถึงเลยว่าผู้หญิงคนนี้จะใช้กลอุบายเช่นนี้
ธีรนัยน์ค่อยๆ ล้มพับลงไป ในใจของเขานั้นยังเป็นห่วงณฐวรอยู่ ขณะที่เขากำลังจะลืมเลือนความทรงจำก็ได้ตะโกนออกไปว่า “ณัฐ ฉันช่วยนายไม่ได้แล้ว”จากนั้นเขาก็ไม่รู้สึกตัวอีกเลย
บนใบหน้ารู้สึกเย็น ส่วนในปากก็มีน้ำหวานอยู่ ธีรนัยน์รู้สึกว่าน้ำหวานนี้ช่างเลิศรสเสียเหลือเกินนั่นจึงทำให้เขาดื่มมันเข้าไปอีกหลายอึกเลยทีเดียว
หลังจากที่เขาดื่มน้ำลงไป ธีรนัยน์ก็รู้สึกว่าหน้าอกของเขานั้นไม่อึดอัดและถ่ายเท เขาสบายและรู้สึกผ่อนคลายเป็นอย่างมาก
“ธีรนัยน์ ธีรนัยน์ นายดีขึ้นหรือยัง?” มีคนถามเขาด้วยเป็นห่วงเป็นใย ธีรนัยน์ได้ยินเสียงของณฐวร เขายังไม่ทันคิดด้วยซ้ำว่าตอนนี้เขาอยู่ที่ไหนกัน
เขาค่อยๆ ลืมตาสีดำที่เป็นประกายคู่นั้นขึ้นมา สิ่งแรกที่เขาเห็นนั่นก็คือใบหน้าอันหล่อเหลาของณฐวรที่กำลังมองดูตนอย่างใจจดใจจ่อ
ธีรนัยน์ยื่นมือออกไปลูบใบหน้าของณฐวร ผิวหน้าของณฐวรนั้นช่างดีจริงๆ ทั้งเรียบเนียนและละเอียดลออ
“ไม่ต้องกังวล ฉันไม่ตายหรอกน่า ฉันยังต้องปกป้องนายอยู่ ณัฐ นายไม่เป็นอะไรใช่ไหม?” มือของธีรนัยน์เคลื่อนไปตามใบหน้าของณฐวร
ณฐวรเองก็จับมือของเขามาแนบเข้ากับใบหน้าของตนอย่างแน่น ตัวเองเป็นขนาดนี้แล้วยังจะอยากมาช่วยตนอีก ช่างโง่เขลาเสียกระไร!
“ฉันไม่เป็นอะไร ไม่เป็นอะไร ธีรนัยน์ นายดีขึ้นบ้างไหม?อยากจะกินอะไรหรือเปล่า?” ณฐวรช่วยพยุงธีรนัยน์ขึ้นมา
ธีรนัยน์ลุกมานั่งพิงณฐวรที่อยู่ด้านข้าง ทันใดนั้นเขาก็นึกขึ้นได้ถึงหน้าอกของตนจึงรีบก้มมองลงมา ยังดีที่เสื้อผ้าของเขายังอยู่เรียบร้อยดี ดังนั้นเขาจึงโล่งใจ
เมื่อตอนที่ธีรนัยน์กำลังจะล้มลงไป ณฐวรก็ได้จัดการอีกด้านหนึ่งเสร็จพอดีจึงรีบวิ่งเข้ามาและต่อสู้กับคนพวกนั้นจนพวกมันหนีไป ณฐวรอุ้มธีรนัยน์และพากลับไปยังที่ที่พวกเขามา ยังโชคดีที่โดนขโมยแต่เงินไปเท่านั้น ของอื่นๆ ยังอยู่ครบ
เมื่อวางธีรนัยน์ลงบนพื้น ณฐวรต้องการที่จะถลกเสื้อยืดและเช็ดน้ำเย็นให้เขา หากได้กลิ่นของถุงหอมมันจะทำให้คนรู้สึกว่าทั้งร่างนั้นร้อนระอุไปหมด
แต่หลังจากที่ถลกเสื้อยืดขึ้นมาก็พบว่าหน้าอกของธีรนัยน์นั้นมีผ้าหนาสีขาวพันเอาไว้อยู่ ไม่น่าแปลกใจเลยที่เวลาสัมผัสแล้วจะรู้สึกแข็งทื่อไปหมด นึกว่าเป็นเพราะกล้ามเนื้อหน้าอกเสียอีก ที่ไหนได้ปรากฏว่าเธอเป็นผู้หญิงซะนี่!
ณฐวรจึงได้จัดการเสื้อยืดของเธอให้เรียบร้อย ใช้น้ำเช็ดแค่บริเวณมือ ขาและใบหน้าของเธอเท่านั้น
แต่ปฏิกิริยาของธีรนัยน์เองก็ไวเช่นกัน เธอไม่ค่อยได้กลิ่นถุงหอมเท่าไหร่นัก ไม่อย่างนั้นคงแย่แน่ หลังจากที่ณฐวรนั้นรู้ตัวตนของธีรนัยน์แล้ว ความตื่นเต้นภายในใจของเขาก็ไม่สามารถสงบลงได้เป็นเวลานาน ในที่สุดนี่ก็เป็นความน่าเชื่อถืออย่างหนึ่งที่แสดงถึงความชอบที่เขามีต่อธีรนัยน์ได้แล้ว ในตอนแรกหัวของเขานั้นมีแต่ธีรนัยน์ตลอดจนเขาคิดว่าตนจะรักผู้ชายเข้าให้เสียแล้ว
“ขอบคุณณัฐนะ ฉันเองก็ไม่ได้มีประสบการณ์สักเท่าไหร่ หากไม่ได้นายล่ะก็ฉันต้องแย่แน่ๆ เลย” ขณะนี้เองธีรนัยน์ก็รู้สึกนึกกลัวขึ้นมา
ณฐวรนั้นเห็นด้วยกับคำพูดของธีรนัยน์เป็นอย่างมาก หากคนพวกนั้นรู้ล่ะว่าธีรนัยน์เป็นหญิงสาวที่งดงามล่ะก็คงแย่แน่ๆ
“ต้องโทษฉัน ฉันไม่น่าพานายมาที่นี่เลย มันอันตรายเกินไป เมื่อครึ่งปีก่อนฉันเคยพานักเรียนมาที่แห่งนี้แต่ตอนนั้นก็ไม่เห็นมีอะไร” ณฐวรนั้นกอดธีรนัยน์เอาไว้ ในใจของเขานั้นมีความสุขจนอยากจะหัวเราะออกมา
“ณัฐ ฉันอยากจะดื่มน้ำอีกสักหน่อย” เมื่อผ่านเรื่องราวในครั้งนี้มา ดูเหมือนว่าจะทำให้ทั้งสองคนนั้นใกล้ชิดกันมากขึ้น
“ได้ เดี๋ยวฉันหยิบให้เอง”ณัฐวรหยิบน้ำให้กับธีรนัยน์ ถึงแม้ว่าธีรนัยน์จะฟื้นสติขึ้นมาแล้วแต่ร่างกายของเธอก็ยังอ่อนแอและยังคงรู้สึกร้อนระอุอยู่ ดังนั้นเธอจึงรู้สึกกระหายน้ำเป็นอย่างมาก
เมื่อดื่มน้ำอีกขวดหนึ่งลงไป ธีรนัยน์จึงค่อยรู้สึกว่าความร้อนระอุในใจของตนนั้นค่อยๆ ดีขึ้นมาหน่อยแล้ว
“ธีรนัยน์ พักต่ออีกสักหน่อยเถอะ พักผ่อนให้เต็มที่แล้วพวกเราค่อยกลับกัน” เมื่อเห็นว่าท้องฟ้ามืดแล้วณฐวรจึงจัดแจงขาตั้งที่หักนั้นให้เรียบร้อยพร้อมกับวางไว้ในรถของธีรนัยน์
“ไม่ต้องพักผ่อนแล้วล่ะ พวกเรากลับกันเถอะ” ธีรนัยน์เองก็เห็นว่าท้องฟ้านั้นมืดแล้ว หากคนพวกนั้นกลับมาล่ะก็พวกเขาคงจะรับมือไม่ไหวแน่ๆ
ตนพยายามที่จะลุกขึ้นมาแต่ด้วยทั้งร่างกายที่มันอ่อนแอ ธีรนัยน์เลยไม่แม้แต่จะดันตัวเองขึ้นมายืนได้
“ไม่ต้องรีบ ฉันช่วยเอง” ณฐวรจัดแจงของพร้อมกับปรับเบาะให้อยู่ในท่าที่เหมาะเพื่อที่จะสามารถให้ธีรนัยน์นอนเอนกายได้อย่างสบาย
ณฐวรอุ้มธีรนัยน์และวางเธอไว้ที่เบาะหลังที่ตนทำการจัดไว้ จากนั้นณฐวรยังนำผ้าห่มมาคลุมให้กับเธออีกด้วย
“วันนี้เป็นฉันที่ขับรถได้ ให้ไปส่งที่บ้านไหม?”ณฐวรนั้นเป็นคนที่สุภาพเสมอมา ไม่เคยทำตัวเป็นประธานที่เผด็จการแต่อย่างใด
“ได้ พาฉันไปส่งที่บ้านแล้วกัน” ตนเป็นเช่นนี้ก็คงจะไม่สามารถกลับไปบ้านมุกดาได้เพราะจะทำให้หล่อนกังวลใจเปล่าๆ ไปบ้านของตนคงดีกว่า
“อยากไปอพาร์ตเมนต์ของฉันไหมล่ะ สภาพแบบนี้ไปก็มีแต่จะทำให้คนในบ้านเขากังวลเปล่าๆ เธอว่าไงล่ะ?” ณฐวรฉุกคิดขึ้นมาทัน คนในบ้านของธีรนัยน์จะต้องรู้ว่าเธอเป็นผู้หญิง ออกไปเจออันตรายแบบนี้คงจะทำให้เป็นกังวลอย่างแน่นอน
“แบบนี้นายสะดวกไหม?” ธีรนัยน์นั้นไม่อยากกลับบ้านจริงๆ นั่นแหละ ไม่รู้ว่าหากกลับไปจะเกิดพายุอะไรขึ้นอีก
“สะดวก ปกติฉันก็พักที่อพาร์ตเมนต์ของมหาวิทยาลัยอยู่แล้ว ยังไงซะเราสองคนก็เป็นผู้ชายกันทั้งคู่ ไม่มีอะไรอยู่แล้ว” ณฐวรเน้นย้ำ พวกเขาเป็นผู้ชายด้วยกันทั้งคู่ เขาเน้นย้ำว่าตนไม่รู้เรื่องที่ธีรนัยน์นั้นเป็นผู้หญิง
“ถ้าอย่างนั้นก็ไปกับนายก็แล้วกัน” ธีรนัยน์เองก็คิดว่าตนเป็นผู้ชายคนหนึ่ง ใจแคบเกินไปก็คงจะไม่ดี อีกอย่างณฐวรเองก็เป็นสุภาพบุรุษด้วย เมื่อตอนที่ตนบาดเจ็บก็ไม่ได้จับอะไรมั่วซั่วเสียหน่อย
ความประทับใจของธีรนัยน์ที่มีต่อณฐวรนั้นเพิ่มไปอีกขั้น
ดังนั้นทั้งสองจึงขับรถออกมาไปที่อพาร์ตเมนต์ของณฐวร