“ฉันเจอแล้ว!” หลังจาก รวิศ พักผ่อนไปสองวัน เขากลับมาดูวิดีโออีกครั้ง เขาสังเกตเห็นจุดหนึ่ง เขาจึงตะโกนเรียกทศพรกับลูซี่มาดู
ทศพรกับลูซี่วางแก้วชาลง และรีบวิ่งมาหารวิศ จากนั้นจึงมองตามนิ้วของเขา
ในวิดีโอเป็นภาพที่ธินิดากับนิตย์รวีร์ เข้าไปในโรงแรม และนั่งตรงข้ามมุกดากับรณรัต
เธอยังใช้นิ้วชี้ไปยังแก้วของนิตย์รวีร์ เหมือนกำลังพูดอะไร แก้วของนิตย์รวีร์เป็นแก้วที่มุกดาใช้ดื่มพอดี ถึงเธอจะไม่ได้สัมผัสแก้วโดยตรง แต่เหมือนมือของเธอจะหยุดอยู่บนแก้วครู่หนึ่ง
“เราลองซูมดูสิ!” ทศพรบอกให้รวิศซูมวิดีโอ ตอนที่มือของธินิดาอยู่บนแก้ว นิ้วโป้งกับนิ้วกลางของเธอ ขยับเพียงเล็กน้อย ถ้าไม่มองดีๆ ก็จะไม่เห็น
“ดูสิ ฉันว่าต้องเป็นตอนนี้แหละ ธินิดาเอายาใส่ในแก้วของนิตย์รวีร์!” รวิศ พูดความคิดของตัวเองออกมา
ทศพรคิดว่าน่าจะเป็นไปได้มาก ถึงท่าทางของเธอ แทบจะสังเกตไม่เห็น แต่ช่วงที่เหมาะกับการวางยา คงมีแค่ตอนนี้เท่านั้น หลังจากนั้นเธอก็ไม่แตะต้องแก้วนั้นอีกเลย
“ฉันว่าคงมีแค่ช่วงนี้เท่านั้น แต่วิดีโอนี้ไม่ชัดเจน เราไม่ให้ว่าอะไรหล่นลงไปในแก้ว” ลูซี่คำนึงถึงปัญหานี้ การที่ขยับมือบนแก้ว มันบอกอะไรไม่ได้
“สวัสดีพวกนาย ฉันมีข่าวดีมาบอก” ในตอนนั้นชลธีก็เดินเข้ามาในห้อง เห็นทั้งสามคนกำลังทำงานกันให้วุ่น
“ข่าวดีอะไร” ทศพรอยากฟังข่าวดีมาก ช่วงนี้เขากลุ้มใจมาก
“ประวีร์สืบเจอแล้วว่ายานั่นมาจากไหน ทั้งพระนครนี้มีเพียงคนเดียวที่ไปซื้อ!” ชลธีนั่งลงอย่างฮึกเหิม เขาก็เหนื่อยมาหลายวันเหมือนกัน หลังจากไปหามุกดา เขารู้สึกทุกข์ใจเข้าไปใหญ่ ถึงมุกดาจะเอาแต่บอกว่าไม่เป็นอะไร แต่เขาจะวางใจได้อย่างไร
“ใครเหรอ” ทั้งสามถามขึ้นพร้อมกัน
“อุไรภัสร์!” ชลธีพูดอย่างมั่นใจ
ตอนนั้นสืบเท่าไร ก็ไม่เจอว่าทำไมยานั่น ถึงไปอยู่ในมือของธินิดา ยานั่นแทบจะไม่ค่อยเจอในสังคมปกติ ต้องใช้เส้นสายถึงจะหาซื้อได้
ถ้าไม่ใช่เพราะความบังเอิญ ประวีร์อาจจะสืบไม่เจอก็ได้ แต่เรื่องอื่นไม่สำคัญ ขอแค่สืบเจอ ก็มีทางช่วยมุกดาแล้ว
“ว้าว ดีจัง ดีมากเลย รู้แล้วว่าอุไรภัสร์เป็นคนซื้อยานั่น ฝั่งเราก็อธิบายได้อย่างชัดเจน ชลธี นายมาดูนี่” เมื่อได้ยินว่าหาที่มาของยานั่นได้แล้ว งั้นวิดีโอที่พวกเขาหามาได้ ก็ใช้งานได้แล้ว
“นายดูตรงนี้ ก่อนหน้านี้พวกเราไม่ได้สังเกต ถ้าอุไรภัสร์เป็นคนไปซื้อยา งั้นวิดีโอนี้ก็สามารถใช้ประกอบได้” ทศพรชี้วิดีโอที่กำลังเล่นซ้ำ
ชลธีดูอยู่ครู่หนึ่ง เขารู้สึกว่าไม่น่าจะมีปัญหาอะไร เขาโล่งใจ ตอนนี้หาหลักฐานหลักๆ ได้ครบแล้ว ต่อไปก็ต้องลบคำครหาให้มุกดา
ตอนที่ธินิดาได้รับหมายเรียก เธอไม่รู้ว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น อุไรภัสร์ขวางคนที่มาจากศาลเอาไว้ข้างนอก
“เรามีหมายเรียก ธินิดาถูกคนฟ้องร้อง เพราะฉะนั้นคุณอย่ามาขัดขวางการทำงานของเจ้าหน้าที่” คนจากศาลพูดกับอุไรภัสร์
“ทำไมพวกนายต้องแจ้งหมายเรียกน้องสาวฉัน น้องสาวฉันทำอะไร เธออยู่บ้านตลอด ไม่ได้ออกไปไหนเลย” อุไรภัสร์ขวางคนจากศาลไว้ในห้องรับแขก
“คุณคืออุไรภัสร์สินะ เดี๋ยวก็จะมีคนมาแจ้งหมายเรียกคุณ คุณทำตัวเองให้ดีเถอะ” คนจากศาลพูดกับอุไรภัสร์
ธินิดาได้ยินเสียงโหวกเหวกข้างล่าง เมื่อเธอเดินออกมา เห็นเจ้าหน้าที่ในเครื่องแบบจากศาล สัญชาตญาณของเธอบอกให้หนี
“พี่ใหญ่ ขวางพวกเขาเอาไว้ ฉันไม่ไปศาล ฉันไม่ไป!” ธินิดาส่ายหน้า เธอไม่อยากไปศาล
“ธินิดา เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องที่คุณมีอำนาจตัดสินใจ คุณโดนมุกดาฟ้องร้อง ดังนั้นเราต้องพาตัวคุณไป” คนจากศาลเอือมระอากับสองพี่น้อง ในเมื่อกลัวกันขนาดนี้ ทำไมถึงยังทำเรื่องแบบนั้นกันล่ะ
“คุณคืออุไรภัสร์ใช่ไหม เชิญไปกับเรา” มีคนจากศาลมาอีกสองคน พวกเขาต้องการตัวอุไรภัสร์
“พวกเราไม่ไป พวกเราไม่ไป พวกเราเป็นพลเมืองดี เราเป็นพลเมืองดี มีสิทธิ์อะไรมาจับเรา” อุไรภัสร์ใช้มือปัดป่ายเจ้าหน้าที่ของศาล
“ในเมื่อไม่ให้ความร่วมมือ เราคงต้องใช้กำลังบังคับ” เจ้าหน้าที่จากศาล กำลังจะไปคุมตัวอุไรภัสร์กับธินิดา
ตอนนี้อุไรภัสร์ไม่มีเวลาไปสนใจน้องสาวแล้ว เขาใช้กำลังผลักเจ้าหน้าที่ของศาลจนล้ม จากนั้นก็วิ่งหนีออกไป
“พี่ใหญ่! พี่ใหญ่!” ธินิดาโดนควบคุมตัว เธอตะโกนเรียกอุไรภัสร์ เพียงหวังว่าเขาจะช่วยเธอ แต่ตอนนี้อุไรภัสร์ไม่สนใจอะไรแล้ว เขาวิ่งหนีโดยไม่หันกลับมา
หลักฐานทุกอย่างมัดตัวหมดแล้ว ธินิดาทำได้เพียงยอมรับโทษ มุกดาถูกปล่อยตัวออกมา
“มุก หลังจากออกไป เธอต้องใช้ชีวิตให้ดีนะ ต้องมีความสุขนะ! ทำทุกวันให้มีค่า!” พี่กิ๊กกับพี่อุ่นเห็นมุกดาจะออกไปแล้ว จึงมาอวยพรเธอ
พวกเธอเป็นเพื่อนสนิทกันในคุก พวกเธอผ่านการแอบทำร้าย จากณดาและปวีณา มาด้วยกัน ตอนนี้มุกดาจะออกไปแล้ว พวกเธอรู้สึกดีมาก เพราะมุกดาโดนกล่าวหา ดังนั้นเธอควรถูกปล่อยตัว
“พี่อุ่น พี่กิ๊ก ฉันจะมาเยี่ยมพวกพี่นะ” มุกดาซาบซึ้งในน้ำใจของพี่สาวทั้งสอง ที่คอยช่วยเหลือเธอ
“ไม่ต้องหรอก ออกไปแล้ว ก็ไม่ต้องมาที่นี่อีก นี่ไม่ใช่สถานที่ที่ดี”
พี่กิ๊กพูดกับมุกดา เธอตบไหล่มุกดา และดันให้มุกดารีบออกไป
มุกดาเดินออกมาจากประตูคุก ผู้คุ้มนรรัตน์มารับเธอ และพาเธอเดินออกมาจากทางเดินที่ยาวมาก
“ต้องรู้จักปกป้องตัวเองนะ!” ขณะที่เธอกำลังจะเดินออกไป จู่ๆ ผู้คุ้มนรรัตน์ก็พูดออกมา เธอหันหลังเดินออกไป
ตอนที่มุกดาหันกลับมามองเธอ ประตูคุกบานใหญ่ ค่อยๆ ปิดลง
มีใครคนหนึ่งกำลังรอเธอที่หน้าประตูคุก พระอาทิตย์ในฤดูหนาว ไร้ความอบอุ่น มันส่องแสงลงมาบนตัว ลมหนาวพัดผ่านมา ทำให้รู้สึกเจ็บปวดใบหูไปหมด
ลมหนาวทำให้มุกดาตัวสั่น ถึงเธอจะใส่เสื้อนวมตัวหนา เธอก็ยังรู้สึกหนาวเล็กน้อย
ชลธีดึงมุกดาเข้ามาในอ้อมกอด ใช้เสื้อโค้ตของเขาคลุมตัวเธอไว้
“ลำบากมาเยอะแล้วนะมุก!” ชลธีใช้มือเชยคางของมุกดาขึ้นเบาๆ จากนั้นจึงจูบเธอ