เมื่อณฐวรมาถึงหน้าประตู ได้ยินรวินท์ต่อว่าธีรนัยน์ว่าหื่นกาม เขาเดินเข้าไปหารวินท์ด้วยความโกรธ
“ไม่ดูสารรูปตัวเองบ้าง คนหื่นกามหน้าตาสะสวยแบบนี้ จะไปชอบเธอได้ยังไง” ณฐวรพูดจบ ก็ตรวจดูบาดแผลของธีรนัยน์ ธีรนัยน์มองณฐวรอย่างซาบซึ้ง
“ฉันไม่เป็นไร แค่แผลเล็กๆ น้อยๆ” ธีรนัยน์พูดกับณฐวร
ณฐวรไม่ฟังธีรนัยน์ เขาเห็นบาดแผลที่แขนและขาของธีรนัยน์ จากการโดนสะเก็ดระเบิด บนขามีแผลลึกอยู่แผลหนึ่ง ผิวหนังเปิดออกมา กางเกงมีเลือดซึมออกมาจนเปียก
“ไม่ได้ ต้องรีบไปโรงพยาบาล ถ้าไม่ทำแผล มันจะติดเชื้อ”
ณฐวรไม่สนใจสายตาอันตกตะลึงของธีรนัยน์ และคนอื่น เขาก้มลงไปอุ้มธีรนัยน์ จากนั้นจึงเดินออกไปข้างนอก
“ปล่อยฉันลงนะ คนกำลังมองเยอะแยะ” ใบหน้าของ ธีรนัยน์แดงก่ำ เธอโดนณฐวรอุ้มสองครั้งแล้ว ครั้งก่อนไม่มีใครเห็น แต่ครั้งนี้คนเห็นเยอะแยะไปหมด
“ขาของคุณบาดเจ็บสาหัส จะไม่ไปโรงพยาบาลได้ยังไง ถ้าแผลฉีกตอนคุณเดิน จะทำยังไง” ณฐวรอุ้มธีรนัยน์ เดินไปด้วยสีหน้านิ่ง
“ชิ ไม่ปกติทั้งสองคน มิน่าล่ะถึงช่วยกันพูด ที่แท้ไม่สนใจผู้หญิงนี่เอง แยกย้ายเถอะ ไม่มีเรื่องอะไรแล้ว” รวินท์บอกให้คนที่มองณฐวรกับธีรนัยน์แยกย้าย ส่วนเธอก็เดินกลับเข้ามา
“เส้นเลือดเกือบขาด ยังดีที่มาทันเวลา” หมอพูดกับณฐวร ตอนทำแผลให้ธีรนัยน์
ณฐวรเห็นกางเกงของธีรนัยน์ถูกตัดออก หมอล้างแผลและทำแผลให้เรียบร้อย
“ทำไมไม่เปลี่ยนกางเกงล่ะ ผมไปซื้อตัวใหม่ให้คุณดีกว่า” ณฐวรเห็นกางเกงประหลาดมาก มีรูใหญ่อยู่ตรงกลาง แต่ธีรนัยน์กลับไม่ยอมเปลี่ยนกางเกง
“ไม่ต้อง ฉันกลับไปเปลี่ยนที่บ้านก็ได้” ธีรนัยน์ รู้สึกไม่ดี ถ้าโดนคนอื่นแตะเนื้อต้องตัว ถ้าแผลไม่ลึกจริงๆ เธอจะกลับไปจัดการแผลที่บ้านเอง
“อ้อ โอเค งั้นผมไปส่งคุณที่บ้าน สภาพนี้คุณคงเดินไม่ไหว” ณฐวรอุ้มธีรนัยน์โดยไม่ถามสักคำ
“เฮ้อๆๆ ไม่เข้าใจหนุ่มๆ สมัยนี้เลย ใส่ใจผู้ชายดีมาก ฉันต้องให้ลูกสาวรีบหาแฟนแล้ว ไม่งั้นพวกผู้ชายดีๆ คงกินกันเองหมด” หมอทำแผลเสร็จ และมองณฐวรอุ้มธีรนัยน์ ออกไป เธอทอดถอนใจ น่าเสียดายจริงๆ ผู้ชายดีๆ เป็นแบบนี้กันหมด
ธีรนัยน์ได้ยินคำพูดของหมอพอดี ใบหน้าของเธอแดงก่ำ ความรู้สึกที่โดนเข้าใจผิด มันช่างน่าเศร้าเหลือเกิน
“ณัฐ แฟนนายเป็นคนยังไงเหรอ” ถึงธีรนัยน์จะไม่อยากให้ณฐวรอุ้ม แต่เธอก็จนปัญญา ขาของเธอบาดเจ็บสาหัส แต่ณฐวรโดนเข้าใจผิดแบบนี้ ทำให้เธอรู้สึกลำบากใจ
“แฟนผมเหรอ ตัวสูงมาก สวยด้วย แต่เย็นชาไปหน่อย” ณฐวรคิดไปคิดมา และพูดกับธีรนัยน์
“อ๋อ แล้วทำไมนายไม่พาเธอมาด้วยล่ะ” ความหมายของธีรนัยน์ก็คือ ทำไมณฐวรไม่พาแฟนมางานเลี้ยงวันเกิดของพี่เขย
“ผมไม่ได้พาเธอมา” ณฐวรตอบอย่างจริงจัง เขาไม่ได้พามา แต่เธอมาเอง
“อ๋อ” ธีรนัยน์ได้ยินว่าณฐวรมีแฟนแล้ว ไม่รู้ทำไมถึงรู้สึกแปลกๆ ในใจ ควรจะโล่งอก หรือจะรู้สึกกลุ้มใจดี แต่ไม่ว่ายังไงก็รู้สึกแปลกๆ
ณฐวรไม่ปล่อยให้เธอพูดมา และอุ้มเธอเข้าไปในรถ จากนั้นจึงขับรถไปส่งเธอที่บ้าน
“ส่งฉันตรงนี้แหละ เดี๋ยวคนใช้ออกมารับฉันเอง วันนี้ขอบใจนายมาก” ธีรนัยน์ยืนพิงอยู่หน้าประตู และพูดกับณฐวร
“โอเค งั้นผมส่งคุณตรงนี้ ผมขอตัวกลับไปดูงานเลี้ยงวันเกิด ว่าเป็นยังไงบ้าง” ณฐวรไม่ได้เซ้าซี้ต่อ เขารู้ว่าธีรนัยน์เป็นผู้หญิงที่มีความคิดเป็นของตัวเอง
“ฝากขอโทษมุกกับชลธีแทนฉันด้วย ฉันไม่ได้ช่วยอะไรเลย แถมยังบาดเจ็บอีกด้วย” ธีรนัยน์มองณฐวร ผู้ชายคนนี้หน้าตาหล่อเหลา น่าเสียดายที่มีแฟนแล้ว แต่การที่เธอเป็นแบบนี้ ก็ไม่มีใครมาชอบหรอก
ตั้งแต่เจอณฐวร ความรู้สึกที่ขาดหายไปของธีรนัยน์ ค่อยๆ ถูกเติมเต็มเข้ามา
“อืม ผมไปละ” ณฐวรหันหลังขึ้นรถ จากนั้นจึงโบกมือลาธีรนัยน์ และขับรถออกไป
ธีรนัยน์มองรถของณฐวรหายลับไป เธอกดกริ่งเตรียมจะเข้าไป
“ให้คุณหนู กลับมาแล้วเหรอคะ ขาคุณเป็นอะไรคะ” คนใช้เดินออกมาเปิดประตู เห็นขาของธีรนัยน์มีผ้าพันแผลพันอยู่
“ไม่มีอะไรหรอก แผลเล็กน้อย มาประคองฉันหน่อย” ตั้งแต่เล็ก ธีรนัยน์เอาใจใส่คนอื่น ไม่ว่าเธอจะบาดเจ็บแค่ไหน ก็ไม่บอกใคร
คนใช้เรียกคนมาอีกคน และช่วยกันประคองธีรนัยน์เข้าไป ถึงธีรนัยน์จะตัวสูง แต่เธอผอมมาก ไม่มีเนื้อมีหนังเท่าไร ทั้งสองประคองเธอเข้าไปในบ้าน
“ให้คุณหนู คุณหญิงมาแล้วค่ะ” ระหว่างทาง คนใช้มาแจ้งธีรนัยน์
“อืม ฉันรู้แล้ว” ธีรนัยน์พูดขึ้น และไม่ได้พูดอะไรต่อ ความสัมพันธ์ของเธอกับแม่ละเอียดอ่อนมาก
เมื่อเข้ามาในห้องรับแขก ธีรนัยน์เห็นแม่ตัวเอง อยู่ในชุดชาแนลประจำฤดูกาล คอลเลคชั่นใหม่สุดฮิต ผมสีดำขลับถูกจัดแต่งอย่างพิถีพิถัน ใบหน้าถูกตกแต่งด้วยเครื่องสำอางอย่างประณีต
ผู้หญิงอายุ 50 กว่าปี ที่ดูเหมือนอายุ 30 กว่าปี นอกจากใช้เงินเก่ง ธีรนัยน์คิดว่าแม่ตัวเอง ไม่มีข้อดีอะไรเลย
“อะไรกัน ฉันไม่เจอแกไม่กี่วัน แกบาดเจ็บอีกแล้วเหรอ” ถึงเป็นคำพูดที่ดูห่วงใย แต่เมื่อออกจากปากของบุณยอร ความหมายก็เปลี่ยนไปทันที
“เล็กน้อย ไม่ตายหรอก” ธีรนัยน์พูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบ คนใช้ช่วยประคองให้นั่งบนโซฟา
“ไปเอากรรไกรมา” บุณยอร ให้คนใช้ไปเอากรรไกรมา
คนใช้รีบเอากรรไกรมาให้เธอจะเอากรรไกรมาตัดกางเกง ธีรนัยน์
“ทำอะไร” ธีรนัยน์ผลักบุณยอรออก เธอไม่ชอบให้ใครมาแตะตัว
“ทำอะไรเหรอ ก็ตัดกางเกงให้แกไง ดูแกตอนนี้สิ ตัดกางเกงออก แล้วใส่กระโปรง เป็นสาวเป็นแส้ ไม่ชอบใส่กระโปรง แถมยังใส่เสื้อผ้าจะผู้ชายก็ไม่ใช่ ผู้หญิงก็ไม่เชิง เสียดายที่ฉันมอบผิวดีๆ ให้แก!” บุณยอรเกลียดและต่อต้านการแต่งตัวของลูกสาวมาตลอด
“แม่ ไม่ต้องมายุ่ง แม่จะขัดขวางทุกอย่างที่หนูชอบเลยเหรอ” ธีรนัยน์หมดคำจะพูดกับแม่ตัวเอง เหมือนแม่ลูกคู่นี้เกิดมาเพื่อเป็นคู่อาฆาตกัน