“เนื้อติดมันอันนั้นแกอย่ากิน กินปลากับกุ้งให้เยอะๆหน่อย!” บนโต๊ะอาหารบุณยอรยุ่งกับธีรนัยน์มากเกินไป ธีรนัยน์กินๆไปแล้วก็ได้วางตะเกียบลง ตัวเองกินข้าวทีหนึ่งก็ยังถูกมายุ่งด้วย ในใจของเธอมันยิ่งหงุดหงิดขึ้นมากว่าเดิม
“แม่ พ่อไม่ได้โทรหาแม่เหรอ? เมื่อไหร่แม่จะกลับไปได้เสียที?”
“ฉันน่ะเหรอ ฉันยังอยากจะรอให้ขาของแกหายดีก่อน แล้วฉันค่อยไป แกไล่ฉันไปมันก็ไม่มีประโยชน์หรอก” บุณยอรไม่ถูกใจความต้องการของธีรนัยน์เลยสักนิด
แต่ว่าวิธีการของเธอมันทำให้ธีรนัยน์จะบ้าอยู่แล้วจริงๆ เป็นอย่างนี้ต่อไปเธอจะต้องเป็นบ้าไปแน่
“ที่บ้านแม่ของฉันเองก็เป็นอย่างนี้เหมือนกัน ท่านคิดว่าของที่ฉันชอบกินบางอย่างมันไม่ดีต่อสุขภาพ ก็จะแนะนำให้ฉันกินน้อยๆหน่อย ธีรนัยน์มากินเนื้อปลาชิ้นนี้สิ” มุกดาคิดว่ารูปแบบการอยู่ร่วมกันของพวกเธอสองแม่ลูกมันน่าสนใจมากเลยจริงๆ
ทั้งๆที่เป็นความเป็นห่วงกันอย่างหนึ่ง แต่กลับทำให้อีกฝ่ายรู้สึกไปไม่ได้ บุณยอรค่อนข้างที่จะหัวแข็งเอาแต่ใจเกินไป ทำให้ธีรนัยน์ไม่ชอบเธอนัก
ธีรนัยน์จึงได้หยิบตะเกียบขึ้นมาอีกครั้ง เธอไม่ได้ไม่ชอบกินปลา แต่เธอได้มีความรู้สึกต่อต้านในใจมาอย่างยาวนานแล้ว ขอเพียงแค่เป็นบุณยอรที่เป็นคนให้กิน เธอก็จะไม่อยากกินแล้ว
บุณยอรไม่ได้พูดอะไรออกมาอีก มุกดาได้คีบผักให้ธีรนัยน์ไปอย่างเอาใจใส่ มีหลายอย่างที่เป็นของที่ธีรนัยน์ชอบกินทั้งนั้นเลย ธีรนัยน์เองก็ได้กินข้าวไปสองชาม ความอยากอาหารของเธอดีมาโดยตลอด
กินข้าวแล้วบุณยอรก็จะให้ธีรนัยน์กินผลไม้สักนิด แต่ว่าธีรนัยน์เดินออกไปโดยไม่แม้แต่จะสนใจเธอเลยสักนิด
“เอาล่ะ วันนี้ฉันรบกวนแล้ว อาหารที่คุณป้าทำอร่อยมากจริงๆ วันหลังก็ให้ธีรนัยน์ไปลิ้มลองฝีมือแม่ของฉันที่บ้านฉันบ้างแล้วกัน น้องชายของฉันถึงแม้ว่าจะเป็นคนที่บ้าพวกภาพวาด แต่ว่าเขาทำอาหารไม่เลวเลยเหมือนกัน” ตอนก่อนจะกลับมุกดาก็ได้ทำการเชิญชวนธีรนัยน์ไป
ตอนที่ออกมาจากบ้านของธีรนัยน์ ชลธีก็ได้โทรมาหามุกดา บอกว่าเรื่องระเบิดมีเบาะแสขึ้นมาบ้างแล้ว รอตอนที่เธอกลับไปก็จะสามารถวิเคราะห์กันอย่างจริงจังกันสักหน่อยได้แล้ว
มุกดาขับรถกลับบ้านไปทันที ชลธีได้รอเธออยู่ที่ในห้องรับแขกเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
“ได้ข้อมูลอะไรมา?” มุกดารอมานานมากแล้ว เธออยากรู้มากว่าใครเป็นคนทำเรื่องอย่างนี้กับพวกเขา
“ลูซี่ได้สืบเจอเรียบร้อยแล้ว คนที่ส่งพัสดุวันนั้นได้ไปรับของมาจากโรงงานร้างแห่งหนึ่ง คนส่งพัสดุคนนั้นอธิบายรูปลักษณ์หน้าตาของคนที่ให้เขาไปส่งพัสดุให้ ก็คืออุไรภัสร์ อีกทั้งอุไรภัสร์ยังให้เงินเขาอีกแสนหนึ่ง หลังจากที่เขาส่งของเสร็จแล้วก็ให้เขาซ่อนตัวเอาไว้ อย่าโผล่หน้าออกมาอีก ภายใต้อำนาจของเงิน เขาจึงได้ส่งของไป” ชลธีบอกเล่าเรื่องให้กับมุกดาไปอย่างเข้าใจง่าย
“พนักงานส่งของคนนั้นไปหลบอยู่ที่ไหน? ถึงตามหากันนานขนาดนี้” มุกดาคิดว่าพนักงานส่งของคนนั้นสุดยอดมากจริงๆ หลบมาตั้งนานก็ไม่ถูกเจอตัวเลย
“ไปที่เมืองเล็กๆที่ห่างไกลลับตาคนแห่งหนึ่ง คนของพวกเราได้ไปที่ที่เขาบอกมาที่นั่นแล้ว แต่กลับไม่เจออุไรภัสร์เลย ก็คงจะได้ข่าวอะไรไป แล้วหนีไปแล้ว!” อุไรภัสร์เคยเป็นประธานของยืนนานกรุ๊ป เขาเองก็มีเส้นสายของเขาด้วยเหมือนกัน ดังนั้นแล้วจึงไม่ใช่คนที่รับมือได้ง่ายนัก
“หนีไปแล้วมันก็เป็นเรื่องปกติ เขาไม่มีทางอยู่รอให้พวกเราไปจับเขาอยู่ที่นั่นหรอก ทำได้แค่เพียงค่อยว่ากันอีกที ชล วันนี้ตอนที่ฉันไปเจอธีรนัยน์ ฉันคิดว่ารูปแบบการอยู่ร่วมกันของเธอกับแม่พิเศษมากเลย มันน่าสนใจมากเลย พ่อแม่ทุกคนปฏิบัติต่อลูกของตัวเองไม่เหมือนกันเลยนะ” มุกดาคิดถึงปฏิสัมพันธ์ของสองแม่ลูก เธอก็คิดว่ามันน่าตลกมาก
“แน่นอนอยู่แล้ว มุก ผมได้ข่าวมาว่าพี่เลี้ยงที่มาใหม่ไม่เลวเลย อักลี่ชอบเธอมาก” จู่ๆชลธีก็ได้เปลี่ยนประเด็นไป
“อ้อ อย่างนี้นี่เอง งั้นก็ดีแล้ว ฉันยังกลัวอยู่เลยว่าอักลี่จะไม่ชอบน่ะ ชอบก็ดีแล้ว” มุกดาถึงแม้ว่าจะไม่รู้ว่าชลธีความหมายว่าอะไร แต่เธอก็ยังคล้อยตามไป คิดว่าชลพูดคำพูดนี้ออกมาจะต้องมีจุดประสงค์อะไรแน่ๆ
และก็เป็นอย่างที่คิดคำพูดของทั้งสองคนยังไม่ทันได้หยุดพูดไป ก็ได้ยินว่ามีคนเดินเข้ามา
“คุณชาย คุณนาย ดิฉันเตรียมผลไม้เอาไว้บ้างแล้ว พวกคุณลองชิมกันดูได้เลยค่ะ” ในตอนนี้รวินท์ได้เดินเข้ามา ในมือได้ยกมังคุดมาจานหนึ่ง
“อืม เธอวางเอาไว้ตรงนั้นเถอะ จริงสิ ฉันยังไม่เคยถามถึงสถานการณ์ทางครอบครัวของเธอเลยสินะ คนที่ทำงานอยู่ที่บ้านของพวกเรา ต่างก็จะมีการสำรวจเรื่องสถานการณ์ทางครอบครัวสักหน่อย รวินท์ เธอเป็นคนที่ไหน?”
มุกดาให้รวินท์นั่งลง แล้วพูดคุยกับเธอ
“คุณนาย ดิฉันเป็นคนพระนครแท้ๆเลยค่ะ เพียงแต่บ้านของดิฉันจนมาก อยู่แถวชานเมืองของพระนคร ที่บ้านให้ความสำคัญกับลูกชายมากกว่าลูกสาว ให้เด็กผู้หญิงออกมาทำงานหาเงิน ก็เพื่อหาเงินไปใช้ให้พี่ชายดิฉันแต่งงาน”
พูดถึงตรงนี้แล้ว รวินท์ก็เหมือนกับยังก้มหน้าลงไปด้วยความเศร้าเสียใจไปอีก
“อ้อ ที่บ้านเธอมีกี่คนกันน่ะ?” มุกดาได้ถามเธอออกไปอีก
“ที่บ้านของดิฉันทั้งเด็กและผู้ใหญ่ก็ประมาณสิบกว่าคนได้ค่ะ พี่สาวน้องสาวของพวกเราก็มีอยู่ห้าคน ดิฉันเป็นลูกสาวคนที่สาม ก่อนหน้ามีพี่สาวกับพี่ชายคนหนึ่ง หลังจากดิฉันก็มีน้องชายและน้องสาวคนหนึ่ง พี่สาวได้แต่งงานไปแล้ว พี่ชายยังไม่แต่งงาน ดิฉันกับน้องสาวต่างก็ออกมาหาเงินกัน ก็เพื่อเตรียมเงินสินสอดให้พี่ชายและน้องชาย”
รวินท์บอกเล่าถึงสถานการณ์ที่บ้านของตัวเองออกมา
ฟังไปแล้วก็ไม่มีอะไรผิดปกติเลย ที่อยู่ที่บอกมาก็เหมือนกับบนบัตรประชาชนด้วย
“อ้อ มิน่าเธอถึงทำอะไรได้อย่างขยันขันแข็งขนาดนั้น ดีมาก พวกเราพอใจกับเธอมากเลย เธอก็อยู่ทำงานที่นี่ให้ดีๆแล้วกัน ถ้าทำงานได้ดี ฉันจะขึ้นเงินเดือนให้เธอ”
มุกดาเหมือนกับว่าจะพอใจกับรวินท์อย่างมาก
รวินท์เองก็ถอนหายใจอย่างโล่งอกออกมา เธอเองก็พอใจกับคำตอบของตัวเองเหมือนกัน แต่ว่าเธอมองมุกดากับชลธีไปแวบหนึ่ง บนใบหน้าของทั้งสองคนมองไม่ออกถึงจุดที่ผิดปกติอะไรออกไปเลยด้วยเหมือนกัน
เมื่อกี้นี้แอบฟังอยู่แป๊บหนึ่ง เหมือนกับจะพูดกันว่าอุไรภัสร์เป็นอะไรไป ห่างออกไปไกลเกินไป เธอได้ยินไม่ชัดนัก เสียงที่สองสามีภรรยาคู่นี้พูดกันมันเบามากเกินไป
“งั้นเธอก็ลงไปเถอะ” มุกดาบอกให้รวินท์ลงไป
“เอ่อ คุณนายคะ เดือนนี้ดิฉันอยากจะกลับบ้านไปสักครั้ง ขอใช้สิทธิ์ลาสามวันหมดเลยนะคะ” รวินท์ไม่ได้เดินออกไปโดยทันที เธอยังขอลางานกับมุกดาอีก
“อ้อ งั้นก็ได้ เธอกลับไปดูหน่อยก็ดี ถือโอกาสเอาเงินเดือนของเดือนนี้กลับไปด้วยเลยก็ได้”
มุกดาเองก็เป็นนายจ้างที่ดีมากเลยคนหนึ่ง
“ค่ะ ค่ะ ขอบคุณค่ะคุณนาย ขอบคุณค่ะคุณนาย” รวินท์เดินออกไปพลางขอบคุณออกมาซ้ำๆ นึกไม่ถึงว่ามุกดาจะใสซื่อขนาดนี้
“ไปเถอะ พวกเราเหมือนกับว่าควรจะกลับไปพักผ่อนกันได้แล้ว” ชลธีดึงมุกดาขึ้นตึกไป
รวินท์แบกความหนักใจออกมาจากภายในวิลล่าของชลธี เธอเดินไปยังเป้าหมายของตัวเอง
“ฮาย บังเอิญจังเลยนะ พวกเรามาเจอกันที่นี่ด้วย?” ธีรเมทเห็นรวินท์กำลังเดินอยู่ริมถนน เขาจึงจอดรถลง
รวินท์ได้ยินเสียง เธอจึงเงยหน้าขึ้นไปมองธีรเมท แล้วก็ได้เดินออกไปต่อ
ธีรเมทเห็นรวินท์ไม่สนใจตัวเอง เขาจึงลงมาจากรถ ยื่นมือไปจับรวินท์เอาไว้
วันนี้รวินท์สวมเสื้อทีเชิ้ตสีขาวตัวหนึ่ง แล้วสวมกางเกงยีนตัวหนึ่งทับเอาไว้ ต้นฤดูใบไม้ผลิสวมแบบนี้แล้วก็หนาวอยู่นิดหน่อย แต่ว่ามันก็สวยดี โชว์รูปร่างทรวดทรงองเอวนั้นของเธอออกมา
ธีรเมทไม่ว่าจะดูรูปลักษณ์อย่างนี้ของรวินท์ ไปยังไง ก็นึกถึงแต่สภาพของมุกดาเมื่อหลายปีก่อนขึ้นมาเท่านั้น
มุกดาเมื่อตอนนั้นก็สวมเสื้อผ้าอย่างนี้เหมือนกัน พลังความมีชีวิตชีวาของวัยสาว ปรากฏออกมาตรงหน้าของเขาประหนึ่งเทพธิดาองค์หนึ่ง