“ธีรนัยน์ แกดูสิแม่ซื้ออะไรมาให้แก?” บุณยอรยังไม่ทันได้เดินเข้าห้องไป ก็ได้ตะโกนออกไปด้วยความตื่นเต้นดีใจ
ธีรนัยน์ไม่ได้มีความสนใจเลยสักนิดเดียว แม่ของตนลองมาหลายครั้งแล้ว ของที่ท่านซื้อมาเอาวางไว้ในห้องหนึ่งของวิลล่ามาโดยตลอด แต่ว่าธีรนัยน์ก็ไม่เคยสวมมาก่อนเลย แต่ว่าท่านก็ยังซื้อมาตลอด
“ธีรนัยน์ วันนี้แม่ซื้อเสื้อผ้ามาให้แก แกลองดูสิ” บุณยอรหิ้วของถุงเล็กถุงใหญ่เต็มไปหมดเดินไปตรงหน้าของธีรนัยน์ หลังจากที่วางลงไปเรียบร้อยแล้วก็เอาเสื้อผ้าที่ตนซื้อมาวันนี้หยิบออกมาให้ธีรนัยน์ดูอย่างกับกำลังถวายของมีค่าก็ไม่ปาน
“ธีรนัยน์ ลองดูสิ ชอบหรือเปล่า?” ในสายตาของบุณยอรได้เต็มไปด้วยความตั้งตารอคอย
ธีรนัยน์ยังไม่เงยหน้าขึ้นมา ถึงแม้ว่าหางตาจะเห็นเสื้อผ้าสีดำ แต่ว่าเธอก็ไม่มีทางจะคิดถึงได้เลยว่าแม่ของตนจะซื้อเสื้อผ้าตามที่ตัวเองชอบมา
เห็นลูกสาวของตัวเองยังไม่สนใจตัวเอง บุณยอรก็ไม่ได้โกรธขึ้นมา เธอเดินเข้าไปแผ่เสื้อผ้าเรียงต่อกันอยู่ที่ด้านล่างเปลือกตาของธีรนัยน์
“วันนี้แม่ซื้อเสื้อผ้าตามที่แกชอบมาด้วย” บุณยอรเอ่ยพูดออกมาด้วยความพึงพอใจ ใบหน้าที่บำรุงรักษามาอย่างดีนั้นได้มองไปจนวาววับออกมา
ธีรนัยน์ทำอะไรไม่ได้ เธอมองเสื้อผ้านั้นไปแวบหนึ่ง สไตล์นั้นยังเป็นแบบที่ตนชอบจริงๆด้วย
ยื่นมือไปหยิบเสื้อผ้าขึ้นมา ธีรนัยน์ก็ได้มองกางเกงที่อยู่ในมือแม่ไปอีกทีหนึ่ง มันก็เป็นแบบที่ตัวเองชอบเหมือนกัน ทำไมแม่ถึงได้เปลี่ยนนิสัยไป
“แม่ วันนี้แม่คงไม่ได้ถูกอะไรกระตุ้นมาหรอกใช่มั้ย?” อายุจะสามสิบไปแล้ว ธีรนัยน์ก็ไม่กล้าที่จะจินตนาการเลยว่าจะมีสักวันหนึ่งที่แม่ของตัวเองจะทำตามที่สิ่งที่ตนชอบ
“เปล่านี่ ฉันปกติดี ยาที่ควรจะต้องกินก็กินไปเรียบร้อยหมดแล้ว” บุณยอรพูดออกมาอย่างมีอารมณ์ขัน
“ยังมีอีกชุดหนึ่ง แกลองดูด้วยสิ ถ้าไม่ชอบแม่จะไปเปลี่ยน” บุณยอรเอาอีกชุดหนึ่งออกมาด้วย
ธีรนัยน์ได้มองเสื้อผ้าที่อยู่ในมือของบุณยอรไปอีกที สไตล์ของทั้งสองชุดไม่เลวเลยทั้งคู่ เหมาะกับตนมากเลย
“เป็นยังไง?” สายตาตั้งตารอคอยนั้นของบุณยอรยิ่งรุนแรงออกมามากขึ้น
“ก็พอใช้ได้!” ธีรนัยน์ไม่อยากชมแม่ของตัวเองเกินไป ไม่อย่างนั้นแล้วหลังจากนี้ไปไม่รู้ว่าท่านจะทำเรื่องอะไรออกมาอีก
“ว้าว ดีมากเลย งั้นถ้าแกว่างแล้วก็ลองสวมให้แม่ดูหน่อย” ได้ยินลูกสาวบอกมาว่าพอใช้ได้ ความรู้สึกภายในใจของบุณยอรถึงกับไม่อาจอธิบายออกมาเป็นคำพูดได้
“ได้!” ธีรนัยน์ตอบรับออกมา พับเสื้อผ้าเอาไว้เรียบร้อยมาวางไว้ที่ข้างขาของตัวเอง
“ฉันเอาไปแขวนไว้ให้แกก่อน!” เห็นของที่ตนซื้อมาได้รับการยอมรับจากลูกสาวเป็นที่เรียบร้อยแล้ว บุณยอรก็ดีใจเสียเหมือนกับเด็กคนหนึ่งก็ไม่ปาน เธอหิ้วเสื้อผ้าทั้งสองชุดนั้นขึ้นไปที่ห้องของธีรนัยน์
ธีรนัยน์มองเงาร่างเบื้องหลังที่กำลังเดินออกไปของแม่ แปลกเกินไปแล้ว แม่คงไม่ได้ไปเจอวิญญาณร้ายอะไรพวกนั้นมาเข้าสิงหรอกมั้งใช่มั้ย? ถึงได้เปลี่ยนมาเข้าใจและมีเหตุผลอย่างนี้ได้
ในความทรงจำของธีรนัยน์ ตอนเด็กๆแม่เข้มงวดกับเธอมาก แต่กับอนุชิตพี่ชายของเธอนั้นกลับปล่อยปละมากเลย ไม่สนใจอะไรทั้งนั้น แต่กลับให้ตัวเองทำอย่างนี้ทำอย่างนั้น วัยเด็กของเธอได้ถูกทำลายอยู่ในกำมือของแม่ เธอก็จะสามสิบไปแล้ว แต่ขนาดโคลนก็ยังไม่เคยเล่นมาก่อนเลย
ไม่ว่าตนจะทำอะไรก็ต้องทำตามความยินยอมของแม่ไปหมด ถ้ามีอะไรไปขัดใจแม่แม้แต่นิดเดียว ก็จะถูกด่ายับ บอกว่าตนไม่เชื่อฟัง
บ้านหลังนั้นทำให้ธีรนัยน์รู้สึกอึดอัดอย่างมาก แต่ยังดีหน่อยที่ตอนที่เธออยากจะออกมาอยู่คนเดียว แม่ก็ไม่ได้คัดค้านอะไร
“ธีรนัยน์เอ๋ย แกชอบกินอะไร?” บุณยอรที่เก็บเสื้อผ้าเรียบร้อยแล้ว ก็ได้มานั่งลงตรงหน้าลูกสาว เธอแสร้งทำเป็นถามธีรนัยน์ออกไปดูอย่างไม่ได้ตั้งใจ
“ฉัน?” ธีรนัยน์มองแม่ ท่านเคยถามว่าตนชอบกินอะไรเมื่อไหร่กัน? ทุกครั้งต่างก็เป็นอาหารที่ทำตามความสมัครใจของตัวเองทั้งนั้น ไม่กินก็ต้องกิน
“ใช่แล้ว?” ถึงแม้ว่าบุณยอรจะรู้ของที่ลูกสาวชอบมาบ้างแล้ว แต่เธอก็ยังมีอีกหลายอย่างที่ไม่รู้
“ฉันชอบกินไก่ทอด ชอบกินของปิ้งย่าง ชอบดื่มเหล้า!” ธีรนัยน์ก็ได้พูดของที่ปกติแม่จะไม่ให้กินพวกนั้นออกไป
บุณยอรไม่ได้ว่าอะไรออกมา เธอเพียงแค่ฟังไปอย่างเงียบๆ จากนั้นก็ลุกยืนขึ้นมา แล้วเดินออกไป
ธีรนัยน์นึกว่าแม่ของตัวเองจะโกรธขึ้นมาอีก เธอก็มีความสุขมาก ทั้งๆที่อย่างนี้ก็ไม่ให้กิน อย่างนั้นก็ไม่ให้กินอยู่แล้วแท้ๆ แต่ตอนนี้มาถามตนว่าตนชอบกินอะไร ธีรนัยน์จึงได้พูดของที่ตนอยากกินแต่กินไม่ได้ออกไปเลยทันที เธออยากจะทำให้บุณยอรโกรธสักหน่อย
คนใช้ได้ยกผลไม้จานหนึ่งเข้ามา เป็นทุเรียนที่ชอบกิน! ธีรนัยน์ชอบกินทุเรียน แต่ว่าบุณยอรไม่ชอบกลิ่นเหม็นของมัน จึงไม่ให้เธอกินมาโดยตลอด
วันนี้นึกไม่ถึงเลยว่าที่บ้านจะมีทุเรียนได้ ทำให้ธีรนัยน์ตกอกตกใจไปหมด
“อันนี้ใครเป็นคนซื้อมา? รีบเอาออกไปเลย เดี๋ยวแม่ฉันมาเห็นเข้าพวกเธอจะโดนดุเอาอีก!” เพื่อไม่ให้คนใช้โดนดุ ธีรนัยน์จึงให้คนใช้รีบโยนทุเรียนออกไป
“อันนี้คุณหญิงเป็นคนซื้อมาค่ะ บอกว่าคุณชอบกิน” คนใช้ไม่ได้เอาทุเรียนออกไป แต่กลับพูดคำพูดอย่างนี้ออกมากับธีรนัยน์แทน
“แล้วแม่ฉันกำลังทำอะไรอยู่?” ธีรนัยน์หยิบช้อนมาตักกินทุเรียน ลิ้มรสชาติความอร่อยที่ไม่ได้พบเจอมานานนั้น
“คุณหญิงกำลังทำอาหารอยู่ค่ะ” คนใช้ได้ยืนอยู่ที่ตรงนั้นต่อ
“อ้อ งั้นพวกเธอก็ลงไปเถอะ” ธีรนัยน์ให้คนใช้ลงไป ทุเรียนช่างอร่อยจริงๆเลย
ขอเพียงแค่บุณยอรมา อาหารของธีรนัยน์ท่านก็จะเป็นคนทำเองทั้งหมด ธีรนัยน์ชอบกินอาหารที่แม่ทำ ไม่ว่าเธอจะเหนื่อยแค่ไหนก็จะทำอาหารให้ธีรนัยน์ตลอด
แต่ว่าสิ่งเหล่านี้ธีรนัยน์เองก็ไม่เคยรู้สึกได้เลย ตั้งแต่เล็กก็ถูกบีบบังคับอย่างหนัก ความดีที่แม่ปฏิบัติต่อตัวเองธีรนัยน์ก็ไม่รู้สึกถึงมันเลย
“แม่ แม่แน่ใจนะว่าวันนี้แม่ไม่ได้ถูกอะไรมากระตุ้นเอา?” เห็นไก่ทอดกับปลาย่างที่อยู่บนโต๊ะแล้ว ธีรนัยน์แต่ไหนแต่ไรมาก็นึกไม่ถึงเลยว่าอาหารอย่างนี้จะมาปรากฏอยู่บนโต๊ะอาหารที่บ้านตัวเองได้
“เปล่า! ฉันแน่ใจ!” บุณยอรตอนที่จะเลาะเอาก้างปลาออกให้กับธีรนัยน์ เธอคิดๆไปแล้วก็ได้ยอมแพ้ไปอีกที ตนเหมือนกับเด็กที่ถูกบีบบังคับเสียจนแน่นเกินไป กับลูกสาวเหมือนกับว่าจะห่วงจนเกินควรไปอีก
แต่ว่าบุณยอรอดไม่ได้ที่จะคีบเอาส่วนที่ก้างปลาน้อยๆนั้นไปให้ธีรนัยน์
ธีรนัยน์กินปลาย่างไป แต่ไหนแต่ไรมาแม่ไม่เคยจะอนุญาตให้ตัวเองกินของพวกนี้มาก่อนเลย แต่ว่ารสชาติที่แม่ทำออกมามันกลับดีมากเลย
“อ๊ะ มีก้าง” ธีรนัยน์กินไปได้ไม่กี่คำ ก้างปลาก็แทงปากเข้า
บุณยอรอยากจะลุกขึ้นไปช่วยเธอทันที แต่ต่อจากนั้นเธอคิดๆไปแล้วก็ได้นั่งลงไปอีกที
“ใครก็ได้มานี่ก่อน เอาน้ำส้มสายชูมาให้คุณหนูหน่อยเร็ว” บุณยอรเพียงแค่ให้ลูกน้องไปเอาน้ำส้มสายชูมากำจัดก้างปลาออกไป
น้ำส้มสายชูนั้นมาแล้ว ธีรนัยน์ดื่มไปหลายคำ ถึงได้รู้สึกว่าในปากมันรู้สึกดีขึ้นมาบ้างแล้ว
เธอนึกไม่ถึงว่าปลามันจะมีก้างเยอะอย่างนี้ แม่ไม่ใช่ว่าเลาะก้างออกให้ตลอดเลยหรือไง เนื้อปลาที่เธอกินก็ไม่มีก้างทั้งนั้น
“มา แกเลาะก้างให้เกลี้ยงก่อนแล้วค่อยกินก็ได้” บุณยอรพูดกับธีรนัยน์ออกไป
ธีรนัยน์ไม่เชื่อว่าตนออกจากแม่มาจะใช้ชีวิตอยู่ไม่ได้อีก เธอคีบเนื้อปลาชิ้นหนึ่งมาเอง วางลงไปในชามแล้วเริ่มเลาะก้างออก
นึกไม่ถึงว่าปลาจะก้างเยอะขนาดนี้ เธอวุ่นทำอยู่นาน เมื่อยคอไปหมด ในที่สุดก็คิดว่าไม่มีก้างสักที เธอกินเนื้อปลาเข้าไปคำหนึ่ง แต่ว่าพอเข้าปากไปเธอจึงได้พบว่ายังมีก้างปลาอยู่ คอของเธอได้ถูกก้างปลาติดคอไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว!