แต่งรักมัดใจบอส – ตอนที่ 387 ความเปลี่ยนแปลงไปของบุณยอร

“แค่กแค่กๆ แม่ ฉันเหมือนกับว่าจะก้างติดคอ” ใบหน้าของธีรนัยน์ข่มกลั้นเอาไว้จนแดงไปหมด ทำเอาบุณยอรตื่นตกใจเสียจนทนไม่ไหว เธอจึงรีบป้อนน้ำส้มสายชูให้กับธีรนัยน์ไปอีกคำหนึ่ง หลังจากนั้นก็ให้คุณหมอประจำตระกูลมาดูธีรนัยน์สักหน่อยว่าควรจะต้องทำยังไง

คุณหมอวิ่งเข้ามาอย่างรีบร้อน ตรวจดูข้างในลำคอของธีรนัยน์ไป ยังนับว่าดีอยู่ ไม่ได้อาการหนักมากเพียงแค่ก้างเล็กๆชิ้นหนึ่งเท่านั้น เขาใช้คีมช่วยคีบออกมาให้เธอ

“คุณหญิง เสร็จแล้วครับ” คุณหมอเอาก้างปลาออกมาให้ธีรนัยน์ ธีรนัยน์คิดว่าตัวเองได้มีชีวิตกลับมาแล้วจริงๆ

“ธีรนัยน์ แกรู้สึกเป็นยังไงบ้าง?” บุณยอรถามธีรนัยน์ออกไปด้วยความเป็นห่วง

“ดีขึ้นแล้ว ไม่เป็นอะไรแล้ว เหมือนกับจะตายเลย น่าโมโหเกินไปแล้ว ต่อจากนี้ไปฉันจะไม่กินปลาอีกแล้ว!” ธีรนัยน์เอ่ยออกมาด้วยความเกลียดชัง ที่แท้ปลานี้มันก็ยุ่งยากขนาดนี้เลย ธีรนัยน์ได้มองไปที่แม่ของตัวเองไปอีกที

“ได้ งั้นจากนี้ไปพวกเราก็จะไม่ซื้อปลากันแล้ว” บุณยอรข่มกลั้นหัวใจของตัวเองเอาไว้ เธอได้เอ่ยออกมานิ่งออกไปว่าจากนี้ไปจะไม่ซื้อปลาแล้ว

กินข้าวกันแล้ว บุณยอรก็ไม่ได้ให้ธีรนัยน์กินของจำพวกผลไม้อะไรพวกนี้อีก เธอเองก็ได้กลับไปพักด้วยเหมือนกัน ธีรนัยน์คิดว่าความเปลี่ยนแปลงของแม่ในวันนี้ได้เปลี่ยนไปเยอะมากเลย เยอะจนเธอคิดว่ามันไม่คุ้นเคยเลย

ธีรนัยน์ค้ำไม้ค้ำยันแล้วก็กลับขึ้นไปชั้นบนด้วยเหมือนกัน เธอเปิดประตูห้องของบุณยอรออกไปเบาๆ เห็นแม่กำลังนอนพักอยู่บนเตียงจริงๆ เธอก็ได้ถอยออกไปอย่างเงียบๆอีกทีหนึ่ง

ทั้งหมดนั้นบุณยอรรับรู้มันทั้งหมด แต่ว่ามุกดาบอกกับเธอเอาไว้ว่าต้องให้ธีรนัยน์ได้ใช้ชีวิตด้วยตัวเอง เธอพยายามฝืนอดทนไม่ไปสนใจเธอเอาไว้

ตลอดทั้งวันบุณยอรได้ทำเป็นเย็นชาไม่แยแสต่อธีรนัยน์อย่างมาก ไม่เหมือนกับเมื่อก่อนเลยที่จะต้องการให้เธอทำอย่างนี้หรือไม่ก็ทำอย่างนั้น

ทำอาหารเองก็ทำตามที่ธีรนัยน์อยากกินอะไรก็ทำอย่างนั้น ไม่ได้คอยจัดแจงเอาไว้ให้เธอเสร็จสรรพอีก ทำให้ตัวเธอเองได้เรียนรู้ที่จะไปจัดการแก้ปัญหาบางอย่างขึ้นมาได้

ธีรนัยน์มือไม้อ่อนทำอะไรไม่ถูกอยู่บ้าง เมื่อก่อนกินอะไรแม่ก็ทำเอาไว้ให้ตัวเองเสร็จสรรพแล้ว เมื่อตอนนั้นตัวเองยังไม่ชอบเลยที่แม่เข้ามาจุ้นจ้านเยอะไป แต่ว่าตอนนี้แม่ไม่สนใจอะไรทั้งนั้น เธอกลับไม่รู้อะไรเลยสักอย่างว่าควรจะทำยังไง

“แม่ ฉันอยากดื่มเหล้าสักหน่อย” ตอนมื้อดึก ธีรนัยน์ได้พูดออกมากับบุณยอร

“แกอยากดื่มเหล้าอะไร? ให้พวกเขาไปเอามาให้แก” บุณยอรไม่ได้ปฏิเสธออกมาเช่นกัน

หยิบไวน์แดงมา ธีรนัยน์ได้ดื่มไปแก้วหนึ่งไปอย่างมีสติ ถ้าเป็นวันปกติที่บุณยอรไม่ให้เธอดื่มล่ะก็ เธอก็จะคิดว่าตัวเองสามารถดื่มได้หลายขวด แต่ว่าตอนที่แม่ให้เธอดื่มจริงๆ เธอกลับดื่มได้แค่แก้วเดียว

คิดว่าแม่ของตัวเองเหมือนกับว่าจะดูไม่ค่อยพอใจเท่าไหร่เลย ธีรนัยน์เองก็ได้ลองคีบผักให้แม่ไปบ้างเหมือนกัน

ตอนเย็น ธีรนัยน์ในวันนี้ทั้งวันได้ถูกความเปลี่ยนแปลงของบุณยอรทำเอาตกใจไปหมด เธอจึงโทรไปหามุกดา บอกว่าความเปลี่ยนแปลงของแม่ของตนในวันนี้ได้เปลี่ยนไปเยอะมาก ไม่รู้ว่าไปถูกอะไรกระตุ้นมาหรือเปล่า

“บางทีคุณป้าอาจจะคิดว่าเธอโตแล้ว ปกติแล้วตนเข้าไปยุ่งเยอะเกินไป ตอนนี้ท่านจึงตัดสินใจที่จะวางมือไปล่ะมั้ง” มุกดาย่อมรู้อยู่แล้วว่าทำไมบุณยอรถึงได้มีการเปลี่ยนแปลงไปอย่างนี้ แต่ว่าเธอก็จะไม่บอกธีรนัยน์หรอก

“มุกเอ๋ย เธอว่าฉันมันต่ำช้ามากเลยใช่มั้ย เมื่อก่อนตอนที่แม่เข้ามายุ่มย่ามไปหมดทุกอย่าง ฉันก็คิดว่าท่านน่ารำคาญมากเลย ไม่ได้รู้สึกถึงความดีของท่านเลยสักนิดเดียว แต่พอท่านไม่มาสนใจยุ่มย่ามกับฉันแล้วจริงๆ ฉันก็รู้สึกหดหู่เหมือนอะไรขาดหายไปขึ้นมาอีก” ธีรนัยน์คิดว่าตัวเองมีอะไรที่ผิดปกติไป

“แน่นอนว่าเธอไม่ได้เป็นคนต่ำช้าอยู่แล้ว มันเป็นเพราะว่าเธอเคยชินที่คุณป้าคอยดูแลเธอ ไม่มีการดูแลของคุณป้า และก็ไม่มีการดูแลจากคนใช้ ก็เลยต้องให้เธอได้ใช้ชีวิตอยู่ด้วยตัวเองจริงๆ เธอก็ยังไม่ไหวเลยจริงๆ!” มุกดาชี้ถึงจุดบกพร่องของธีรนัยน์ออกมาอย่างตรงจุด

ธีรนัยน์ที่อยู่ทางปลายสายได้เงียบไป เธอยังไม่เชื่อตัวเองเลยจริงๆ ตั้งแต่เล็กจนโตไม่ว่าจะทำอะไรก็ยอดเยี่ยมที่สุดไปหมด และก็ยังไม่มีอะไรที่สามารถทำให้เธอกลัวแล้วถอยไปได้เลย

“งั้นฉันก็จะต้องไหวให้ได้!” ธีรนัยน์คิดว่าตนเองนั้นถ้าออกจากแม่จริงๆ ก็ต้องรู้จักใช้ชีวิตอยู่ด้วยตัวเองให้ได้ ตัวเองในตอนนี้ยังคงพึ่งพาแม่ไปหมด

“งั้นก็ดีแล้ว เธอโอเคแล้ว คุณป้าเองก็ไม่ได้จุกจิกจู้จี้อะไรอย่างนั้นแล้ว” มุกดาเองก็ไม่ได้โจมตีธีรนัยน์ แต่กลับให้กำลังใจในการยืนด้วยลำแข้งตัวเองของเธออีกด้วย

วันต่อมาธีรนัยน์ก็ได้สวมเสื้อผ้าที่แม่ซื้อมา เธอคิดว่าเสื้อผ้าที่แม่ซื้อมาครั้งนี้สวยมากเลยทีเดียว ส่องดูที่หน้ากระจกไปแล้วก็พึงพอใจมากเลย เธอจึงเดินออกไปจากห้องของตัวเอง เจอเข้ากับบุณยอรที่กำลังถือกระเป๋าเตรียมที่จะเดินออกไปพอดี

“แม่จะไปไหน?” ธีรนัยน์ถามบุณยอรออกไปด้วยความประหลาดใจ โดยปกติแล้วถ้าไม่ใช่เพราะว่าธีรนัยน์เป็นคนไล่ท่านไปแล้วล่ะก็ ท่านก็ไม่เคยจะมีจิตสำนึกที่จะไปเองอย่างนี้มาก่อนเลย

“ฉันจะกลับไปสักรอบหนึ่ง เหมือนกับว่าคุณปู่ของแกไม่สบายนิดหน่อย แกก็พักฟื้นรักษาตัวให้ดีๆล่ะ” บุณยอรได้เดินออกไปอย่างรีบร้อน

ถ้าเปลี่ยนเป็นแต่ก่อนแล้วล่ะก็ เธอจะต้องพร่ำบ่นอยู่นานอย่างแน่นอน แล้วยังจะต้องกำชับกับคนใช้พวกนั้นอีกหลายๆคำ แต่ว่าวันนี้กลับเดินออกไปโดยทันทีเลย

บุณยอรเดินไป แต่ธีรนัยน์กลับไม่ได้รู้สึกผ่อนคลายเลย แต่กลับคิดว่าบางครั้งตัวเองก็เกินไปหน่อยเหมือนกัน

“คุณหนูคะ อาหารเช้าวันนี้คุณอยากกินอะไรคะ?” คนใช้ถามเธอออกมา

“บะหมี่แล้วกัน ใส่พริกให้เยอะๆหน่อย” แม่ไปแล้ว ธีรนัยน์จึงสามารถกินพริกเยอะได้แล้ว ถ้าบุณยอรอยู่ที่นี่ล่ะก็ เธอไม่สามารถกินเผ็ดมากเกินไปได้

“ได้ค่ะ” คนใช้เองก็ไม่ได้เซ้าซี้เธอด้วยเหมือนกัน แล้วก็ได้ไปจัดเตรียมตามความต้องการของเธอ

บะหมี่ที่เผ็ดร้อนชามหนึ่งได้กินหมดลง ธีรนัยน์รู้สึกว่าทั้งร่างของตัวเองรู้สึกสบายตัวไปหมด

อาการบาดเจ็บที่ขาอันที่จริงแล้วมันก็ได้ดีขึ้นประมาณหนึ่งแล้ว สภาพร่างกายของเธอค่อนข้างที่จะดีเลยทีเดียว ฟื้นตัวขึ้นมารวดเร็วมากเลยด้วย

“วันนี้ฉันออกไปข้างนอกสักหน่อย ตอนเที่ยงจะไม่กลับมากินข้าว” ธีรนัยน์พูดกับคนใช้ออกไป เธออยากจะไปหามุกดา

ขับรถแลนด์โรเวอร์ของตัวเองไป ธีรนัยน์มาถึงบ้านของมุกดาแล้ว เธอยังเป็นผู้ช่วยของมุกดาอยู่ อย่างน้อยๆมุกดาก็ยังให้เงินเดือนเธออยู่ เธอเองก็ยังไม่มีแผนที่จะลาออกไป

“ธีรนัยน์ อาการบาดเจ็บของเธอยังไม่หายดีเลย เธอออกจากบ้านมาได้ยังไงกัน?” เมื่อเย็นวานธีรนัยน์เพิ่งจะโทรมาหาตนเอง ทำไมวันนี้ถึงได้มาถึงที่บ้านของตนได้กัน

“ไม่เป็นไร ฉันหายดีแล้ว เพียงแค่แม่ฉันที่คิดว่าฉันยังไม่หายดี จะต้องให้ฉันพักอยู่ที่บ้านให้ได้ ตัวฉันอยู่บ้านจนจะเป็นบ้าอยู่แล้ว ฉันอยากจะมาเยี่ยมเธอสักหน่อยไง” ธีรนัยน์เดินเข้าห้องไป มุกดาอยากจะเข้าไปประคองเธอ แต่เธอก็ไม่ให้เธอช่วย

“ฉันไม่ใช่ว่าเพิ่งจะไปหาเธอมาเองไม่ใช่หรือไง? เธอคิดถึงฉันขนาดนั้นเลยเหรอ? ฮ่าๆๆ เกิดความรู้สึกจำพวกที่ว่าไม่เจอกันวันเดียวก็เหมือนกับไม่ได้เจอกันมาสามปีจำพวกนั้นขึ้นมาใช่มั้ย? เมื่อวานเธอกับแม่ของเธอเกิดเรื่องอะไรขึ้นกัน? ทำไมถึงได้โทรมาหาฉันเสียดึกขนาดนั้น ฉันยังนึกอยู่เลยว่าเธอจะเกิดเรื่องอะไรขึ้นน่ะ!” มุกดารินน้ำให้ธีรนัยน์แก้วหนึ่ง ทั้งสองคนนั่งพูดคุยกันอยู่บนโซฟาไปอย่างสนิทสนม

“มุก เธอรู้แล้วใช่มั้ยว่าฉันเป็นผู้หญิง?” ธีรนัยน์มองมุกดาที่แสดงความสนิทสนมชิดเชื้อกับตนเป็นอย่างมาก มีหลายครั้งที่ได้ลากตนไปอย่างไม่หลีกเลี่ยงความสงสัยอะไรเลย ใครๆต่างก็บอกกันว่าผู้หญิงไวต่อความรู้สึกมาก เธอเชื่อว่ามุกดาได้ค้นพบแล้วว่าตนเป็นผู้หญิง

“ใช่แล้ว ตั้งแต่นาทีที่เธอเข้าโจนส์กรุ๊ปมาวันแรก ฉันก็รู้แล้วว่าเธอเป็นเด็กผู้หญิงคนหนึ่ง”

มุกดาเองก็ไม่ได้หลบเลี่ยงไปเหมือนกัน จึงบอกธีรนัยน์ไป

“ฮ่าๆๆ ล้มเหลวเกินไปแล้ว ทำไมฉันถึงได้ถูกเธอจับได้เร็วขนาดนี้กัน? บนบัตรประชาชนของฉันเป็นผู้ชายเลยนะ!” ธีรนัยน์มีบัตรประชาชนสองใบ ใบหนึ่งเป็นของในประเทศ ใบหนึ่งเป็นของต่างประเทศ อันที่เป็นของในประเทศอันนั้นเป็นเพศชาย

“ฉันเพียงแค่มองตัวคนเท่านั้น ไม่ได้ดูที่บัตรประชาชน เธอสวยเสียขนาดนี้แล้วยังมีผิวพรรณที่เนียนละเอียดอย่างนี้ของเธออีก ผู้ชายนั้นไม่มีทางจะมีผิวที่ดีอย่างนี้ได้หรอก!” แน่นอนว่ายังมีตรงจุดอื่นอีกที่มีรูรั่วออกมา แต่มุกดาก็ไม่ได้พูดอะไรออกมาอีก

แต่งรักมัดใจบอส

แต่งรักมัดใจบอส

ภายในหนึ่งเดือน แต่งงาน หย่า แต่งงาน มุกดาไม่รู้ว่าตนสุขหรือทุกข์กันแน่แต่งงานอีกรอบกลับไม่รู้ว่าสามีเธอเป็นใครแค่กลางคืนกับมานอนกับเธอตรงเวลา”ประธานชลธี ฉันจะลาออก” “ได้ เธอดูสัญญาให้ดี “จ่ายเงินละเมิดสัญญาสิบล้านมาซะ แล้วเธอจะไปไหนฉันก็ไม่ห้ามในการทำงานยังเจอประธานโรคจิต มุกดารู้สึกว่าชีวิตเธอช่างมืดมนไร้แสงสว่างยิ่งนักแต่ทว่าเรื่องไม่ได้เป็นอย่างที่ มุกดาคิด

Comment

Options

not work with dark mode
Reset