ชลธีเข้าโรงพยาบาล ถึงแม้ว่าตอนแรกเริ่มสุดจะไม่อยากประกาศออกภายนอก แต่ว่างานที่บริษัทฮอนดากรุ๊ปมันเยอะมากที่ต้องให้เขาไปทำ จู่ๆก็ไม่มีประธานบริษัทมันก็เป็นเรื่องใหญ่เรื่องหนึ่งเลย สุดท้ายมุกดาก็ตัดสินใจที่จะประกาศเรื่องที่ชลธีป่วยออกไป
“ไม่ทราบว่าประธานชลธีป่วยเป็นอะไรกันครับ?” เนื่องจากว่ามุกดาไม่ได้บอกว่าชลธีเกิดอุบัติเหตุทางรถ เพียงแค่บอกไปว่าเขาป่วยหนักไปเท่านั้น
“การป่วยแบบฉับพลัน ต้องพักฟื้นชั่วคราว ดังนั้นแล้วตอนนี้ด้วยการเสนอแนะจากคณะกรรมการบริหารนับตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไปฉันจะเป็นตัวแทนประธานบริษัทของบริษัทฮอนดากรุ๊ป” มุกดาในตอนนี้ก็ไม่สามารถไปดูแลชลธีได้ทุกวัน ยังมีคนอีกหลายคนที่กำลังรอกินข้าวอยู่
“งั้นคุณนายมุกดา ตอนนี้คุณเป็นตัวแทนประธานบริษัทของบริษัทฮอนดากรุ๊ป แต่ว่าเมื่อก่อนคุณไม่ใช่ว่าได้ทำให้โจนส์กรุ๊ปต้องตกอยู่ในความลำบากไปครั้งหนึ่ง คุณมีความสามารถอย่างนี้เหรอ?” มีนักข่าวคนหนึ่งได้ถามมุกดาออกมาอย่างไม่เกรงใจ
“ในฐานะที่เป็นนักธุรกิจ เป็นไปไม่ได้ที่ทุกๆการตัดสินใจมันจะถูกต้องไปหมด เมื่อรู้ว่าผิดก็จะสามารถแก้ไขได้มันก็ไม่เลวแล้ว” มุกดาถึงแม้ว่าจะคิดว่าคนคนนี้ถามได้ไม่มีปี่มีขลุ่ยมากเลย แต่เพียงไม่นานเธอก็มีการตอบสนองออกไปอย่างรวดเร็ว แล้วแก้ข้อกล่าวหากลับไป
“แล้วคุณจะรับประกันได้ยังไงว่าหลังจากนี้ไปคุณจะไม่ทำให้เกิดปัญหาจำพวกนี้ขึ้นมาอีก? งานของบริษัทฮอนดากรุ๊ปในช่วงนี้เหมือนจะเยอะมากเลยนะ! ได้ข่าวว่าทั้งหมดเป็นเพราะว่าคุณกลับมา” คำพูดของนักข่าวคนนั้นเฉียบคมเป็นอย่างมาก
“ฉันเป็นพวกวัตถุนิยมคนหนึ่ง ไม่เชื่อวิธีการพูดที่งมงายพวกนี้ ฉันคิดว่าอายุของคุณยังเด็กอยู่มาก คงไม่ได้ศึกษาเรื่องพวกนี้เท่าไหร่เลยล่ะมั้ง?” มุกดาตอบโต้นักข่าวคนนั้นกลับไปตรงๆ
“วันนี้พวกเรามีการแถลงข่าวนี้ขึ้นมาเพียงแค่บอกเรื่องนี้กับทุกคนเท่านั้น เรื่องในตอนนี้ได้พูดจบไปแล้ว ฉันยังมีธุระ ขอตัวไม่อยู่กับทุกคนแล้ว” มุกดาหลังจากที่ให้คำตอบกับนักข่าวเหล่านั้นแล้ว ก็เตรียมออกไปทันที
“เดี๋ยวค่ะ คุณนายมุกดา ฉันยังมีอีกหนึ่งคำถามค่ะ ครั้งนี้ประธานชลธีป่วยหรือว่าเกิดอุบัติเหตุอะไรหรือเปล่าคะ?” ในตอนนี้ นักข่าวที่น่าเกลียดคนนั้นได้ดึงดูดสายตาของทุกคนเข้ามา จู่ๆก็ถามคำถามที่ทุกคนต่างก็อยากรู้กันขึ้นมา
“แน่นอนว่าจะต้องป่วยอยู่แล้ว อีกอย่างตอนนี้มีคุณนายมุกดาอยู่ที่นี่คอยจัดการงานของบริษัทฮอนดากรุ๊ป ที่แจ้งให้พวกคุณทราบก็ได้ไว้หน้าพวกคุณมากแล้ว พวกเราแยกย้ายกันไปเถอะ” ตอนนี้เงาร่างของผู้บริหารระดับสูงคนหนึ่งได้เดินเข้ามาจากทางด้านหลัง แล้วได้พูดกับนักข่าวที่แสดงพฤติกรรมที่น่ารังเกียจแสร้งทำเป็นถอยเพื่อผลประโยชน์ของตัวเองพวกนั้นที่อยากจะฟังเรื่องของประธานชลธีกัน
“คุณเป็นใครกัน? พวกเรากำลังถามคุณนายมุกดากันอยู่นะคะ” นักข่าวคนนั้นไม่เคารพคนคนนี้เลยสักนิดเดียว
“ผมเป็นประธานบริษัทของว่องประเสริฐการกรุ๊ป ธีรเมท! บอกให้พวกคุณออกไปมันก็ให้เกียรติกันมากแล้ว ไม่เห็นเหรอว่าคุณนายมุกดาเหนื่อยมากแล้ว? พวกคุณนักข่าวพวกนี้เนี่ย!” ธีรเมทมีรูปร่างสูงใหญ่ บวกกับที่เป็นผู้จัดการใหญ่มาหลายปีจึงถือว่ามีออร่าที่เด็ดขาดเลยทีเดียว เขามองนักข่าวพวกนั้นไปอย่างเย็นชา เหล่านักข่าวต่างก็พากันก้มหน้ากันไป แล้วก็ค่อยๆแยกย้ายกันไปช้าๆ
นักข่าวน่าเกลียดคนนั้นยังอยากจะพูดอะไรออกมาอีก แต่กลับถูกลูกน้องของธีรเมทลากออกไป
มุกดามองธีรเมทไป แล้วก็เดินตามคนของตัวเองไป
ธีรเมทมองเงาร่างเบื้องหลังที่กำลังเดินออกไปของมุกดาพลางยิ้มออกมาเล็กน้อย แล้วเขาก็ได้ผันร่างเดินออกไปด้วย
ตอนกลางวันมุกดาก็จะทำหน้าที่เป็นตัวแทนประธานบริษัทของบริษัทฮอนดากรุ๊ป ตอนเย็นก็ต้องไปดูแลชลธี ในทุกๆวันเธอได้ใช้ชีวิตอยู่อย่างเต็มที่มาก
แต่ว่าคนยังไงก็ไม่ได้ทำมาจากเหล็กอยู่แล้ว เหน็ดเหนื่อยไปอย่างนี้ทุกวัน ร่างกายของมุกดาก็รับไม่ไหวอยู่บ้าง
ตอนที่ดูแลชลธีอยู่แล้วออกจากโรงพยาบาลมา ตอนที่เธอเพิ่งจะออกมาจากลิฟต์นั้น หัวก็รู้สึกวิงเวียนขึ้นมาเล็กน้อย พยุงตัวเข้ากับลิฟต์เพื่อให้ยืนให้มั่นคงขึ้น เธอค่อยๆเดินไปไม่กี่ก้าวอย่างช้าๆ ขาก็เหมือนกับว่ากำลังเหยียบไปที่บนปุยฝ้ายก็ไม่ปาน นุ่มนิ่ม เธอฝืนเดินไปอีกไม่กี่ก้าวแล้วกุมคนที่อยู่ข้างๆไปทันที จากนั้นก็ไม่รับรู้อะไรอีกเลย
รอจนตอนที่มุกดาฟื้นขึ้นมาอีกที กลับพบว่าตัวเองได้นอนอยู่บนเตียง เธอรำลึกความทรงจำไปสักเล็กน้อย เมื่อกี้นี้ตัวเองเหมือนกับว่าจะสลบไป แต่ที่นี่มันที่ไหน?
“คุณฟื้นแล้ว?” ข้างๆมีคนเงยหน้าขึ้นมาจากบนเตียงที่อยู่ข้างๆตัว ใบหน้านั้นนึกไม่ถึงว่าจะเป็นหนึ่งในใบหน้าที่มุกดาเกลียดที่สุด
“ธีรเมท ฉันมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง?” มุกดาเห็นเสื้อผ้าที่ยังครบถ้วนสมบูรณ์ดีของตัวเอง ก็ได้ผ่อนลมหายใจอย่างโล่งใจออกมา
“มุก ผมยอมรับว่าผมเคยทำผิดต่อคุณ แต่ว่าผมก็สำนึกผิดแล้ว ผมเองก็ไม่ขอให้คุณยกโทษให้ผมหรอก แต่ขอเพียงแค่สามารถอยู่ข้างกายคุณมองคุณอยู่เงียบๆก็พอแล้ว เช้าวันนี้คุณเป็นลมสลบไปที่ในโรงพยาบาล ผมกำลังไปเยี่ยมพี่ชายของผมพอดี ก็เลยไปบังเอิญเจอเข้า ผมจึงพาคุณกลับมา”
ธีรเมทแสดงใบหน้าจริงใจออกมา
“งั้นก็ขอบคุณคุณแล้ว ตอนนี้ฉันไม่เป็นอะไรแล้ว ฉันต้องไปแล้ว” มุกดาเอ่ยขอบคุณออกไปด้วยใบหน้าเย็นชา เธออยากจะลุกขึ้นจากเตียง
“ผมพยุงคุณ” ธีรเมทรีบเข้ามาพยุงมุกดาเอาไว้ทันที มุกดาขัดขืนออกมาเล็กน้อย แต่ว่าหัวของเธอยังรู้สึกวิงเวียนมากๆอยู่ แล้วก็ได้ทรุดกลับลงไปอีกครั้ง
“มุก มุก คุณอย่ารีบร้อนไปเลย ค่อยๆ ก็คงจะเป็นเพราะว่าลุกขึ้นมากะทันหันเกินไป วันทั้งวันคุณไม่ได้กินอะไรเลย ผมไปเอาโจ๊กมาให้คุณสักหน่อย” ธีรเมทได้ห่มผ้าห่มให้มุกดาให้เรียบร้อยไปอีกที แล้วตนก็ผันร่างเดินออกไป
มุกดานวดคลึงขมับของตัวเอง ดูท่าแล้วตัวเองยังไม่สามารถรีบร้อนเกินไปได้ การรีบร้อนไปนี้ร่างกายมันก็จะรับไม่ไหวไปด้วย
มุกดาเลิกตาขึ้นมองท้องฟ้าที่เริ่มมืดขึ้นมาเล็กน้อยแล้ว ตนสลบไปวันหนึ่งแล้ว? เธอสั่นเทา แล้วควักโทรศัพท์ออกมา ข้างบนมีสายที่ไม่ได้รับหลายสาย แต่ว่าตนกลับไม่ได้ยินเลย ที่แท้ก็ปิดเสียเอาไว้นี่เอง
มุกดาโทรกลับไปหาคนพวกนั้นรายคน เรื่องที่บริษัทเป็นสายที่โทรมาจากรณรัตและรวิศเธอได้วางแผนเอาไว้แล้ว และได้บอกไปว่าวันนี้ตนไม่สบายนิดหน่อย แล้วโทรกลับไปหาคุณแม่นีรชา บอกว่าตัวเองไม่สบายนิดหน่อย แต่ว่าตอนนี้ดีขึ้นแล้ว เธอเตรียมที่จะกลับไป แล้วได้จัดเตรียมคนให้ไปดูแลชลธีด้วยอีกทีหนึ่ง
เรื่องทั้งหมดได้จัดการลงเรียบร้อยแล้ว ธีรเมทถึงได้เข้ามา เมื่อกี้นี้ตอนที่เขาเข้ามาก็ได้ยินมุกดากำลังโทรศัพท์อยู่ จึงได้รออยู่ที่หน้าประตู
“มากินอะไรก่อนสักหน่อย แล้วให้ผมไปส่งคุณกลับไปเถอะ” ธีรเมทยกโจ๊กเข้ามาตรงหน้ามุกดา
“อืม” มุกดาตอบรับไปคำหนึ่ง เธอเอนตัวพิงเข้ากับบนเตียงภายใต้การช่วยเหลือของธีรเมท
ธีรเมทมองใบหน้าสวยหมดจดของมุกดา รูปร่างมีส่วนเว้าส่วนโค้งน่าดึงดูด มองไปจนร่างกายของตัวเองร้อนรุ่มไปหมด
อยากจะตบหน้าตัวเองสักทีหนึ่งเลยจริงๆ เมื่อตอนนั้นเองก็ยังหนุ่มๆอวดดีมากไป ทำเรื่องไม่ดีลงไป ตอนแก่ก็มานึกเสียใจภายหลังขึ้นมา สมัยหนุ่มๆมีกำลังวังชาเต็มเปี่ยมมีร่างกายของเมธพรอยู่ จึงไม่ได้สนใจอะไรเลย ในตอนนั้นจึงโลภอยากได้ร่างกายของเมธพรเป็นอย่างมาก
แต่ว่าตอนนี้เห็นร่างกายที่เย้ายวนนั้นของมุกดาแล้ว เขาก็คิดว่าตัวเองช่างตาบอดจริงๆเลย! ปล่อยไข่มุกไปไม่ต้องการ แต่กลับไปเอาตาปลามาเป็นสมบัติล้ำค่า
เห็นมุกดาเอาแต่จ้องโจ๊กชามนั้นอยู่ตลอด ไม่มีท่าทีที่จะกินเลย ธีรเมทยิ้มออกมาเล็กน้อย เขาได้ใช้ช้อนกินเข้าไปคำหนึ่ง
“มุก ไม่มีอะไรผมไม่มีทางทำร้ายคุณหรอก” ธีรเมทพูดกับมุกดา
เห็นสายตาของมุกดาเปลี่ยนมาเป็นปกติแล้ว ธีรเมทจึงได้เอ่ยกับมุกดาไปอีกว่า
“ผมป้อนคุณเอามั้ย?”
“ไม่ต้อง ฉันกินเองก็พอแล้ว” มุกดายกชามขึ้นมา ค่อยๆกินโจ๊กไปช้าๆ ก็คงจะหิวด้วยเหมือนกัน จึงทำให้กินโจ๊กไปก็รู้สึกว่ามันอร่อยมากเป็นพิเศษ