“ที่รัก เธอเป็นอะไรไป ทำไมเธอถึงร้องไห้ล่ะ? เจอเรื่องอะไรร้ายแรงมาอย่างนั้นเหรอ?” มุกดากอดจันวิภาพลางเอ่ยถาม
“มุกมุก ฉันควรทำยังไงดี ฉันบังเอิญเจอคนเลวคนหนึ่ง” จันวิภาสะอึกสะอื้น น้ำตาของเธอทำเอาคอของมุกดาเปียกชุ่มไปหมด
“อะไรนะ? บังเอิญเจอคนเลวคนหนึ่ง? แต่…”มุกดาไม่ได้พูดคำที่เหลือเหล่านั้นออกมา สิ่งที่เธออยากจะพูดคือต้องเป็นคนเลวแบบไหนจันวิภาถึงจัดการไม่ได้
หลังจากจันวิภาได้เจอจันวิภา ความรู้สึกคับแค้นใจก็สบายใจขึ้นมากแล้ว เธอดึงมุกดาไปนั่งบนเตียง มุกดาช่วยเช็ดน้ำตาออกจากใบหน้าให้เธอ
“วันนั้นเธอบังเอิญเจอธีรเมทมาใช่ไหมล่ะ? หลังจากนั้นเธอก็ไม่ได้มาทำงานอีกนานหลายวัน ฉันรู้สึกผิดมาก ก็เลยออกดื่มข้างนอก ปรากฏว่าฉันดื่มจนเมา แล้วก็ถูกไอ้บ้ากามคนหนึ่ง ไอ้บ้ากามคนหนึ่ง ฮือๆๆ” จันวิภาร้องไห้ขึ้นมาอีกแล้ว
มุกดาฟังได้เพียงครึ่งเดียว พอถึงช่วงสำคัญจันวิภากลับร้องไห้ขึ้นมาอีก ทำเอาเธอที่ฟังอยู่อกสั่นขวัญแขวนไปหมด
“โอ๋ ไม่ร้อง ไม่ร้อง แล้วมันเกิดอะไรขึ้น ไอ้บ้ากามทำอะไรเธอ?” มุกดาถามอย่างกังวล
“ก็ไม่ได้ทำอะไร ก็แค่ฉันไปนอนที่บ้านเขามาทั้งคืนเลย แล้วตอนที่ฉันตื่นขึ้นมาตอนเช้า เขาก็นอนฟุบหลับอยู่บนเตียงข้างๆ ฉัน ฉันก็เลยตบเขาไปที” จันวิภาร้องไห้อย่างกินปูนร้อนท้องขาดความมั่นใจ ผู้ชายคนนั้นคงจะรวยมากและมีอิทธิพลมากแน่ เขาจะมาหาเรื่องอะไรเธอไหม
มุกดาประคองแก้มของเพื่อนสนิท แต่ไหนแต่ไรหล่อนไม่เคยต้องสูญเสียอะไรเลย ร้องไห้ซะเสียอกเสียใจขนาดนั้นเธอนึกว่าเกิดเรื่องเหนือความคาดหมายอะไรเกิดขึ้นเสียอีก แต่ผลมันก็ไม่ได้แย่มาก ก็แค่เขาได้รับบอกเจ็บเล็กน้อย แต่ว่าเขาเป็นฝ่ายบาดเจ็บ แล้วหล่อนจะร้องไห้ไปทำไมกัน
“ถ้าอย่างนั้นเธอตบเขา แล้วเธอร้องไห้ทำไมล่ะ ดูสิทำคุณลุงคุณป้าพลอยตกใจไปด้วยแล้ว” มุกดาถอนหายใจด้วยความโล่งอก
“เธอไม่รู้น่ะสิ บ้านของผู้ชายคนนั้นทั้งใหญ่ทั้งสวยมาก ฉันตบเขาแล้วก็วิ่งหนี เกือบจะหลงทางอยู่ในบ้านของเขาแล้ว ฉันกลัวเผื่อว่าเขาคิดจะแก้แค้นฉันกับครอบครัวของฉันขึ้นมาจะทำยังไงล่ะ?” จันวิภาบอกความจริง
ปัญหานี้มุกดาก็ไม่มีวิธีเหมือนกัน ในพระนคร คนรวยมีอิทธิพลค่อนข้างน่ากลัวมาก เธอก็เป็นเพียงสามัญชนคนธรรมดา ช่วยอะไรไม่ได้จริงๆ
ทั้งสองคนไม่รู้ว่าต้องทำยังไงจึงได้แต่นั่งเหม่อลอยอยู่บนเตียง
“ทศพร หน้านายเป็นอะไร? เหมือนจะเป็นรอยนิ้วมือนะ” ชลธีเงยหน้าขึ้นและเห็นรอยแดงๆ อยู่บนใบหน้าขาวผ่องของทศพร
ทศพรกำลังถือถ้วยชา สีหน้าขมขื่น เขานั่งอยู่บนโซฟาด้วยท่านั่งไขว่ห้าง ไม่รู้ว่าจะเริ่มพูดจากตรงไหนก่อนดี
เมื่อเห็นท่าทางเหมือนท้องผูกแบบนั้นของทศพร ชลธีก็วางปากกาในมือลง แล้วมองไปที่ทศพรอย่างจริงจัง
“ไม่ใช่ว่าวันนั้นที่นายไปส่งผู้หญิงคนนั้นกลับแล้วถูกตบเอาหรอกนะ?” ชลธีเองก็พอคาดเดาได้แล้ว แต่ภายในใจของเขากลับกำลังยกนิ้วให้ผู้หญิงคนนั้นอยู่ ในพระนครแห่งนี้คนที่จะกล้าตบตีทศพร เขาคิดว่ายังไม่เกิดด้วยซ้ำ คิดไม่ถึงเลยว่าจะโตขนาดนี้แล้ว
“อืมชล นายคิดดูนะ ฉันอุตส่าห์เจตนาดีพาเธอกลับไปที่บ้าน แถมยังดูแลเธอทั้งคืน ตื่นเช้าขึ้นมา ไม่พูดไม่จาสักคำก็ตบหน้าฉันแล้ว แถมยังวิ่งหนีไปอีก!” ทศพรลูบใบหน้าของตัวเอง เขารู้สึกเสียใจมากจริงๆ
สิ่งที่เขาเสียใจคือผู้หญิงคนนี้หนีไปแล้ว แถมเขายังอายที่จะถามชลธีว่าผู้หญิงคนนี้อยู่ที่ไหน
“สมน้ำหน้า ใครใช้ให้ชื่อเสียงของนายที่พระนครมันเหม็นเน่าขนาดนั้นล่ะ เด็กสาวที่ทำตัวดีหน่อยต่างต้องเลี่ยงนายเป็นธรรมดาแหละ” เมื่อได้ยินเรื่องราวทั้งหมดชลธีก็โล่งอกโล่งใจแล้ว
ทศพรใช้สายตาน่าสงสารมองไปที่ชลธี เป็นพี่น้องโป๊เปลือยมาด้วยกันแท้ๆ เขาจำเป็นต้องพูดตรงขนาดนั้นเลยเหรอ?
“ชล ฉันอยากจะขอให้นายช่วยอะไรหน่อย” ทศพรคิดอยู่ครู่หนึ่ง ยังไงก็จำเป็นต้องให้ชลธีช่วยเหลืออยู่ดี
“ว่ามา” ชลธีก้มหน้าลงทำงานต่อ
“ขอแฟ้มข้อมูลของพนักงานสาวที่เข้ามาทำงานใหม่ในบริษัทฮอนดากรุ๊ปให้ฉันดูหน่อยสิ” ยิ้มและนอนฟุบลงบนโต๊ะของชลธีพลางยิ้มๆ มองไปที่ชลธีอย่างประจบเอาใจ
“นายแน่ใจเหรอว่าเธอเป็นคนในบริษัทฮอนดากรุ๊ปของเรา? ความสนใจของนายมาถึงบริษัทฮอนดากรุ๊ปของฉันแล้วเหรอ” ชลธีรู้ดีว่าเพื่อนของเขาคนนี้มีความกระตือรือร้นกับผู้หญิงอย่างมากที่สุดก็แค่สามเดือนเท่านั้น
“แน่ใจ ที่ฉันแน่ใจก็เพราะว่า ตอนที่ฉันได้เจอเธอครั้งแรก คืออยู่ที่ล็อบบี้ของบริษัทฮอนดากรุ๊ป ในมือของเธอกำลังถือแก้วกาแฟ” ทศพรพูดอย่างกระตือรือร้น
“ลืมมันไปเถอะ นั่นเป็นพนักงานของฉัน นายแค่กระตือรือร้นอยู่ไม่กี่วัน ถึงตอนนั้นทำให้เขาจะเป็นจะตายขึ้นมาล่ะแย่เลย” ชลธีปฏิเสธทศพร อันที่จริงแล้วเขาไม่เชื่อใจเขาอีกแล้วจริงๆ
“แต่ว่าเธอตบฉันนะ ไม่ให้ฉันคิดบัญชีกับเธอหน่อยเหรอ?” เมื่อทศพรเห็นว่าชลธีไม่คล้อยตาม จึงหาข้อแก้ตัวอื่นแทน เขาเองก็ไม่สามารถรับประกันได้ว่าเขาจะกระตือรือร้นกับผู้หญิงคนนี้ได้นานแค่ไหน
“แบบนั้นยิ่งไม่ได้ใหญ่เลย ยังไงซะเธอก็เป็นพนักงานของฉัน ยังไงฉันก็ไม่ควรปล่อยให้นายไปหาเรื่องเธอใช่ไหมล่ะ ในเมื่อเธอตบนาย ถ้าอย่างนั้นคืนนี้ฉันเลี้ยงเหล่านายเลย!” ชลธีปฏิเสธทศพรอีกครั้ง
ตอนนี้ทศพรทำอะไรไม่ได้แล้ว เขาจึงกลับไปขดตัวอยู่ที่โซฟาเหมือนเดิม
ทุกคนต่างรู้ว่าชลธีเป็นพวกให้ท้ายคนของตัวเองคนหนึ่ง แต่คาดไม่ถึงเลยว่ากับพนักงานของตัวเองก็ปกป้องแน่นหนาถึงขนาดนี้
ทศพรลูบใบหน้าของตัวเองอยู่ที่โซฟา เขาครุ่นคิดอย่างจริงจัง เขารู้สึกยังไงกับผู้หญิงคนนี้กันนะ ทำไมเวลาที่ไม่ได้เจอเธอในหัวสมองถึงได้มีแต่เธอเต็มไปหมดเลย
หลังจากอยู่มาจนอายุยี่สิบแปดปี นี่เป็นครั้งแรกที่เขาคิดถึงผู้หญิงคนหนึ่ง ยิ่งกว่านั้นแม้กระทั่งในฝันยังเจอเลย
“ชล ฉันคิดว่าที่นายพูดมันก็ถูกนะ ฉันอาจจะแค่กระตือรือร้นไปแค่ไม่กี่วันเท่านั้น ช่างมันละ แค่ผู้หญิงคนเดียว ฉันเองก็ไม่จำเป็นต้องคิดเล็กคิดน้อยกับเธอถึงขนาดนี้ คืนนี้ดื่มนะ ตกลงแล้วนะ ถ้าอย่างนั้นฉันไปก่อนนะ เรียกเทพแห่งโรคระบาดสองคนนั้นไปด้วยไหม?” ทศพรรู้สึกว่าตัวเองคิดได้แล้ว และเขาไม่ได้ชอบผู้หญิงคนนั้นสักเท่าไหร่เลย
“เรียกมานายเลี้ยง?” ชลธีเงยหน้าขึ้นถามทศพร
“ลืมไปเถอะ ไอ้สองคนนั้นกากๆ ไม่เรียกเลยจะดีกว่า” ทศพรกลับคำทันที เขาอยากจะกลับไปนอนสักตื่น เพื่อจะดูแลผู้หญิงคนนั้น เขาแทบไม่ได้นอนหลับเลยทั้งคืน
“สำนักเลขาธิการ? ให้มุกดาขึ้นมา” ไม่ได้กลับบ้านหลายวัน จู่ๆชลธีก็รู้สึกคิดถึงมุกดาขึ้นมาเล็กน้อย จึงบอกไปอย่างไม่น่าเชื่อถือนักว่ามีเอกสารในมือที่จำเป็นต้องให้เธอมาแปลเอกสาร
“ประธานชลธี คือ คือว่ามุกดาลาออกไปแล้ว” ผู้อำนวยการไวพบของสำนักเลขาธิการพูดตะกุกตะกัก
“ลาออกอะไร? คุณอธิบายมาให้ชัดเจนสิ แผนกบุคคลทราบหรือเปล่า?” ไฟโกรธของชลธีลุกโชนขึ้นในชั่วพริบตา
“เป็นเรื่องของวันนี้ ฉัน ฉันยังไม่ได้ไปแจ้งแผนกบุคคลค่ะ” ผู้อำนวยการไวพบคาดไม่ถึงว่าท่านประธานจะเจาะจงเรียกชื่อหามุกดาโดยตรงแบบนี้
“เธอลาออกเองเหรอ?” ไฟโกรธของชลธียิ่งลุกโชนขึ้นเรื่อยๆ แผนกบุคคลไม่มีทางปล่อยให้มุกดาลาออกแน่นอน เพราะสัญญาฉบับนั้นก็เขียนเอาไว้อย่างชัดเจนแล้ว
“ค่ะ เธอลาออกเองค่ะ!” ผู้อำนวยการไวพบคิดว่าไหนๆมุกดาก็ไปแล้ว ก็ให้หล่อนเป็นแพะรับบาปไปก็แล้วกัน
“คุณไปรับเงินเดือนหนึ่งเดือนที่สำนักงานการเงินและออกไปจากบริษัทฮอนดากรุ๊ปเดี๋ยวนี้!” เมื่อชลธีได้ฟังคำพูดโกหกเหลวไหลเต็มปากของผู้อำนวยการไวพบไปแล้ว ก็จัดการไล่เธอออกทันที
ชลธีโทรศัพท์ไปหานัทธ์ แต่นัทธ์กลับบอกว่ามุกดายังไม่ได้กลับบ้าน
ชลธีกดวางสายโทรศัพท์ ผู้หญิงคนนี้ไปไหนของเธออีกแล้ว พอเขาไม่กลับไปที่บ้าน เธอก็เป็นอิสรเสรีแล้วเหรอ?
ช่างมันเถอะ ผู้หญิงเพิ่งจะโดนไล่ออกคงจะรู้สึกไม่สบายใจแน่ บางทีอาจจะไปหาเพื่อนสนิทเพื่อพักผ่อนหย่อนใจก็ได้ ตนควรจะซื้อของขวัญให้เธอสักหน่อยหรือเปล่า ให้เธอดีใจสักหน่อย