“มุก ฉันรู้สึกว้าวุ่นใจมากเลย เธอไปช้อปปิ้งเป็นเพื่อนฉันหน่อยได้ไหม? จากนั้นพวกเราก็ไปกินปิ้งย่างกัน ฉันจะไม่ดื่มเหล้าอีกแล้ว ไม่ดื่มอีกแล้วจริงๆ การดื่มเหล้าเป็นเรื่องที่ผิดพลาดมากจริง ๆ” หลังจากที่จันวิภาเงียบไปสักพัก เธอก็ตัดติดใจว่าจะไปช้อปปิ้ง ต้องหาทางระบายออก ไม่อย่างนั้นเธอคงจะต้องอึดอัดจนเป็นบ้าเข้าแล้วจริงๆ
“ได้ ฉันก็รู้สึกอึดอัดเหมือนกัน พวกเราไปช้อปปิ้งอย่างบ้าคลั่งกันเถอะ” มุกดารีบเห็นด้วย ระยะนี้เธอเบื่อมาเกินพอแล้ว ควรออกไประบายสักหน่อยเหมือนกัน
“อือ อย่างนั้นพวกเราก็เอาอย่างนี้แหละ ไปช้อปปิ้งกันก่อน ซื้อของ จากนั้นก็ไปกินปิ้งย่าง ตอนเย็นพวกเราก็ไปร้องคาราโอเกะกัน เป็นยังไง?” จันวิภารีบวางแผนเสียดิบดี
“ได้ ตามนี้!” ทั้งสองเห็นตรงกันเรียบร้อย
“คุณแม่คะ หนูจะออกไปข้างนอกกับมุกสักหน่อยนะคะ เย็นนี้คงไม่กลับมากินข้าวที่บ้านแล้วค่ะ” เมื่อทั้งสองเก็บของกันเสร็จ ก็ออกไปทักทายบอกกล่าวแม่เพลง
พอแม่เพลงเห็นมุกดามาหาลูกสาวของตัวเองก็ดีใจเป็นอย่างมาก เธอมีความสุขมากๆ
“อืมๆ ออกไปเที่ยวกันให้สนุกนะ” แม่เพลงรีบตอบตกลง
หญิงทั้งสองเดินจูงมือกันออกจากตระกูลใจบุญ จนมาถึงที่ห้างสรรพสินค้า ก็เดินเข้าไปช้อปปิ้ง
“คุณผู้หญิงแสนสวยทั้งสอง ลองมาดูเครื่องสำอางที่เพิ่งมาใหม่ของพวกเรากันเถอะ ลงสีได้ดูเป็นธรรมชาติ สีติดแน่นไม่หลุดง่าย” ในตอนที่ทั้งสองเดินผ่านแผนกขายเครื่องสำอางนั้น ก็มีช่างแต่งหน้าคนหนึ่งเข้ามาทักทายพวกเธอ
“เอ๊ะ จริงสิ พวกเรามาแต่งหน้ากัน ได้ยินว่าแต่งหน้าแล้วช่วยให้จิตใจดีขึ้นบ้างเล็กน้อยเหมือนกัน” พอจันวิภาได้ยินคนร้องทักทายตน เธอก็รีบลากมุกดาเข้าไป
มุกดายังไม่ทันจะมีปฏิกิริยาตอบสนองกลับมา ก็ถูกกดให้นั่งลงบนเก้าอี้แล้ว
ช่างแต่งหน้ารีบเข้ามาทำความสะอาดผิวให้กับมุกดาอย่างรวดเร็ว ต่อให้มุกดาไม่อยากแต่งหน้าก็คงไม่ทันแล้ว
เมื่อเวลาผ่านไปซ้ำแล้วซ้ำเล่าจนใกล้จะครบหนึ่งชั่วโมง ในที่สุดทั้งสองต่างก็แต่งหน้ากันเสร็จแล้ว เมื่อมองกันและกันแวบหนึ่ง คนที่อยู่ตรงหน้าดูเหมือนจะไม่ใช่คนรู้จักกันเสียแล้ว
“ว้าวมุก เธอสวยมาก” จันวิภามองดูมุกดาที่แต่งหน้าเสร็จแล้วก็ยังใจป้ำซื้อเครื่องสำอางชุดใหญ่มาตกตะลึงไปสักพัก
“จันทร์ เธอเองก็สวยไม่เบาเหมือนกัน ทำอย่างไรดีล่ะ ถ้าคนเป็นผู้ชายก็คงจะหลงตายแล้วล่ะ” มุกดาจูงมือจันวิภาไปด้วยพร้อมเอ่ยชมไปด้วย
หญิงสาวทั้งสองเดินจูงมือกันแล้วเอ่ยชมกันและกันไปด้วย จันวิภายังใจป้ำซื้อเครื่องสำอางชุดใหญ่มาอีกหนึ่งชุดด้วย
ทั้งสองเดินมาถึงแผนกเสื้อผ้าผู้หญิง
เสื้อผ้าผู้หญิงของที่นี่แพงเสียจนน่าตกใจ มุกดามองดูราคาแวบหนึ่ง แล้วก็นึกถึงกระเป๋าของตัวเอง ดูเหมือนว่านอกจากบัตรที่นัทธ์มอบให้อันนั้น ตัวเองก็ไม่ได้มีเงินอะไรเลย
“มุก เธอลองดูกระโปรงตัวนี้สิ ฉันว่ามันเหมาะกับเธอมากเลยนะ” จันวิภาได้มองเห็นกระโปรงสีขาวตัวหนึ่ง จึงหยิบมาลองทาบบนตัวของมุกดาดู
มุกดาชำเลืองมองดูราคาของกระโปรงตัวนั้นแวบหนึ่ง แล้วเธอก็ส่ายหัว “ไปดูอย่างอื่นกันเถอะ แพงมากเลย ตั้งห้าหลัก!” มุกดาแอบกระซิบบอกจันวิภา
“เธอลองดูสิ อย่างไรเสียวันนี้ฉันก็อยากจะใช้เงินเป็นพิเศษ วันเกิดของเธอก็ใกล้จะมาถึงแล้ว ถือเสียว่าฉันมอบเป็นของขวัญให้เธอก็แล้วกัน”
จันวิภายืนยันว่าจะให้มุกดาไปลองชุด
เมื่อเปลี่ยนใจจันวิภาไม่ได้ มุกดาจึงทำได้เพียงหยิบกระโปรงตัวนั้นเข้าไปลอง เธอได้ตัดสินใจเอาไว้แล้วว่าจะหาจุดบกพร่องมากมายออกมา จากนั้นก็ไม่เอากระโปรงตัวนี้ เพราะอย่างไรเสียอีกเดี๋ยวก็จะลงไปดูแผนกเสื้อผ้าผู้หญิงที่ชั้นล่าง ที่นั่นคงจะมีของที่ตนพอจะรับได้
เมื่อสวมกระโปรงเข้าไปแล้ว มุกดาก็เดินออกมา เธอเห็นจันวิภาเบิกตาโตจ้องมองดูแล้ว
“เป็นอย่างไรบ้าง ไม่สวยสินะ? ฉันก็รู้สึกว่ามันไม่สวย ฉันจะไปเปลี่ยนแล้ว” มุกดาเข้าใจความหมายผิดไปแล้ว เธอนึกว่าไม่สวย พอดีเลยเธอเองก็จะได้ไม่ต้องไปหาข้อบกพร่องอีก
“พนักงานคะ ฉันเอากระโปรงตัวนี้แหละ” จันวิภารีบบอกกับพนักงานขาย
“จันทร์ กระโปรงตัวนี้ใส่แล้วไม่ค่อยสบายเท่าไหร่ ถึงยังไงฉันก็ไม่ชอบมันอยู่แล้ว” มุกดาไม่อยากได้กระโปรงราคาแพงขนาดนี้ ก่อนหน้านี้ตอนที่ยังเป็นคุณหนูเธอเองก็พอจะรับได้ แต่มาตอนนี้พ่อของเธอต้องใช้เงินจำนวนมาก รวมไปถึงตนเองเสียงานไปอีกแล้ว ไหนเลยจะมีเงินซื้อเสื้อผ้าราคาแพงขนาดนี้ได้
“ฉันชอบก็พอแล้ว เธอสวมชุดก็เพื่อให้พวกเราดูไม่ใช่เหรอ แค่ฉันรู้สึกว่าสวยก็พอแล้ว” จันวิภาไม่ฟังที่มุกดาพูดเลยสักนิดเธอจะต้องซื้อกระโปรงตัวนี้มาให้ได้
“เฮ้อ ที่นี่มีคนรวยที่แตกต่างไปนะมุกดา เธอยังมีเงินซื้อเสื้อผ้าราคาแพงขนาดนี้อยู่อีกเหรอ?” น้ำเสียงเย็นชาที่แฝงไปด้วยความถากถางดังขึ้นมาจากด้านหลัง
มุกดาไม่ได้หันหน้ากลับไปมอง แต่จันวิภาได้พุ่งตัวเข้าไปแล้ว “เมธพร ฉันจะบอกเธอให้นะ เธออย่าเห็นมุกเป็นที่ระบายอารมณ์เป็นอันขาด เธอมันเป็นผู้หญิงหน้าไม่อาย!”
“หึๆจันทร์ สิ่งที่เธอพูด ฉันเคยเห็นหล่อนเป็นที่ระบายอารมณ์ตอนไหนกัน? แล้วฉันหน้าไม่อายยังไง? เธอลองพูดให้ฉันฟังชัดๆ สิ” ในเวลานี้เองเมธพรก็ได้ขยับตัวเข้าไปใกล้จันทร์ ทั้งสองคนดูราวกับไก่ตัวผู้สองตัวก็มิปาน
“เธอแย่งธีรเมท เธอก็คือคนหน้าไม่อาย หน้าไม่อายเอามาก ๆ เลย!” จันวิภายกมือเท้าสะเอว ไม่ยอมที่จะแสดงความอ่อนแอต่อหน้าเมธพร
“พอเถอะจันทร์ เสื้อผ้าพวกนี้ฉัน…”
“พนักงาน คิดเงิน!” จันวิภาเอ่ยตัดบทมุกดา มุกดาไหนเลยจะรู้ว่า พอเธอสวมชุดกระโปรงนี้บนร่างแล้ว ช่างดูสวยงามราวกับนางฟ้าก็มิปาน
ถึงแม้ว่ากระโปรงนี้จะแพงไปสักหน่อย แต่การออกแบบที่แสนเรียบง่าย กลับขับเน้นส่วนที่ดีของผู้ใส่ให้ปรากฏออกมา
มุกดารูปร่างค่อนข้างสูง ชุดกระโปรงตัวนั้นเผยให้เห็นเรือนร่างของเธออย่างชัดเจน เอวเล็กบอบบาง ขาเล็กเรียวยาวได้สัดส่วน ยังดูแล้วสวยกว่านางแบบเสียอีก
พอเมธพรเห็นมุกดาแล้ว เธอก็ยิ่งรู้สึกริษยาเป็นพิเศษ
“บอกว่าฉันหน้าไม่อาย เธอลองดูสิ นี่คงไม่ได้หาตาเฒ่าบ้านรวมได้แล้วหรอกนะ? ครอบครัวก็ล้มละลายไปแล้ว ยังจะมาซื้อชุดราคาแพงอย่างนี้อีก คิดจะขายตัวเองรึไง?” เมธพรพูดไปด้วยเบะปากไปด้วย
ในระหว่างสามคนนี้ เมื่อก่อนครอบครัวของมุกดาร่ำรวยที่สุด ส่วนครอบครัวของเมธพรกับจันวิภาอยู่เหนือครอบครัวระดับกลางมาเล็กน้อย ตอนนี้บริษัทของมุกดาล้มละลายแล้ว ไม่ง่ายเลยกว่าที่เมธพรจะมีความรู้สึกดีขึ้นมาได้บ้าง แต่ก็ยังถูกความมั่นใจของมุกดาข่มไว้อีกครั้ง
“เธอยุ่งอะไรด้วย? พวกเราไม่ได้ขโมยไม่ได้แย่งสักหน่อย ไปเถอะมุก อย่าให้ดวงตาฉันต้องแปดเปื้อนเลย” จันวิภาลากมุกดาให้เดินจากไป
“มุก เธอรอก่อนมุก ให้ฉันอธิบายกับเธอหน่อย เธอรอก่อน” ในเวลานี้เองธีรเมทที่ไม่รู้ว่ามาจากตรงไหนก็ปรากฏตัวออกมา พอเขาเห็นมุกดาก็รีบเดินเข้าไปหาทันที
เมื่อเมธพรเห็นธีรเมทเข้าไปดึงมุกดา เธอก็รู้สึกไม่พอใจเป็นอย่างมาก แล้วรีบเข้าไปดึงธีรเมทไว้
“ธีร์ นายนัดฉันไว้แล้วไม่ใช่เหรอ? พวกเราขึ้นไปคุยกันชั้นบนเถอะ”
“ปล่อยมือ เธอขึ้นไปก่อน เดี๋ยวฉันค่อยไปคิดบัญชีกับเธอ” ธีรเมทมองเมธพรด้วยสีหน้าที่มืดครึ้ม
เมธพรจ้องเขม็งไปที่มุกดาอย่างดุร้ายแวบหนึ่ง แล้วมองธีรเมทอย่างไม่ยินยอมที่จะจากไปอีกครั้ง แต่สีหน้าของธีรเมทดูย่ำแย่มาก เธอไม่กล้าพูดอะไร ทำได้เพียงเดินขึ้นไปที่ร้านน้ำชาด้านบน
“มุก เธอฟังฉันก่อน วันนั้นเป็นการเข้าใจผิด จริงๆ นะ เป็นการเข้าใจผิด” ธีรเมทดึงมุกดาเอาไว้