เมื่องานเลี้ยงสิ้นสุดลง ผู้ชายคนนั้นก็มาอีกแล้ว เขาเดินมาถึงข้างกายมุกดากับธีรนัยน์ เอ่ยเตือนทั้งสองคน
นาราที่มองอยู่ก็อารมณ์ดีมาก ตอนนี้ชลธีไม่มีประโยชน์อะไรแล้ว ถ้าหากว่ามุกดาถูกลากลงน้ำโคลนไป อย่างนั้นบริษัทฮอนดากรุ๊ปก็จะมีเพียงแค่ธีร์ธวัชที่สามารถจัดการดูแลได้แล้วจริงๆ
“เมื่อครู่ที่พวกคุณรับปากผมยังจำได้สินะ พวกคุณอย่าลืมเสียล่ะ” ชายคนนั้นเอ่ยกับมุกดา
“แน่นอนว่าฉันจำได้ค่ะ ทว่าตอนนี้งานยังไม่จบ ฉันคิดว่าคุณชายเจตนิพัทธ์คงจะไม่รีบร้อนกับช่วงเวลาเพียงครู่เดียวหรอกนะคะ” มุกดามองไปทางทุกคน ขณะเอ่ยกับคุณชายเจตนิพัทธ์
เจตนิพัทธ์คิดไม่ถึงว่าชื่อนามสกุลและชาติตระกูลจะถูกมุกดาสืบมาได้อย่างชัดเจนภายในระยะเวลาเพียงเท่านี้ ผู้หญิงคนนี้น่าสนใจมาก
“ไม่เลว มีสมองมาก แต่ว่าผมไม่ชื่นชอบผู้หญิงที่มีสมอง ผมชอบผู้หญิงที่เชื่อฟังและนุ่มนวล” เจตนิพัทธ์เขยิบเข้ามาเอ่ยเสียงแผ่วเบาข้างหูมุกดา สูดดมกลิ่นน้ำหอมของมุกดา เขาก็จิตใจฟุ้งซ่านเสียแล้ว
“ถ้าอย่างนั้นคงทำให้คุณชายเจตนิพัทธ์ผิดหวังแล้ว ตั้งแต่ที่ฉันเกิดมาก็ไม่ใช่ผู้หญิงที่อ่อนโยน ว่านอนสอนง่าย ไม่สู้คุณเปลี่ยนเป็นอีกคนไหมคะ ผู้หญิงที่อยู่ฝั่งตรงข้ามนั้นเป็นอย่างไร มองดูแล้วนุ่มนวลเป็นกุลสตรี” มุกดาใช้ปากบุ้ยใบ้ไปทางนารา
“เธอ? ให้ผม ผมก็ไม่เอาหรอก พอแล้ว อย่าพูดไร้สาระอีกเลย อีกครู่หนึ่งพวกคุณสองคนไปกับผมก็พอแล้ว เรื่องอื่นๆ พวกคุณล้วนไม่ต้องเป็นกังวล” เจตนิพัทธ์มองนาราด้วยสีหน้าเหยียดหยามครู่หนึ่ง หลังจากนั้นเขาก็จากไป
มุกดามองเงาร่างเจตนิพัทธ์ที่จากไปแล้วก็ส่งสายตาให้กับธีรนัยน์ ธีรนัยน์จึงไปโทรศัพท์
“ลูกรัก กินเสร็จแล้วสินะ พวกเราจะกลับกันแล้ว” วันนี้ธาราวดีกับบุณยอรล้วนเล่นสนุกกันอย่างเบิกบานใจ คนเหล่านั้นชื่นชมว่าโชคชะตาของทั้งสองคนดี สามีที่หาได้ก็ดี เด็กที่ให้กำเนิดล้วนยอดเยี่ยม ทำให้พวกเธอสองคนแทบจะไม่รู้แล้วว่าตัวเองนามสกุลอะไร
“คุณแม่คะ พวกเรายังสนุกกันไม่พอเลยค่ะ พวกคุณแม่กลับกันไปก่อนนะคะ พวกเราจะมีกิจกรรมต่ออีก” มุกดาออดอ้อนธาราวดี ให้ผู้อาวุโสทั้งสองท่านกลับไปก่อน ไม่อย่างนั้นก็จะเป็นห่วงขึ้นมาอีก
“อ่อ ก็ได้ๆ เด็กๆวัยรุ่นทำความรู้จักกันให้มากหน่อยก็ดี ถ้าอย่างนั้นพวกแม่กลับก่อนนะ พวกลูกเล่นสนุกกันแล้วก็รีบกลับล่ะ!”
ธาราวดีกับบุณยอรล้วนไม่ได้สงสัยอะไร ทั้งสองคนเอ่ยอย่างดีอกดีใจแล้วจากไป
รอจนรถของมารดาตัวเองขับออกไปแล้ว มุกดากับธีรนัยน์ก็กลับไปยังที่นั่งอีกครั้ง วัยรุ่นเหล่านั้นก็กลับกันไปพอสมควรแล้ว แม้ว่าจะมีหลายคนที่ชอบมุกดากับธีรนัยน์มาก ทว่าเมื่อเห็นเจตนิพัทธ์เดินเข้ามา ก็ไม่มีใกล้กล้าหาเรื่องเขา
ชนิศามาถึงข้างกายนารา เธอคล้องแขนนารา สองแม่ลูกบอกลามุกดากับธีรนัยน์ด้วยรอยยิ้มแปลกประหลาด
“พวกเรากลับก่อนล่ะ ไม่รบกวนเรื่องดีๆของพวกเธอแล้ว”
มุกดากับธีรนัยน์ก็ไม่ได้สนใจสองแม่ลูกคู่นี้ นั่งอยู่บนที่นั่งของตัวเอง รอการมาถึงของเจตนิพัทธ์คนนั้น
เจตนิพัทธ์มาปรากฏตัวขึ้นได้ตรงเวลามาก สาวงามสองคนที่ตรงสเปคเขา เขารอมานานมากแล้ว ถ้าหากว่าเป็นยามปกติล่ะก็ เขาคงจะให้คนพาตัวไปนานแล้ว ทว่าผู้หญิงพวกนี้ก็ไม่จำเป็นต้องให้เขาลงมือ หลังจากรู้ฐานะของเขาแล้วล้วนปีนขึ้นเตียงเขาทั้งนั้น
เมื่อเบื่อหน่ายกับพวกที่ว่านอนสอนง่ายแล้ว เจตนิพัทธ์ก็มีความสนใจในตัวหญิงสาวที่มีนิสัยแกร่งกร้าวและหยิ่งในศักดิ์ศรีมากกว่า
“ไปกันเถอะ วันนี้พวกเราสามารถเล่นสนุกกันได้จนฟ้าสว่าง” เจตนิพัทธ์หรี่ตามองสาวงามสองคนขณะเอ่ย
“ได้สิ อย่างนั้นพวกเราก็ไปกันเถอะ” มุกดากับธีรนัยน์ล้วนไม่มีท่าทีหวาดกลัว ทำให้เจตนิพัทธ์รู้สึกว่าผู้หญิงสองคนนี้เสแสร้ง ตอนนี้หลังจากที่รู้ฐานะของตัวเองแล้ว จะต้องปรนนิบัติตัวเองเป็นอย่างดีแน่นอน
“ขึ้นรถของฉันเถอะ” เจตนิพัทธ์ดึงธีรนัยน์กับมุกดาไปทางรถของตัวเอง
“พวกเรามีรถของตัวเองคุณชายเจตนิพัทธ์ให้พวกเราขับรถตามคุณอยู่ด้านหลังเถอะ ไม่อย่างนั้นอีกครู่หนึ่งพวกเรายังต้องให้คุณส่งกลับบ้าน วุ่นวายจะตาย” บนใบหน้าของมุกดาปรากฏรอยยิ้มหวานล้ำ
“เหอะ ไม่ต้องหรอก ผมสามารถให้คนขับรถไปส่งพวกคุณได้ พวกคุณก็อย่ามาเล่นลูกไม้อะไรอีก ผมเจตนิพัทธ์ ก็ไม่ได้ทำตัวแย่ขนาดนั้น เล่นสนุกกันเสร็จแล้ว ผมจะส่งพวกคุณกลับไป” เจตนิพัทธ์กลัวว่าอีกครู่หนึ่ง สองคนนี้จะหนีไป อย่างนั้นเขาก็ต้องใช้อิทธิพลของตัวเองอีก แบบนี้ก็ไม่ค่อยดีเท่าไรนัก นั่นไม่ใช่อิทธิพลของตัวเอง นั่นเป็นอิทธิพลของพ่อเขา
“อย่างนั้นก็ได้” มุกดากับธีรนัยน์แสร้งทำท่าทางจนปัญญา ทำได้เพียงแค่เดินตามเจตนิพัทธ์ไปขึ้นรถของเขา
“คุณชายเจตนิพัทธ์ คุณจะพาพวกเราไปที่ไหนคะ ไปร้านเหล้าหรือว่าไปเปิดห้อง” มุกดาที่นั่งอยู่ที่เบาะด้านหลังถามเจตนิพัทธ์
“ตลกน่ะ ไปร้านเหล้าอะไร เปิดห้องอะไร ตรงไปที่บ้านของผมสิ ในบ้านของผมไม่เลวนะ อะไรก็มีหมด” เจตนิพัทธ์เอ่ยถึงตรงนี้แล้วก็เผยรอยยิ้มชั่วร้ายออกมา ภายในห้องของเขาอะไรก็ล้วนมีหมดจริงๆ และยังมีวิญญาณอาฆาตอีกมากมาย
มุกดากับธีรนัยน์แสร้งทำท่าทางหวาดกลัว ตัวสั่นระริกหลบอยู่ด้านหลังรถและไม่กล้าพูดอะไรอีก เจตนิพัทธ์เห็นว่าทั้งสองคนนิ่งแล้ว ในใจเขาก็ยิ่งรู้สึกได้ใจมากขึ้น
ของเล่นประเภทนี้ยากที่จะได้พบ เขาไม่ได้คิดจะทำให้พวกเธอบาดเจ็บ แต่เตรียมจะเก็บเอาไว้ให้ตัวเองเล่นสนุกสักพักหนึ่ง!
หลังจากอ้อมอยู่นอกเมืองไปรอบหนึ่ง ก็มาถึงสถานที่พักอาศัยของเจตนิพัทธ์แล้ว สถานที่แห่งนี้เปลี่ยวมาก เป็นคฤหาสน์ที่ตั้งอยู่กลางหุบเขาอย่างโดดเดี่ยวแห่งหนึ่ง รอบคฤหาสน์ในระยะหลายสิบลี้ไม่มีบ้านคนแล้ว
“ที่นี่ก็คือบ้านของผม พวกคุณก็ไม่ต้องคิดจะหลบหนี ถ้าหากว่าพวกคุณปรนนิบัติผมจนสบายตัวแล้วล่ะก็ ผมสามารถมอบเงินให้พวกคุณได้มากมาย” เจตนิพัทธ์ไม่ได้สืบฐานะเบื้องหลังของมุกดากับธีรนัยน์แม้แต่น้อย เขาคิดว่าในพระนครมีเพียงแค่เขาที่เป็นลูกพี่ใหญ่
ตอนที่มุกดากับธีรนัยน์เพิ่งจะลงจากรถ ก็มีคนมากมายที่โผล่มาจากไหนไม่รู้มาล้อมพวกเธอสองคนเอาไว้
“ไปเถอะ เข้าไปกัน ไปดูว่าพระราชวังของผมเหมาะที่จะให้พวกคุณอาศัยหรือไม่” เจตนิพัทธ์โบกมือ มุกดากับธีรนัยน์ก็เดินเข้าไปโดยถูกคนล้อมรอบเอาไว้ พูดให้น่าฟังก็คือล้อมรอบเอาไว้ พูดไม่น่าฟังก็คือถูกคุมตัวเข้าไป
ภายในคฤหาสน์นั้นหรูหรามากจริงๆ บนพื้นปูด้วยพรมที่ทำจากหนังเสือ มองดูแล้วทำให้คนรู้สึกหวาดกลัวอยู่บ้าง
ภายในห้องเปิดฮีตเตอร์เอาไว้แล้ว แต่ก็ยังทำให้คนรู้สึกหนาวเหน็บ มุกดาตัวสั่นอย่างอดไม่ได้
“ทำไมหรือ ฮีตเตอร์อุ่นไม่พอ? พวกแก นำตัวคนใช้ที่รับผิดชอบเรื่องฮีตเตอร์ออกไปเสีย!” เจตนิพัทธ์เห็นมุกดาตัวสั่น ก็สั่งให้คนไปจัดการคนใช้ให้ตายทันที
“ไม่เป็นไรๆ ฉันไม่หนาว เพียงแค่เพิ่งจะเข้ามาจึงยังไม่คุ้นชิน” มุกดารีบอธิบาย แต่ว่าการอธิบายของเธอกอบกู้ชีวิตคนรับใช้คนนั้นกลับคืนมาได้แม้แต่น้อย
ถือว่าธีรนัยน์กับมุกดาได้เห็นความโหดร้ายทารุณของเจตนิพัทธ์แล้ว เขาอาศัยสิ่งใด ก็คืออิทธิพลของบิดาผู้มีตำแหน่งสูงและมากไปด้วยอำนาจผู้นั้น เขาจึงไม่เห็นค่าชีวิตของคนพวกนี้สินะ?
“พวกคุณนั่งลงเถอะ!” เจตนิพัทธ์ให้มุกดากับธีรนัยน์นั่งที่โซฟา เดิมโซฟาตัวสีขาวก็ไม่ได้มีอะไร แต่ของประดับตกแต่งที่อยู่โต๊ะน้ำชาที่อยู่ข้างโซฟานั้นกลับทำให้มุกดารู้สึกมวนท้องขึ้นมา