กระเพาะของมุกดารู้สึกมวนขึ้นมา เมื่อเห็นเห็นของประดับตกแต่งที่วางอยู่บนโต๊ะน้ำชาตัวนั้นแล้วก็อยากจะอาเจียนจริงๆ
ธีรนัยน์เห็นของประดับตกแต่งนั้นแล้ว นัยน์ตาก็เจือไปด้วยกลิ่นอายสังหารในทันที ผู้ชายคนนี้โรคจิตจริงๆ!
ของประดับตกแต่งชิ้นนั้นเหมือนมือของหญิงสาวที่ประนมเข้าหากันเป็นลักษณะดอกบัว สีเนื้อยังไม่เปลี่ยน เพียงแต่ผ่านการจัดการทำความสะอาดมาแล้ว ในมือยังประคองลูกบอลคริสตัลเอาไว้ลูกหนึ่ง
“มือคู่นี้สวยมากใช่ไหม เป็นมือที่สวยที่สุดที่ผมเคยพบมาเลยคู่หนึ่ง ผมหาอยู่นานมาก กว่าจะหาคนแบบนี้พบ” เจตนิพัทธ์ให้คนรินน้ำให้กับมุกดาและธีรนัยน์ เขาเดินมานั่งลงตรงข้ามทั้งสองคน
“คุณคงไม่ได้ตัดออกมาจากมือของคนที่ยังมีชีวิตอยู่หรอกนะ” ธีรนัยน์เอ่ยถามด้วยใบหน้าเย็นชา
“คุณก็เป็นคนในวงการเช่นกันสินะ มือคู่นี้จำเป็นต้องตัดมาจากร่างของคนที่ยังมีชีวิตอยู่ ทั้งยังต้องให้เธอทำท่าแบบนี้ด้วย หลังจากนั้นก็ค่อยๆเลื่อยออกมา โดยที่ไม่สามารถเปลี่ยนท่าได้ ไม่อย่างนั้นก็จะไม่สวยแล้ว” เจตนิพัทธ์ยกมือคู่นั้นขึ้นมาแล้วจุมพิตแผ่วเบา
การกระทำที่น่าคลื่นไส้ของเขาทำให้ธีรนัยน์อยากอ้วกบ้างแล้ว
“ผมยังมีงานศิลปะร่างกายมนุษย์อีกมาก พวกคุณสนใจจะชมสักหน่อยไหม” เจตนิพัทธ์วางมือคู่นั้นลงไปที่เดิม เขาเอ่ยกับทั้งสองคนอย่างให้ความสนใจ
“ไม่สนใจจะดูของโรคจิตแบบนั้น!” ตอนนี้ธีรนัยน์ก็ไม่สามารถอดกลั้นต่อไปได้แล้ว มือของเธอกำหมัดแน่นอยู่หลายครั้ง ถ้าไม่ใช่เพราะมุกดาดึงเธอเอาไว้ล่ะก็ หมัดของเธออาจจะชกไปบนหน้าของเจตนิพัทธ์แล้ว
“ฮ่าๆๆ โรคจิต ผมชอบคำนี้ ผมก็รู้สึกว่าผมโรคจิต ชีวิตแบบนี้น่าเบื่อมาก ถ้าหากว่าไม่โรคจิตล่ะก็ อย่างนั้นพวกเราก็ไม่มีความสุขอะไร ไปเถอะ ตามผมเข้าไปในห้อง ผมรอมานานมากแล้ว ผมต้องการจะเล่นสนุกสักหน่อย” สายตาที่มองมายังเด็กสาวสองคนของเจตนิพัทธ์เป็นประกาย
“ได้!” มุกดาพยักหน้า
เจตนิพัทธ์พอใจท่าทีของมุกดามาก เขาเดินนำอยู่ด้านหน้า มุกดากับธีรนัยน์ตามอยู่ด้านหลัง ไม่รู้ว่าที่ใดภายในห้องมีบอดี้การ์ดด้วย ธีรนัยน์รับรู้ได้ถึงลมหายใจของผู้คนมากมาย
“คุณชายเจตนิพัทธ์ตอนที่พวกเราเล่นสนุกกัน จะให้คนมาดูด้วยไหม” มุกดาเอ่ยถามด้วยสีหน้าท่าทางน่ารัก
“ไร้สาระ พวกเราทำเรื่องแบบนั้นกันแล้วจะให้คนมาดูได้อย่างไร ผมยังไม่โรคจิตถึงขนาดนั้น” เจตนิพัทธ์ได้ยินคำพูดของมุกดา เขาก็รู้สึกโมโหขึ้นมาบ้างแล้ว แม้ว่าเขาจะชั่วร้าย แต่ก็เป็นคนที่มีขอบเขต ไม่ใช่ว่าอะไรก็ให้ลูกน้องของตัวเองเห็นหมด ยิ่งไปกว่านั้นตัวเองก็ยังมีข้อบกพร่อง!
มุกดาเผยสีหน้าผิดหวังออกมา ทำให้เจตนิพัทธ์นึกว่าเธอเกิดความสนใจในเรื่องราวลำดับต่อไปเป็นอย่างมาก
เมื่อเปิดประตูห้อง ด้านในเต็มไปด้วยกลิ่นหอมของไม้จันทน์ที่ทำให้รู้สึกอุดอู้ ธีรนัยน์รีบส่งยาให้กับมุกดาเม็ดหนึ่ง มุกดาอาศัยช่วงเวลาที่เจตนิพัทธ์ไม่ทันได้สังเกตกินยาเม็ดนั้นเข้าไป
กลิ่นไม้จันทน์แรงเกินไป ภายในห้องทำให้คนแทบจะหายใจไม่ออก
“คุณชายเจตนิพัทธ์ ข้างในห้องคุณอับมาก!” มุกดานวดขมับ เอ่ยอย่างไร้เรี่ยวแรง
“ตอนนี้คุณก็รู้สึกอึดอัดแล้ว อีกครู่หนึ่งกลิ่นนี้ก็จะเป็นกลิ่นที่ดีที่สุด ภายในห้องของผมสบายมากใช่หรือไม่!” เจตนิพัทธ์เปิดไฟ มุกดากับธีรนัยน์ถึงได้เห็นการตกแต่งภายในห้อง
ภายในห้องขนาดใหญ่ห้องหนึ่ง ในตู้ที่อยู่บนกำแพงมีของต่างๆนานา แน่นอนว่าไม่ใช่โบราณวัตถุและกระเบื้องอะไร แต่เป็นแส้หนัง เทียน เชือกขด มีด และสิ่งอื่นๆ
เจตนิพัทธ์เดินไปถึงตู้ใบนั้น เขาหยิบแส้ขึ้นมาเส้นหนึ่ง มอบให้กับมุกดา และส่งเทียนให้กับธีรนัยน์
“พวกเรามาเริ่มกันเถอะ ผมจะถอดเสื้อผ้า คุณมาฟาดผม ส่วนคุณก็หยดน้ำตาเทียนลงบนบาดแผลของผม!” ดวงตาของเจตนิพัทธ์แดงก่ำ รู้สึกตื่นเต้นมากอย่างน่าประหลาด
ที่แท้ก็เป็นมาโซคิสม์คนหนึ่ง ให้ฟาดเขาก็ไม่ยาก มุกดาพึงพอใจมากเช่นกัน
เจตนิพัทธ์ถอดเสื้อผ้าของตัวเอง รวมไปถึงกางเกงบ็อกเซอร์ด้วย เขานอนคว่ำอยู่บนพื้น รอให้มุกดาฟาดเขา
มุกดาลูบไปบนแส้หนังเส้นนั้น ใช้เส้นเอ็นแก้วของวัวทำ เมื่อเห็นบนโต๊ะน้ำชามีแก้วน้ำวางอยู่แก้วหนึ่ง เธอก็ราดน้ำลงบนแส้หนัง
“คุณชายเจตนิพัทธ์ ฉันมาแล้ว!” มุกดาเอ่ย จากนั้นแส้หนังก็ฟาดลงบนร่างของเจตนิพัทธ์
“เพี๊ยะๆ!” ตามด้วยเสียงของแส้หนังที่ดังขึ้น ร่างกายของเจตนิพัทธ์ถูกฟาดจนถลอกปอกเปิก
“ว้าว วันนี้คุณใช้อะไรน่ะ สบายมากเลย อีกครู่หนึ่ง ผมก็จะฟาดคุณแบบนี้เหมือนกัน!” เจตนิพัทธ์เอ่ยอย่างตื่นเต้น
มุกดาได้ยินว่าอีกครู่หนึ่งจะฟาดเธอด้วย ก็มาดูว่าเธอจะไม่ฟาดเขาจนสลบได้ไหม!
มุกดาใช้แรงทั้งหมดฟาดลงไปบนแผ่นหลัง แขนและขาของเจตนิพัทธ์อยู่ครู่หนึ่ง
มือของธีรนัยน์ถือเทียนเอาไว้ หยิบขวดออกมาจากในกระโปรงของเธอขวดหนึ่ง หยดลงบนเทียน หลังจากนั้นก็หยดน้ำตาเทียนลงบนบาดแผลของเจตนิพัทธ์
เจตนิพัทธ์รู้สึกว่าครั้งนี้สบายอย่างไร้ที่ติ เขาสายตาดีจริงๆ ที่หาคนที่เล่นสนุกเป็นจริงๆ ทั้งยังช่ำชองอย่างสองคนนี้พบ ทำให้ตัวเองรู้สึกสบายเป็นอย่างมาก
ถูกฟาดจนถลอกปอกเปิกไปทั้งตัว เขาพลิกตัวกลับมาให้ธีรนัยน์และมุกดาได้เห็นด้านหน้า
คนคนนี้เป็นขันที! ร่างกายของเจตนิพัทธ์มีข้อบกพร่องอันร้ายแรง น้องชายของเขาเล็กมาก มีขนาดใหญ่เท่ากับเด็กอายุห้าหกขวบ
“ตอนนี้พวกคุณเห็นข้อบกพร่องของผมแล้ว ดังนั้นพวกคุณก็ไม่สามารถจากไปได้ ตอนนี้มีเพียงแค่สองทาง ทางแรกก็คือเล่นสนุกเป็นเพื่อนผมชั่วชีวิต ส่วนอีกทางหนึ่งก็คือตาย!” เจตนิพัทธ์นอนอยู่บนพื้น ขณะเอ่ยธีรนัยน์กับและมุกดา
“แต่ว่าพวกเราไม่อยากเลือกเส้นทางใดทั้งนั้น พวกเราจะไป พวกเราจะต้องมีชีวิตอยู่!” ธีรนัยน์หยิบเทียนวาดลงบนแผงอกของเจตนิพัทธ์รอบหนึ่งอย่างอดกลั้นต่ออาการคลื่นไส้
“ฮ่าๆๆ มาถึงที่ของผมแล้ว ยังไม่เคยมีใครเดินออกไปดีๆได้จริงๆ ถ้าไม่ตายก็พิการ พวกคุณสองคน แม้ว่าจะรูปร่างหน้าตางดงาม ทว่าพูดจาใหญ่โตเสียจริง เชื่อหรือไม่ว่าผมจะ…” ตอนที่เจตนิพัทธ์ยังคิดจะเอ่ยพูดอะไรอีก กลับพบว่าตัวเองพูดไม่ออกเสียแล้ว เขายื่นมือไปเกาที่ลำคอตัวเอง ในลำคอมีอะไรอยู่ไม่รู้ ทำให้เขารู้สึกทรมานเป็นอย่างมาก
“เจตนิพัทธ์ คุณทำร้ายเด็กสาวมามากพอแล้ว คุณไม่รู้จักคำโบราณของจีนประโยคหนึ่งที่เอ่ยเอาไว้ว่า ไม่ใช่ว่าไม่ส่งผล เพียงแต่ยังไม่ถึงเวลา พวกเราจะทวงความยุติธรรมให้กับเหล่าพี่สาวน้องสาวเอง แม้ว่าคุณพ่อของคุณจะมีอำนาจ แต่ก็ไม่เป็นไร ถ้าหากว่าเขากล้าเข้ามาก้าวก่าย ฉันก็ไม่เสียดายที่จะดึงเขาลงมาด้วยกัน!” มุกดาย่อตัว ตบลงไปบนใบหน้าของเจตนิพัทธ์
เจตนิพัทธ์อยากจะพูดอะไร แต่กลับพูดอะไรไม่ออก อยากจะลุกขึ้นมาต่อยคน แต่บาดแผลทั่วทั้งร่างคันคะเยอ ไร้เรี่ยวแรง เขาคิดไม่ถึงว่าตัวเองจะถูกลูกไม้ของสาวงามสองคนนี้เล่นงานเข้า
ธีรนัยน์เดินเข้าไป เตะลงบนใบหน้าของเจตนิพัทธ์ยกหนึ่ง และยังมีจุดที่เจตนิพัทธ์บกพร่อง ซึ่งธีรนัยน์ก็ไม่ได้ปล่อยผ่านไป ผู้ชายคนนี้ชั่วร้ายเกินไปแล้วจริงๆ!
เจตนิพัทธ์ถูกจัดการเสียจนเลือดท่วมร่าง แต่กลับไม่มีเรี่ยวแรงจะต่อต้าน คนที่อยู่ด้านนอกได้ยินเสียงต่อสู้จากด้านในก็ล้วนเคยชินแล้วเช่นกัน เจ้านายของพวกเขามักจะเป็นแบบนี้
“ไม่ดีแล้วๆ คฤหาสน์ของพวกเราถูกตำรวจล้อมเอาไว้แล้ว พวกเราจะทำอย่างไรกันดี จะบอกกับคุณชายสักหน่อยไหม!” มีคนวิ่งเข้ามาจากประตูด้วยท่าทางร้อนรน