ส่วนแผ่นหลังที่จนตรอกของธีรเมทนั้น ชลธีไม่ได้สนใจเลยแม้แต่นิด ตอนนี้สิ่งที่เขาสนใจมากเลยก็คือใบหน้าที่งดงามนั้นของมุกดา
แม่หนูคนนี้หน้าตาดูดีมาก เพียงแต่เธอทำปากยื่นทำไม? ต้องเป็นเพราะว่าเมื่อกี้ธีรเมททำให้เธอโกรธแน่ ๆ
“ประธานชลธี คุณลืมไปแล้วเหรอคะว่าฉันไม่ได้เป็นพนักงานบริษัทฮอนดากรุ๊ปของพวกคุณอีกแล้ว ฉันถูกไล่ออกมาแล้ว คุณค่อย ๆ เดินเล่นแล้วกันนะคะ ฉันไปก่อนล่ะ” มุกดาคิดถึงเพื่อนสนิทของเธอจันวิภาที่ยังอยู่กับทศพร เธอค่อนข้างรู้สึกเป็นกังวลใจ กลัวว่าเพื่อสนิทจะถูกเอาเปรียบแล้ว
มุกดาไม่อยากจะเจอชลธีเลยจริงๆ ถึงแม้เขาจะดูเหมือนยอดมนุษย์ ทุกครั้งเวลาที่ตนเองลำบาก เขาก็มักจะออกมาปรากฏตัวทุกครั้งเลย เพียงแต่ลิ้นอาบยาพิษของเขาทำร้ายจิตใจของมุกดามากเกินไปแล้ว
“เดี๋ยวก่อน ใครไล่เธอออก? ในบริษัทฮอนดากรุ๊ปยังมีคนที่มีสิทธิ์พูดมากกว่าผมอีกเหรอ? ผมยังไม่ได้เอ่ยปาก ก็มีคนกล้าไล่พนักงานของผมแล้ว? วางใจเถอะ ผมยังมีสิทธิ์พูดในบริษัทฮอนดากรุ๊ปอยู่ ไม่มีใครไล่เธอออกแล้วล่ะ จดไว้ด้วยว่าพรุ่งนี้เช้าให้กลับไปทำงาน ส่วนวันนี้ก็พอเถอะ” ท่าทางของชลธีดูราวกับคนดี
“พรุ่งนี้ฉันกลับไปทำงานได้แล้วเหรอคะ?” พอมุกดาได้ยินว่าเธอจะได้กลับไปทำงานที่บริษัทฮอนดากรุ๊ปอีกครั้ง ท่าทีของเธอก็ดีขึ้นมากเลย เพราะเมื่อมองดูแล้วทั่วทั้งพระนครมีแค่บริษัทฮอนดากรุ๊ปที่เงินเดือนและสวัสดิการดีที่สุด หลังจากสองปีให้หลังเธอจะต้องหย่าขาดจากสามีคนปัจจุบัน แล้วก็ต้องเลี้ยงดูตัวเอง ดังนั้นบริษัทฮอนดากรุ๊ปจึงเป็นหน่วยงานที่ดีที่สุดอย่างไม่ต้องสงสัย
“อย่างไรเสียถ้าไม่ไปทำงานก็คือขาดงาน เธอลองคิดไตร่ตรองเอาเองว่าควรทำอย่างไร” ชลธีมองผมที่นุ่มสลวยของมุกดา แล้วก็เกิดความรู้สึกอยากเข้าไปลูบเสียจริง ไม่ได้กลับไปตั้งหลายวันแล้ว ไม่ว่าเขาหรือว่าร่างกายบางส่วนของเขาต่างก็รู้สึกคิดถึงมุกดามาก
แต่เขาก็ยังคิดว่าควรจะอดทนไว้ ผ่านมาแล้วตั้งยี่สิบแปดปี แต่ตอนนี้กลับไม่สามารถควบคุมตัวเองได้เลยสักนิด
“ค่ะ ๆ ได้ค่ะ วันพรุ่งนี้ฉันจะต้องไปทำงานตรงเวลาแน่นอน” ฉับพลันนั้นจิตใจของมุกดาในวันนี้ก็พลันดีขึ้นมาแล้ว
พอพูดจบ มุกดาที่ยังสวมชุดกระโปรงอยู่บนร่างก็คิดที่จะไปหาจันวิภาเธอเองก็ลืมไปแล้วว่าตัวเองยังสวมชุดลองใส่อยู่เลย
“เอ๊ะ” เมื่อพนักงานขายมองเห็นมุกดาเดินไปแล้ว เธอก็รีบตามออกมาทันที
“มีอะไรเหรอ?” ชลธีมองเธอแล้วถาม
“ประธานชลธี คุณผู้หญิงท่านนั้นยังไม่ได้จ่ายเงินเลยค่ะ” เมื่อพนักงานขายคนนั้นพูดจบก็พยักหน้าให้ชลธี
“ไม่ต้องแล้ว ฉันจ่ายก็พอ หลังจากนี้ไปหากเธอมาอีก ก็เอาแบบชุดตัวใหม่ล่าสุดให้กับเธอ ส่วนเรื่องเงินจำไว้ว่าให้มาเอาที่ฉัน แต่ว่า อย่าให้เธอรู้ว่าเป็นคนเป็นคนจ่ายเงินเป็นอันขาด พวกเธอหาวิธีกันเอาเอง” พอชลธีพูดจบแล้ว จึงได้เดินจากไป
พนักงานขายอ้าปากไม่ยอมหุบมาโดยตลอด เมื่อสักครู่ผู้คนนั้นหน้าตาไม่ได้จัดว่าสวยมากนะ แต่ทำไมถึงได้รับการดูแลเอาใจใส่จากประธานชลธีเป็นอย่างดีล่ะ? ช่างโชคดีจริง ๆ เลย ต้องเอาเรื่องซุบซิบนี้ออกไปแบ่งปันเสียแล้ว
เธอจึงวิ่งไปอย่างยินดีแล้วเล่าข่าวซุบซิบนี้ให้เพื่อนร่วมงานของตัวเองฟัง
“ผู้หญิงอย่างเธอนี่นะ ฉันอุตส่าห์ดูแลเธอด้วยความหวังดีตั้งหนึ่งคืน แต่เธอกลับตีคนโดยไม่แยกแยะถูกผิดเสียก่อน วันนี้ฉันจับเธอไว้ได้แล้ว เธอหนีไม่รอดแล้วล่ะ” ทศพรโอบกอดจันวิภาไว้ในอ้อมแขนอย่างแน่นหนา
จันวิภาขัดขืนไม่ได้ เธอจึงแสร้งทำสีหน้าที่ดูน่าสงสารออกมา
“พี่ชาย ทั้งหมดนั้นเป็นเพราะฉันไม่ดีเอง ฉันก็ขอโทษคุณไปแล้ว ฉันตบไปหนึ่งฉาด หรือว่าให้คุณตบกลับดี? มาเถอะ” จันวิภาเคลื่อนใบหน้าของตัวเองเข้าไปใกล้ แต่กลับหลับตาแน่น
ตบกลับมาเถอะ ยังดีกว่าการที่ต้องถูกเขาก่อความวุ่นวายในวันหน้า ในใจของจันวิภาคิดเอาไว้แบบนี้
แต่ทว่าทศพรกลับถูกเธอทำให้ขำเสียแล้ว คนอย่างเขาทศพรเนี่ยนะ? จะตบกลับได้!
แต่ทศพรก็ยังคงยื่นมือออกไปหาใบหน้าของจันวิภาจริง ๆ เขามองดูผิวอมชมพูของเธอ ฉับพลันนั้นก็เกิดความคิดที่จะอยากจะเข้าไปสัมผัส
ฝ่ามือใหญ่อุ่นร้อนลูบไปที่ใบหน้าของตน ชั่วขณะนั้นจันวิภาก็ตกใจ เธอรีบลืมตามองดูทศพร
“คุณทำอะไรน่ะ?” จันวิภาระแวดระวังเตรียมพร้อมอยู่เต็มเปี่ยม
“ตบกลับไง” ทศพรเอ่ย เขารู้สึกว่าผิวของจันวิภานั้นเนียนเรียบ ไม่รู้ว่าใช้เครื่องสำอางอะไร รวมถึงกลิ่นน้ำหอมที่อยู่บนตัวของเธอไม่รู้ว่ายี่ห้ออะไร หอมจริง ๆ เดี๋ยวอีกสักพักค่อยถาม จะได้แนะนำให้คุณแม่ใช้
ทศพรแอบลอบยิ้มแล้วลูบไล้ไปหนึ่งที ถึงแม้ว่าจะรู้สึกไม่หนำใจ แต่ถึงกระนั้นก็ต้องปล่อยมือ
พอสัมผัสได้ว่าตัวเองถูกปล่อยแล้ว จันวิภาก็รีบรักษาระยะห่างกับทศพร “เอาล่ะ คุณเองก็ตบกลับแล้ว อย่างนั้นพวกเราสองคนก็หายกัน คุณเองก็ห้ามมายุ่งกับฉันอีก” จันวิภาจะเดินออกไปแล้ว มุกดายังอยู่กับผู้ชายเฮงซวยคนนั้น เธอไม่วางใจจริง ๆ
“เอ๊ะ ฉันของถามหน่อย เธอใช้น้ำหอมยี่ห้ออะไรน่ะ?” ทศพรถามไล่หลังเธอ
จันวิภาหยุดเดินแล้ว เธอหันกลับไปบอกกับทศพรด้วยความเมินเฉยเป็นอย่างมาก “กูไม่เคยใช้น้ำหอม”
แล้วมุกดากับจันวิภาก็ได้เจอกันระหว่างทาง ทั้งสองรีบเข้าไปกอดกันทันที ราวกับไม่ได้พบเจอกันมาแสนนาน
“เป็นอย่างไรบ้าง? เขาไม่ได้ทำอะไรเธอใช่ไหม?”
“เป็นอย่างไรบ้าง? เขาไม่ได้ทำอะไรเธอใช่ไหม?” ทั้งสองผละออกจากกันแล้วตรวจดูซึ่งกันและกันเล็กน้อย
“เปล่า ฉันสบายดีมาก” มีหลายคำพูดที่ไม่อยากพูดในเวลานี้ เพียงแค่พูดอย่างเรียบง่าย
พอเห็นว่าต่างคนต่างก็ไม่เป็นอะไร มุกดากับจันวิภาจึงได้ตัดสินใจหาอะไรกิน เพื่อให้สงบลง
“ชล ฉันรู้สึกว่าผู้หญิงสองคนนี้น่าสนใจมากเลย” ไม่ไกลนัก ชลธีกับทศพรกำลังมองดูผู้หญิงทั้งสองที่ทั้งร้องไห้ทั้งหัวเราะอยู่ ในใจนั้นเต็มเปี่ยมไปด้วยความอิจฉา
“ไปเถอะ จะให้ฉันเลี้ยงเหล้าไม่ใช่เหรอ?” จิตใจของชลธีดีขึ้นมาไม่น้อย เมื่อพามุกดากลับไปทำงานได้แล้ว ชีวิตของเขาก็คงจะสนุกขึ้นไม่น้อย เพราะผู้หญิงคนนี้น่าสนใจมากจริง ๆ
มุกดาหอบข้าวของตัวเองกลับมาที่บริษัทฮอนดากรุ๊ป เธอมาเช้ามากเพราะไม่อยากดึงดูดความสนใจของผู้คน
เมื่อวางข้าวของตัวเองเสร็จแล้ว ก็เริ่มทำความสะอาดห้องทำงาน
พอได้กลับมาที่บริษัทฮอนดากรุ๊ปใหม่อีกครั้ง เธอก็รู้สึกดีใจมาก เลยอดที่จะฮัมเพลงไม่ได้ เมื่อกวาดพื้นเสร็จแล้ว ก็ได้เริ่มถูพื้นต่อ
ในเวลานี้ก็มีคนเข้ามาเรื่อย ๆ แต่พอเห็นมุกดากำลังถูพื้นอยู่ ส่วนใหญ่ต่างก็มองเธอแวบหนึ่ง
ผู้หญิงคนนี้มีที่มาที่ไปอย่างไร? ถึงได้ทำให้ผู้อำนวยการไวพบที่ทำงานในบริษัทฮอนดากรุ๊ปมาแล้วถึงสิบปีถูกไล่ออกอย่างกะทันหัน ต่อไปหาเรื่องให้น้อยหน่อยจะดีกว่า
เพียงแต่มีบางคนที่ไม่กลัวตาย อย่างเช่นพี่ลิลลี่คนนี้ เธอไม่กลัวตายอย่างมาก อาศัยว่าตัวเองอยู่ในครอบครัวที่ค่อนข้างมีเงินในพระนคร เธอจึงรู้สึกดูถูกมุกดาเป็นอย่างมาก
“โธ่เอ๊ย ช่างลำบากเสียจริงนะ ยังจะถูพื้นอีก? พวกเรารู้สึกทนดูไม่ได้นิดหน่อยแล้ว” พี่ลิลลี่เดินไปอยู่ด้านข้างมุกดา แล้วพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาที่แฝงไปด้วยความถากถาง วางกระเป๋าของตัวเองไว้บนโต๊ะ ยกมือขึ้นกอดอก แล้วมองดูมุกดา
มุกดายังคงถูพื้นต่อไป เธอไม่ได้ตอบพี่ลิลลี่ บอกตามตรง ก็ไม่รู้ว่าควรจะตอบรับอย่างไรดี ดังนั้นเลยคิดว่าอย่าไปหาเรื่องจะดีกว่า
แต่ว่าพี่ลิลลี่คนนี้กลับอวดดีมาก พอเธอเห็นมุกดาไม่สนใจตัวเอง ในใจก็เต็มไปด้วยความโกรธ แล้วเดินไปตรงที่มุกดาถูพื้น จากนั้นเหยียบลงไปหลายรอย