ครั้งนี้ธีรเมทออกไปค่อนข้างนานมากจริงๆ พวกของกินดื่มที่เขาเตรียมเอาไว้ให้มุกดาถูกวางอยู่บนหัวเตียง
ภายใต้วันเวลาที่มืดมิด เหมือนกับถูกกักบริเวณอย่างไรอย่างนั้น ตัวเองก็ยังมองไม่เห็น คิดจะหนีออกไปนั้นเป็นเรื่องสิ้นเปลืองแรงอย่างหนึ่ง
มุกดาคลำเส้นทางในสถานที่ที่ตัวเองพักหมดแล้ว เป็นห้องใต้ดินห้องหนึ่ง กระทั่งหน้าต่างก็ไม่มีสักบาน เธอเดินไปได้ระยะหนึ่ง แต่กลับไม่รู้ว่าตัวเองจะเดินไปถึงไหน สุดท้ายเธอก็เลือกกลับมาที่ข้างเตียง ไม่มีใครพูดอะไร ไม่มีเสียงใดๆ รอบด้านล้วนมืดสนิท เย็นยะเยือก
อนุชิตนำจิรกิตติ์และคนอื่นๆตามหาไปทั่วทุกที่ในเขตชานเมืองแล้ว แต่ก็ยังหาร่องรอยของมุกดาไม่พบ
“ทำอย่างไรดี นี่ฝังมุกดาเข้าไปในดินหรือ พวกเราหาบนดินอย่างไรก็หามุกดาไม่พบ คุณถามธีร์ธวัชแล้วหรือยัง” จิรกิตติ์ถามอนุชิต
“ผมถามเขาแล้ว เขาพูดว่าไม่รู้อะไรทั้งนั้น เขาเอ่ยทักทายมุกดา และยังถามเธอด้วยว่าจะนั่งรถของตัวเองไหม มุกดาปฏิเสธ ตัวเขาก็ขับรถออกไป แต่ว่าตอนนี้รถของมุกดากลับจอดนิ่งอยู่ในลานจอดรถ โทรศัพท์มือถือก็ปิด” อนุชิตตรวจสอบเบาะแสทั้งหมดไปรอบหนึ่งแล้ว
“ผมจะไปตรวจดูสักหน่อย รถของมุกดาเคยถูกขับออกไป แต่ในภายหลังกลับมาปรากฏขึ้นหน้าประตูลานจอดรถอย่างน่าประหลาด พนักงานรักษาความปลอดภัยเห็นว่ารถคันนั้นขวางทาง จึงเปิดประตูรถและขับเข้าไป นั่นก็หมายความว่า พนักงานรักษาความปลอดภัยขับรถคันนั้นเข้าไป สำหรับที่ว่ามาอยู่ที่หน้าประตูลานจอดรถได้อย่างไร ทุกคนล้วนไม่รู้ กล้องวงจรปิดที่อยู่ด้านบนก็ไม่ได้แสดงให้เห็นอะไร” ทศพรก็ตรวจสอบอย่างละเอียดมากเช่นกัน แต่ว่ารถคันนั้นมาถึงลานจอดรถได้อย่างไร กลับตรวจสอบไม่พบ
ยังมีอีกเรื่องที่ทำให้ทุกคนวิตกกังวล นั่นก็คือจนถึงตอนนี้ก็ยังตามหาชลธีไม่พบ ผ่านไปหลายวันแล้ว สติปัญญาเขาก็เสียหาย ถ้าหากว่าถูกคนหลอกไปหรือว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น จะอธิบายกับนีรชาได้อย่างไร ตระกูลสุวรรณเลิศนั้นไม่สงบเลยจริงๆ
“ใช่แล้ว บ่ายวันนี้มีการประชุมหนึ่ง ผมสงสัยคนคนหนึ่ง ดูว่าวันนี้ตอนบ่าย คนคนนี้จะมาหรือไม่ ถ้าหากว่าไม่มาล่ะก็ คนคนนั้นก็จะน่าสงสัยมากที่สุด” อนุชิตครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วเอ่ยกับทุกคน
“ผมก็คิดถึงคนคนนั้น ก่อนหน้านี้ไม่กี่วัน คนคนนั้นไปทำงานนอกสถานที่ที่ใดกัน แต่กลับมีคนเห็นเขาปรากฏตัวขึ้นในตึกร้างแห่งหนึ่ง” ดูเหมือนว่าประวีร์จะนึกอะไรขึ้นมาได้
“ถ้าอย่างนั้นพวกเราก็ไม่ต้องไปสืบค้นชั่วคราว ดูการประชุมในบ่ายวันนี้ก่อนแล้วค่อยว่ากัน” ทศพรก็เดาว่าเป็นคนที่สองคนนั้นเอ่ยถึง แต่ก็ต้องดูสถานการณ์ก่อนค่อยว่ากันอีกที
เวลาในการประชุมช่วงบ่ายใกล้จะมาถึงแล้ว การประชุมใหญ่ในวันนี้บังคับให้นิติบุคคลของวิสาหกิจขนาดใหญ่ทุกคนเข้าร่วม การประชุมแบบนี้ก็เป็นการยอมรับและสัญลักษณ์ของตำแหน่งอย่างหนึ่ง ดังนั้นจะไม่มีใครที่ขาดการประชุมโดยไร้สาเหตุ
ตอนที่ประวีร์ อนุชิต และทศพรมาถึงห้องประชุม และหาที่นั่งของตัวเองเรียบร้อยแล้ว ตำแหน่งที่นั่งของทั้งสามคนใกล้กันมาก ทุกคนล้วนมองไปยังตำแหน่งที่มีชื่อแปะอยู่ครู่หนึ่งโดยไม่เอ่ยอะไรออกมาก็เข้าใจกัน คนคนนั้นยังไม่มา
คนค่อยๆทยอยมากันมากยิ่งขึ้น แต่ว่าตำแหน่งที่นั่งตรงนั้นยังว่างเปล่า ทำให้ใจของประวีร์และคนอื่นถูกแขวนเอาไว้
การประชุมเริ่มต้นแล้ว พิธีกรให้ผู้ที่รับผิดชอบอย่างเป็นทางการเริ่มเอ่ยพูด อนุชิตหยิบโทรศัพท์ออกมา เตรียมโทรออกไป ทว่าตอนนี้กลับมีคนคนหนึ่งเดินเข้ามาอย่างรวดเร็ว และนั่งลงบนตำแหน่งที่ทุกคนล้วนให้ความสนใจเป็นอย่างมาก พร้อมเอ่ยขอโทษทุกคน พลางบอกว่ารถน้ำมันหมด
เมื่อเห็นคนคนนั้นมาถึงแล้ว แววตาของทุกคนก็ยิ่งมีความไม่เข้าใจมากยิ่งขึ้น คนคนนั้นมาแล้ว เขามาจากที่ใดกัน เป็นคำถามหนึ่งเช่นกัน อนุชิตให้ลูกน้องของตัวเองไปตรวจสอบว่าธีรเมทมายังสถานที่ประชุมจากที่ไหน
ธีรเมทนั่งลง เขามองเห็นอนุชิตและคนอื่นๆ ทั้งยังเอ่ยทักทายพวกเขาอย่างเป็นมิตร หลังจากนั้นก็ฟังผู้นำเอ่ยพูดต่อไป
เสียงโทรศัพท์ของอนุชิตดังขึ้น มีคนส่งข้อความและคลิปวิดีโออีกหนึ่งมาให้เขา ธีรเมทออกมาจากบริษัทของตัวเองเพื่อมาประชุม กลางทางน้ำมันหมดจริงๆ จึงให้รถมาลากไปที่ปั๊มน้ำมัน ถึงได้ทำให้ล่าช้า
อนุชิตดูคลิปวิดีโอกับข้อความนั้นจบแล้ว คิ้วของเขาก็ขมวดเป็นปม หรือว่าพวกเขาจะเดาผิดไป?
“รีบไปตรวจสอบดูสิว่าระยะนี้ธีรเมทไปที่ไหนมาบ้าง สิบนาทีหลังจากนี้ก็ส่งผลลัพธ์มา” อนุชิตใช้บอดี้การ์ดที่มีประสิทธิภาพมากที่สุดของตัวเอง การประชุมยังคงดำเนินต่อไป แต่ตอนที่อนุชิตส่งคลิปวิดีโอและข้อความไปให้ประวีร์กับทศพร ทุกคนล้วนอารมณ์ไม่ดี นี่มันเรื่องอะไรกันแน่ เห็นอยู่ชัดๆว่าธีรเมทนั้นน่าสงสัยมากที่สุด แต่ว่าตอนนี้ดูแล้วเขากลับมีท่าทางเหมือนกับผู้บริสุทธิ์มากที่สุด
ลูกน้องของประวีร์ก็ส่งข้อความให้ประวีร์ บอกว่าระยะนี้ธีรเมทล้วนอยู่ที่บริษัท ไม่ได้ออกไปสถานที่อื่นๆ รวมไปถึงลูกน้องของทศพรก็สืบค้นไม่พบว่าธีรเมทมีพฤติกรรมนอกลู่นอกทางอะไร ดูเหมือนว่าก่อนหน้านี้จะไปทำงานนอกสถานที่ และมีรูปที่เขาไปต่างถิ่นด้วยเช่นกัน
เรื่องราวซับซ้อนมากขึ้นเรื่อยๆ ถ้าหากไม่ใช่ธีรเมทล่ะก็ อย่างนั้นจะเป็นใคร? ธีร์ธวัชก็อยู่ที่บริษัทตลอดเวลา นั่นเป็นที่ประจักษ์ชัดแจ้งแก่สายตาทุกคน ดังนั้นตอนนี้จึงคิดไม่ออกจริงๆว่าใครเป็นคนลักพาตัวมุกดาไป
“ผมคิดว่าพวกเราน่าจะให้คนสะกดรอยตามธีรเมทตั้งแต่ตอนนี้ ดูสิว่าเขามีความเกี่ยวข้องกับการลักพาตัวมุกดาในครั้งนี้หรือไม่” ทศพรเสนอความเห็น
“อืม ก็ได้ ผมจะให้คนไปสะกดรอยตามเขาเดี๋ยวนี้ ระยะนี้พฤติกรรมของเขาปกติมากเกินไปแล้ว ปกติจนทำให้คนรู้สึกว่าไม่ปกติมาก” อนุชิตจัดการส่งคนไปสะกดรอยตามธีรเมททันที
ตอนที่ธีรเมทขับรถกลับไปที่บริษัท ก็พบว่ามีคนสะกดรอยตามตัวเอง เขายิ้มเยาะ คนเหล่านี้ฉลาดมากจริงๆ กระทั่งตัวเองก็ยังนึกถึง ทว่าไม่เป็นไร เขามีวิธีที่จะต่อสู้กับคนพวกนี้ คิดจะตามหามุกดาให้พบ ฝันไปเถอะ
ธีรเมทปรบมือ ก็มีคนคนหนึ่งเดินออกมาจากห้องรับรอง ใบหน้านั้นคล้ายคลึงกับธีรเมทมาก ส่วนสูงและรูปร่างล้วนเหมือนมาก
“อีกครู่หนึ่ง คุณขับรถกลับบ้านไป จำเอาไว้ว่าระหว่างทางสามารถเปิดเผยใบหน้าให้มากหน่อย เพื่อให้คนเห็นคุณ” ธีรเมทเอ่ยกับคนคนนั้น
“ครับ” คนคนนั้นพยักหน้า
เมื่อถึงเวลาเลิกงาน ตัวแทนธีรเมทก็ลงไปที่ลานจอดรถ ขับรถของธีรเมทออกไป คนที่สะกดรอยตามธีรเมทเหล่านั้นก็ตามรถคันนั้นไป
รอจนคนที่สะกดรอยตามตัวเองไปหมดแล้ว ธีรเมทถึงได้ปิดคลิปวิดีโอบริเวณลานจอดรถในห้องทำงานประธานบริษัทลง เขาเปลี่ยนเป็นชุดลำลอง สวมหมวกและผ้าปิดปาก จากนั้นก็ออกจากห้องทำงานของตัวเองไป