แต่งรักมัดใจบอส – ตอนที่ 447 กระดุมปรากฏอีกครั้ง

คนสี่คนกับรถสองคัน กำลังเดินทางอยู่ และทันใดนั้นก็พบว่ารอยล้อรถตรงด้านหน้าหายไปแล้ว และก็มีเพียงแค่ถนนอีกสี่เส้นทาง พวกเขาไม่รู้ว่าควรจะไปทางไหนดี

“เดี๋ยวก่อน ฉันจะไปดูตรงข้างหน้าก่อน ถึงแม้ว่าตรงนี้จะไม่มีร่องรอยอะไรแล้ว แต่ข้างหน้าก็อาจจะยังมีร่องรอยอยู่” ทศพรบอกให้ทุกคนรออยู่ที่เดิม ส่วนตัวเขาก็เดินเข้าไปตรวจเช็คกับร่องรอยต่างๆ

“ที่นี่มีถนนสี่เส้นทางพอดี พวกเราแยกกันไปคนละเส้นทาง จะได้เร็วหน่อย” ชลธีมองไปยังถนนทั้งสี่เส้นทาง พวกเขาแต่ละคนสามารถไปตรวจสอบถนนทีละเส้นทางได้

“ได้ งั้นเราไปตรวจสอบกัน แบบนี้ก็เร็วขึ้นจริงๆ” อีกสองคนที่เหลือก็เห็นด้วย

ทั้งสี่คนไปยังถนนคนละเส้นทาง เพื่อดูว่าถนนเส้นทางไหนที่มีร่องรอยของรถยนต์เหลืออยู่บ้าง

ชลธีเดินไปยังไปเส้นทางที่สองนับจากทางซ้ายมือ แต่เขาก็ไม่พบร่องรอยของล้อรถเลย แม้แต่รอยเท้าก็ไม่มี หรือพวกเขาอาจจะไม่ได้ใช้เส้นทางนี้ แต่ใช้เส้นทางอื่น?

เขาเดินไปข้างหน้าอีกครั้ง แต่ก็ยังไม่สังเกตเห็นอะไรเลย ดังนั้นเขาจึงหยิบวิทยุสื่อสารในรถของอนุชิตออกมา และเขาก็ติดต่อกับคนอื่นๆ

ผลลัพธ์เดียวกันทั้งหมด ทั้งสี่คนไม่พบร่องรอยใด ๆ ธีรเมทระวังตัวมาก เขาได้ทำลายร่องรอยของตัวเองทั้งหมดแล้ว

ชลธียืนอยู่บนถนนที่เขากำลังตรวจสอบ ดวงอาทิตย์ก็ส่องมาบนหัวของเขาโดยตรง ร่างกายของเขาก็เพิ่งจะฟื้นตัว ในเวลานั้นเขาก็รู้สึกว่าหัวใจของเขาแน่น เขาจึงไปหาที่นั่งตรงริมถนน ก่อนจะนั่งลง บนหัวของเขาเต็มไปด้วยเหงื่อมากมาย

“ชลธี ชลธี” ทศพรเรียกชลธีในวิทยุสื่อสาร แต่ว่าในเวลานี้ร่างกายของชลธีก็ไร้เรี่ยวแรง เขาอยากจะหยิบวิทยุสื่อสารขึ้นมาเพื่อพูดกับทศพร แต่วิทยุสื่อสารก็เหมือนจงใจจะแกล้งเขา เพราะอยู่ดีๆ มันก็หลุดจากมือออกไป

ตอนที่ชลธีกำลังจะไปเก็บวิทยุสื่อสาร ตัวเขาเองก็ล้มลงกับพื้น แต่ในตอนที่เขากำลังล้มลง เขาก็มองเห็นกระดุมเม็ดหนึ่งที่เหมือนกับเมื่อครู่นี้เลย มันอยู่ในดินโคลน ถ้าไม่ใช่เพราะว่าเขาล้มลง เขาไม่มีทางพบสิ่งนี้แน่นอน

“ฉันไม่ไหวแล้ว” ต้องเลือกระหว่างวิทยุสื่อสารกับกระดุม ชลธีเลือกที่จะกำกระดุมไว้ในมืออย่างแน่น จากนั้นเขาก็ไม่รู้เรื่องอะไร

“แย่แล้ว น่าจะเป็นเพราะชลธีไม่มีเรี่ยวแรง พวกเราไปหาเขากันเถอะ” ทศพรติดต่อกับพวกเขาอีกสองคน หลังจากที่ทั้งสามคนรวมตัวกัน พวกเขาก็วิ่งไปยังทิศทางที่ชลธีอยู่

ทุกคนพยุงชลธีขึ้น ประวีร์เอาน้ำที่พกมาด้วยให้ชลธีดื่ม เขาดื่มน้ำไปครึ่งขวดอย่างกระหาย ก่อนที่เขาจะรู้สึกตัวอีกครั้ง

“ชลธี ชลธี นายเป็นแบบนี้ไม่ได้นะ นายไปพักผ่อนก่อนดีไหม เดี๋ยวพวกเราสามคนหาต่อกันเอง” ประวีร์เช็คชีพจรให้กับชลธี เขาพบว่าชีพจรเขานั้นเต้นเร็วมาก

“ไม่ต้อง พวกนายดูนี่” ชลธีเอาสิ่งของที่อยู่ในมือให้พวกเขาดู เป็นกระดุมหนึ่งเม็ดที่เหมือนกับกระดุมที่ตกอยู่ตรงหน้าประตู ตอนนี้ได้มาปรากฏอยู่ตรงหน้าพวกเขาแล้ว

“อันนี้เป็นกระดุมเม็ดเมื่อกี้ไม่ใช่เหรอ?” ทศพรหยิบกระดุมเม็ดที่อยู่ในมือของชลธีขึ้นมา

“ไม่ใช่ อันนี้เป็นกระดุมที่ฉันหาเจอตรงนี้ มันเหมือนกับกระดุมเม็ดที่พวกเราเจอตรงประตูบ้านของธีรเมทเลยใช่ไหม?” ถึงแม้ว่าชลธีจะอ่อนแอมาก แต่เขาก็ดูตื่นเต้นมาก

“จริงเหรอ? ถ้าอย่างนั้นพวกเขาคงจะใช้เส้นทางนี้! เดี๋ยวพวกเราจะไปขับรถมาเอง และไปตามเส้นทางนี้ต่อไป” ทศพรชี้ไปยังเส้นทางนั้นและพูดกับทุกคน

ถึงแม้ว่าร่างกายของชลธีจะไม่ค่อยดีนัก แต่เขาก็ยังคงอดทนมาโดยตลอด เพราะความปลอดภัยของมุกดาเป็นสิ่งที่เขากังวลมาโดยตลอด

ตอนที่เขาวิ่งหนีออกไปเป็นระยะทางสิบกว่ากิโล ในที่สุดก็พบเจอกับร่องรอยของล้อรถที่เหมือนกับเมื่อครู่นี้เลย

กระดุมเม็ดนั้นเป็นสิ่งที่มุกดาทิ้งไว้ให้พวกเขาจริงๆด้วย

พวกเขาเดินทางกว่าสามสิบกิโลเมตร พวกเขาก็มาถึงที่หมู่บ้านชาวประมงเล็กๆ ที่หนึ่ง ที่นี่เล็กมากจริงๆ ตรงริมชายฝั่งอาจจะมีเพียงแค่สี่ห้าสิบครอบครัวเท่านั้น

พวกเขาทั้งสี่คนมาถึงบ้านของชาวประมงคนหนึ่ง และก็ได้ถามหญิงชราที่กำลังซ่อมอวนจับปลาอยู่ตรงหน้าประตู เขาถามว่าเธอเห็นคนแปลกหน้าเข้ามาในหมู่บ้านหรือเปล่า

หญิงชรายังคงสนใจกับอวนจับปลาของตัวเองต่อไป เธอไม่ได้พูดอะไรกับพวกเขา หลังจากที่พูดอยู่ไม่กี่ประโยค พวกเขาก็คิดว่าหญิงชราคนนี้อาจจะเป็นใบ้

“ชั่งเถอะ ว่าเราไปดูกันต่อเถอะว่ายังมีคนอื่นอยู่อีกไหม ลองไปถามอีกที” อนุชิตมองไปรอบๆ แต่ในนี้ก็น่าจะมีผู้หญิงและเด็กอยู่ในบ้านสิ แต่ทำไมตอนนี้ไม่มีอะไรเลย

พวกเขาเดินวนดูในหมู่บ้าน คนที่ละเอียดอ่อนอย่างทศพรก็พบกับบ้านหลังหนึ่งที่มีคนอยู่

เขายกมือขึ้นทำท่าให้กับคนที่เหลืออีกสามคน อาจจะเพราะมีคนอยู่เยอะไปก็เลยทำให้คนอื่นตกใจ ทศพรเลยตัดสินใจไปคนเดียว

ในห้องมืดสนิท แม้แต่ไฟหนึ่งดวงก็ยังไม่มี ทศพรเดินเข้าไปในบ้านหลังนั้น เมื่อครู่นี้เธอเห็นเงาของผู้หญิงคนหนึ่งเดินเข้ามาในนี้ แต่ตอนนี้กลับไม่เห็นอะไรแล้ว

เขาเดินดูอยู่ในรอบบ้าน ทศพรก็ไม่เจอใครเลย เขาได้ตรวจเช็คสถานที่ที่คนสามารถไปหลบซ่อนตัวหมดแล้ว แต่เขาก็ไม่เห็นว่าผู้หญิงคนนั้นหายไปไหน

สุดท้ายทศพรก็ต้องยอมเดินออกไป เขามองดูพวกเขาสามคนที่ในดวงตาเต็มไปด้วยการคาดหวัง แต่สุดท้ายเขาก็ทำได้เพียงแค่ส่ายหน้า

“งั้นก็ให้ฉันไปแล้วกัน ฉันเป็นคนอารมณ์ค่อนข้างดี” อนุชิตเตรียมตัวที่จะเข้าไปหา พวกเขาต่างก็เห็นว่ามีผู้หญิงคนหนึ่งเดินเข้าไปในบ้านหลังนั้น

“ฉันไปเอง” ชลธีลุกขึ้นยืน ร่างกายของเขาโซซัดโซเซ

“ชั่งเถอะ นายอยู่ตรงนี้นั่นแหละ ถ้านายเข้าไป พวกเราที่อยู่ข้างนอกก็กังวลอยู่ดี” ประวีร์เช็คร่างกายของชลธีแล้ว ตอนนี้เขายังคงเป็นไข้สูงอยู่

“งั้นพวกนายก็ต้องสังเกตใต้พวกกล่องและอ่างน้ำ ลองดูว่ามีทางเดินที่ซ่อนอยู่หรือเปล่า” ชลธีก็รู้สึกว่าสภาพตัวเองแบบนี้ไม่สมควรที่จะเข้าไป เขาทำได้แค่พูดเตือนอนุชิต

ทศพรมองไปยังชลธีด้วยสายตาที่ชื่นชม เมื่อครู่นี้ตอนที่เขาเข้าไปเขายังไม่ทันนึกถึงเรื่องของเส้นทางใต้ดินเลย

“อืม ฉันรู้แล้ว” อนุชิตพยักหน้า หลังจากที่ชลธีพูดเตือนเขา เขาก็เลยได้เตรียมใจไว้บ้าง

เขาพยุงให้ชลธีนั่งลง ส่วนอนุชิตก็เดินตรงเข้าไปยังบ้านหลังนั้น บ้านหลังนี้ทำมาจากก้อนหิน อาจจะเป็นเพราะว่าอยู่ติดริมทะเลและมีลมพายุที่ค่อนข้างแรง ดังนั้นบ้านก็เลยค่อนข้างเตี้ยและแข็งแรงมาก

อนุชิตเข้าไปในบ้าน เขาตรงไปที่ห้องครัว ในห้องครัวมีอ่างน้ำใหญ่ๆ สองอัน เขาเปิดออกดู ในนั้นมีแต่น้ำ

จากนั้นเขาก็ลองยกขึ้นดู แต่เขาก็ยกไม่ไหว ถ้าเกิดว่าเขายกไม่ไหว ผู้หญิงคนนั้นก็น่าจะยกไม่ไหวเช่นกัน นั่นก็หมายความว่าใต้อ่างน้ำอันนี้ไม่น่าจะมีเส้นทางลับซ่อนอยู่

ตอนที่เขาเข้าไปในห้องอื่นๆ ใต้อ่างน้ำก็มีผู้หญิงคนนึงมุดออกมาจริงๆด้วย

แต่งรักมัดใจบอส

แต่งรักมัดใจบอส

ภายในหนึ่งเดือน แต่งงาน หย่า แต่งงาน มุกดาไม่รู้ว่าตนสุขหรือทุกข์กันแน่แต่งงานอีกรอบกลับไม่รู้ว่าสามีเธอเป็นใครแค่กลางคืนกับมานอนกับเธอตรงเวลา”ประธานชลธี ฉันจะลาออก” “ได้ เธอดูสัญญาให้ดี “จ่ายเงินละเมิดสัญญาสิบล้านมาซะ แล้วเธอจะไปไหนฉันก็ไม่ห้ามในการทำงานยังเจอประธานโรคจิต มุกดารู้สึกว่าชีวิตเธอช่างมืดมนไร้แสงสว่างยิ่งนักแต่ทว่าเรื่องไม่ได้เป็นอย่างที่ มุกดาคิด

Comment

Options

not work with dark mode
Reset