เมธพรรีบวิ่งไปที่หน้าห้องฉุกเฉิน คิดว่าธีรเมทจะไม่เป็นอะไรอย่างเต็มไปด้วยความหวัง แต่เธอคิดผิดแล้ว ตกลงมาจากที่สูงขนาดนั้น ไม่ได้เสียชีวิตคาที่ก็ถือว่าเป็นบุญมากแล้ว
“ธีร์ ธีร์ ธีร์!” เมธพรมองธีรเมทที่ถูกปิดไว้ด้วยผ้าขาว เธอคลานไว้บนตัวของเขา แล้วดึงผ้าขาวนั้นออก
หน้าของธีรเมทซีดไปหมด ร่างกายก็เริ่มเย็นลงเรื่อยๆ นอกจากหน้าที่ยังไม่เละไปซะหมด ร่างกายของเขากระจัดกระจายไปหมด เพียงแต่ว่าตอนนี้ได้เย็บชิ้นส่วนส่วนที่กระจัดกระจายของเขาไปก็เท่านั้น
“ธีร์!” หลังจากที่เทธพรรู้ตัวว่าธีรเมทได้เสียชีวิตไปแล้วจริงๆ เธอก็เริ่มร้องไห้อย่างโหยหวน ผู้ชายคนนี้เป็นผู้ชายที่เธอรักมากที่สุด เป็นผู้ชายที่แย่งมาจากบนมือของมุกดา แต่ว่าผู้ชายคนนี้กลับไม่เคยรักเธอดีๆ มาก่อนเลย
“พวกแกที่เป็นหมอทำอะไรกันอยู่?ทำไมถึงช่วยคนไข้ไว้ไม่ได้ พวกแกจงใจใช่ไหม?” เมธพรในตอนนี้ได้กระชากคอเสื้อของหมอทุกคนพร้อมกับเขย่าไปรอบหนึ่ง
หมอเองก็ไม่ดีพูดอะไรมาก คนไข้เสียแล้ว เป็นเรื่องปกติที่สมาชิกในครอบครัวจะมีอารมณ์
“เพี้ยะ!” ดังขึ้นมาทีหนึ่ง เมธพรได้ตบหน้าของคนหนึ่งไป จากนั้นยังจับหมอคนนั้นไว้ให้ชดใช้ชีวิต
พวกหมอรีบมาดึงเมธพรให้ออกไป เสียแรงไปมาก หมอคนนั้นเป็นหมอวัยรุ่นที่พึ่งเรียนจบ กลัวจนหน้าซีดไปหมดแล้ว รู้สึกเหมือนจะตายแล้ว
“คุณผู้หญิงครับ คนเสียแล้ว แสดงความเสียใจด้วยนะครับ” คนที่ดูเหมือนจะเป็นหมอผู้รับผิดชอบก็ได้เดินมาพูดกับเมธพร
เมธพรมองหมอที่จะลากธีรเมทไป เธอก็ได้ไปจับรถเข็นไว้อย่างแน่น
“พวกเราได้แจ้งกับทางครอบครัวแล้ว เดี๋ยวครอบครัวก็มา” หมอคนที่รับผิดชอบคนนั้นได้ให้คนมาดึงเมธพรออก จากนั้นเขาก็ผลักธีรเมทไปบนรถเข็นแล้วลากไปที่โรงเก็บศพ
“เฮ้อ จริงๆ เลย ถ้าเขาไม่ใจแคบขนาดนั้น บางทีอาจจะได้รับมรดกที่เยอะกว่านี้และใช้ชีวิตอย่างสุขสบายแล้วแท้ๆ แต่ตอนนี้ไม่เหลือแม้แต่ชีวิตแล้ว” อนุชิตที่ในมือจับขวดแก้วเหล้าไว้ขวดหนึ่งนอนอยู่บนโซฟา
ตอนที่ได้ยินข่าวการเสียชีวิตของธีรเมทถึงแม้ว่าจะไม่มีใครไปสงสารเขา แต่ก็ไม่มีใครรู้สึกดีใจกันสักนิด
“นี่ก็คือทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว ไม่ใช่ว่าไม่ต้องชดใช้เพียงแต่เวลายังไม่ถึง ชีวิตนี้ของเขาทำเรื่องชั่วๆ ไว้ไม่น้อยเลย
ดังนั้นจึงไม่มีชีวิตในการไปใช้มรดกก้อนนั้น และได้ให้ธีรเมทไปอย่างฟรีๆ !” ประวิร์ก็ได้ยื่นขาไปไว้บนโต๊ะเหมือนกัน คนที่สูง ขายาวก็เป็นปัญหาเหมือนกัน
“แต่ฉันว่าการตายของเขา บางทีก็เป็นเรื่องดีเหมือนกัน ไม่อย่างนั้นพวกเราต้องคอยกันเขาอยู่ทั้งวันทั้งคืน เหนื่อยเหมือนกัน” ทศพรดื่มเหล้าไปคำหนึ่ง ความคิดเห็นของเขาไม่นานก็ได้รับการยอมรับจากทุกคน การเสียชีวิตของธีรเมทนั้นได้ทำให้ทุกคนโล่งใจ ไม่อย่างนั้นจะจัดการกับเขานั้นเป็นเรื่องที่ยากจริงๆ
มีแค่ชลธีไม่ได้พูดอะไร เขาได้ดื่มเหล้าไปเยอะมาก สีหน้าทำให้คนรู้สึกว่ามืดมนมาก
“ชล ทำไมวันนี้นายไม่พูดอะไรเลย นายมีอะไรในใจใช่ไหม?” ทุกคนก็สังเกตเห็นถึงความเงียบของชลธี
“ไม่เป็นอะไร ฉันแค่รู้สึกว่าชีวิตคนเรานั้นสั้นจริงๆ ถ้าพวกนายยังไม่แต่งงานอีก ก็จะเสียเวลาดีงามไปเยอะมาก ฉันให้มุกดาคอยใส่ใจให้พวกนาย ถ้ามีคนที่เหมาะกับพวกนายก็แต่งงานเถอะ!” ชลธีพูดความคิดของตัวเองออกมา ทำให้อนุชิตและประวีร์ก็อึ้งไปหมดเลย นี่ไม่ใช่ว่าคุยเรื่องของธีรเมทหรอ?ทำไมถึงมาเกี่ยวกับตัวเองแล้วล่ะ?
“พร นายว่าฉันพูดถูกไหม?อนาคตลูกของพวกเราโตกันหมดแล้ว ถ้าพวกเขายังไม่แต่งงาน ถ้าอย่างนั้นก็จะเป็นพี่เป็นน้องกับลูกของพวกเขา นั้นมันจะไม่ผิดระเบียบรุ่นหรอ?” ชลธีหันไปคุยกับทศพร
“ใช่ ใช่ ถูกที่สุดเลย ฉันก็จะให้จันทร์บ้านฉันเผื่อใจไว้ด้วย!” ทศพรรีบพูดเสริมขึ้นมา ถึงแม้เขาจะไม่รู้ว่าทำไมชลธีถึงได้กระตือรือร้นเกี่ยวกับการแต่งงานของทั้งสองคนขนาดนี้
“ฉันสามารถตัดสินเรื่องใหญ่ในชีวิตด้วยตัวเองไหม?ธี คนชราก็ไม่จำเป็นต้องเหนื่อยใจมาก ฉันไม่มีทางเป็นพี่น้องกับลูกชายนายแน่นอน” อนุชิตฟังที่ทั้งสองคนพูดแล้ว ก็รู้สึกว่าพูดบทสนทนานี้ต่อไปไม่ได้แล้ว
“ฉันเองก็เหมือนกัน บ้านฉันมีแม่คอยเป็นห่วงอยู่แล้ว นายเองก็ไม่ต้องมาเป็นห่วงแล้ว” ทศพรตกใจจนดึงขาเก็บเข้าไป
ชลธีมองทั้งสองคนที่ถูกคำพูดของตัวเองทำให้ตกใจ เขาก็ยิ้มออกมาอย่างได้ใจ
ธีรเมทไม่อยู่แล้ว ยังเหลือสองคนนี้ที่ยังจ้องเมียของตัวเองอยู่ ไม่แนะนำแฟนสาวให้พวกเขาหน่อย ชลธีจะรู้สึกใจไม่เป็นสุขเลย ถึงแม้ว่าตัวเองก็ดีเด่นอยู่แล้ว แต่ว่าเรื่องธีรเมทเกิดขึ้นครั้งเดียวก็พอแล้ว ไม่จำเป็นต้องเกิดขึ้นอีกครั้ง
“พี่สะใภ้สาม ฉันกลับมาแล้ว” โธรณีกลับมาจากข้างนอก เธอลากกระเป๋าเดินทางของตัวเองไว้ เข้าไปประตูก็เจอมุกดา เลยทักทายมุกดาไปทีหนึ่ง
มุกดาแค่มองเธอทีหนึ่ง ไม่ได้ตอบรับอะไรเลย แต่ว่าโธรณีกลับไม่รู้สึกเขินอาย เธอเอาของไปเก็บไว้ในห้องของตัวเอง อาบน้ำเสร็จก็ลงมานั่งข้างๆ มุกดา
“มุก ฉันกลับมาแล้วเธอก็ไม่ดีใจหรอ?” โธรณีจับมือของมุกดาไว้
แต่มุกดากลับดึงมือของตัวเองกลับเข้าไป “ฉันดีใจ แต่แล้วมีประโยชน์อะไรหรอ?” พอคิดที่โธรณีทำกับตัวเองหน้าคนอื่นแบบนั้น มุกดาไม่สามารถรู้สึกดีต่อเธอได้เลย
“ต้องมีประโยชน์สิ ฉันกลับมาครั้งนี้ ไม่ไปแล้ว ฉันจะเข้าไปทำงานดีๆ ที่บริษัทฮอนดากรุ๊ปแล้ว งานก่อนหน้านี้นี่เหนื่อยเกินไป” โธรณีเห็นตรงหน้าของมุกดามีผลไม้ ก็ได้เอามากินอย่างไม่มีความเกรงใจเลย
“แสนดี กลับมาแล้วหรอ?” นีรชาเดินเข้ามาจากสวนก็เห็นลูกสาวของตัวเองนั้น ดีใจเหมือนกัน
“แม่ แม่ดูแลบำรุงยังไงเนี่ย?ทำไมถึงได้สวยอยู่แบบนี้ตลอดเวลาเลย?” โธรณีเห็นก็ได้รีบวิ่งเข้าไปหาอย่างดีใจ กอดแม่ที่จับช่อดอกไม้สดไว้ในมือ
“โอ๊ย ลูกนี่ปากหวานจริงๆ เลย!แม่เหนื่อยกับเรื่องของพวกลูกมากแล้ว” นีรชาพูดไปแล้วตีหัวของโธรณีไปทีหนึ่ง แต่ว่าบนหน้าของเธอก็ยังเต็มไปด้วยยิ้มที่มีความสุขมาก ลูกชายและลูกสาวของตัวเองสบายดี นั้นเป็นสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับเธอแล้ว
แม่ลูกทั้งสาวเจอหน้ากันมีเรื่องมากมายที่พูดไม่หมด มุกดานั่งอยู่ข้างๆ ไม่ได้แทรก การกระทำทุกอย่างของโธรณีในเมื่อก่อน ในใจของเธอยังไม่ยกโทษให้
“พี่ พี่กลับมาแล้วหรอ?” ตอนที่ชลธีผลักประตูออก โธรณีก็ได้วิ่งไปกล่าวทักทายกับพี่ชายของตัวเอง
“อ๋อ แสนดีกลับมาแล้วหรอ เหนื่อยหน่อยนะ ไหนลองพูดสิว่าอยากได้อะไร พี่ให้เธอหมดเลย!” ชลธีเห็นน้องสาวของตัวเองกลับมาแล้ว ก็ดีใจเป็นอย่างมาก เขาดึงมือของโธรณีแล้วไปนั่งลงข้างๆ ของมุกดา
“พี่ ฉันอะไรก็ไม่อยากได้ ฉันแค่ต้องการให้มุกพูดคุยกับฉันก็พอแล้ว” โธรณีชี้ไปทางมุกดาที่ไม่สนใจตัวเองแล้วพูดกับชลธี