ชลธีอาศัยจังหวะที่มุกดายังไม่ทันได้ตั้งตัวเลย เขาถามว่าพี่เจนคุยอะไรกับเธอ
จนมุกดาเกือบสำลักน้ำลายของตนเองแล้ว สีหน้าของเธอเริ่มแดงก่ำ ถึงได้กลืนคำนั้นลงทัน
“ไม่ได้พูดอะไร แค่บอกว่าให้ฉันลองชิมอาหารนั้นให้อร่อย” มุกดาสร้างเรื่องพูดโกหกขึ้นมา เธอไม่กล้าพอที่จะพูดคำพูดของพี่เจนออกไป
“อ้อ” ชลธีตอบกลับมา เงยหน้าศีรษะมองประตูลิฟต์ มุกดาแอบเหลือบมองเขาอยู่แวบหนึ่ง ราวกับไร้ซึ่งความรู้สึกใดๆ และคิดว่าอาจจะรอดผ่านไปแล้ว เธอถึงได้ดึงหัวใจของตนเองเอามาวางอยู่ที่เดิม
วันนี้ไม่มีเรื่องอะไร และยังไม่มีคนเอาเอกสารมาส่ง บริเวณด้านหน้าของชลธีมีเอกสารของคนที่มาส่งเมื่อวานนี้แล้ว วันนี้คงไม่มีเรื่องอะไรแล้วแหละ มุกดาเลยจัดการเปิดqqเพื่อคุยกับจันวิภาแทน
จันวิภารู้เรื่องที่มุกดาถูกชลธีเรียกตัวไปอยู่ที่ชั้น 30แล้ว จนเธอเป็นห่วงจะตายอยู่แล้ว เพราะว่าต่างพูดกันอย่างหนาหูว่าประธานชลธีเป็นคนหน้านิ่งและโหดร้ายคนหนึ่ง จนกลัวว่ามุกดาขึ้นไปอยู่บนนั้นจะต้องไปทนรับอารมณ์เอาไว้
แต่ว่ามุกดากลับพูดว่าตนเองสบายมาก แถมยังว่าว่างงานมากด้วย และไม่มีงานอะไรที่ต้องทำเลย
จันวิภารีบบอกข่าวของสถานการณ์พี่ลิลลี่ในตอนนี้ให้เธอฟัง บอกว่ามีคนกำลังคอยจับตามองพี่ลิลลี่ทำงาน แถมยังต้องทำงานพวกนี้ให้เสร็จก่อนเลิกงานด้วย ไม่งั้นก็ต้องลาออกไป พูดจบก็หัวเราะร่าออกมาทันที
ทว่าเมื่อมุกดาได้ยินข่าวนี้เข้า ไม่ได้รู้สึกสบายใจอะไรมากเท่าไหร่เลย ผู้อำนวยการไวพบถูกปลดออกเพราะว่าตนเอง ถ้าพี่ลิลลี่ถูกปลดออกอีกคน เช่นนั้นชื่อเสียงของเธอก็ไม่น่าฟังสักเท่าไหร่แล้ว
ทั้งสองคนคุยกันอยู่สักพัก จันวิภาก็เชิญให้มุกดามายังบ้านของตนเอง บอกว่าวันนี้แม่เพลงทำของกินอร่อยๆ ไว้ เลยจะเชิญมุกให้มากินข้าวด้วย
เมื่อได้ยินว่าแม่เพลงเชิญตนเองไปกินข้าว มุกดาตอบตกลงทันที แม่เพลงทำอาหารได้อร่อยมากเลยแหละ มุกดาชอบไปกินข้าวที่บ้านตระกูลใจบุญของตั้งแต่เด็กแล้ว
ไม่ง่ายเลยที่จะผ่านมาจนถึงเวลาเลิกงาน มุกดาเห็นว่าชลธีเอาแต่ทำงานตลอด ตนเองจะไปก็ไม่ได้ จะไม่ก็ไม่ได้อีก
เมื่อมองชลธีอยู่หลายครั้งแล้ว แต่ว่าเขาก็ยังคงหมกมุ่นวุ่นวายอยู่กับงานตลอดเวลา
“ประธานชลธี ถึงเวลาเลิกงานแล้ว ฉันขอตัวกลับก่อนได้ไหมคะ?” เพราะว่ามุกดาโดนจันวิภาเซ้าซี้อยู่หลายครั้งแล้ว
เพราะว่ามันเลยเวลาเลิกงานมาครึ่งชั่วโมงแล้ว
“คุณจะกลับแล้วเหรอ?” ชลธีได้ยินว่ามุกดาจะกลับแล้ว เขาเพิ่งคิดได้ว่ามันถึงเวลาเลิกงานแล้ว
“อืม ฉันต้องการจะเลิกงานแล้ว ประธานชลธี งั้นคุณก็ค่อยๆ ทำงานของคุณไปฉันขอตัวกลับก่อนได้ไหม?” วันนี้เป็นวันแรกที่มุกดาถูกย้ายมา เธอรู้สึกว่าควรจะถามชลธีสักหน่อย
“ตกลง คุณกลับเถอะ” ชลธีอยากจะพูดอะไร ได้แต่ขยับปากจะพูด จากนั้นก็กลืนลงคอไปแทน
เมื่อได้ยินว่าตนเองสามารถกลับไปได้แล้ว มุกดาก็ใช้เวลาเร็วที่สุดในการหายตัวไปทันที
ตอนที่ชลธีคิดออกเรื่องที่ควรจะพาเธอไปดูว่าพี่ลิลลี่ทำงานเสร็จหรือยัง มุกดาก็หายตัวไม่เห็นแม้แต่เงาตั้งนานแล้ว
จันวิภาขับรถยนต์โฟล์กสวาเก้นของเธอ พามุกดากลับมาที่บ้านตระกูลใจบุญ
มารดาของมุกดาหายตัวอย่างไร้ร่องรอยไปหลายปีก่อนหน้านี้แล้ว ดังนั้นตั้งแต่เด็ก มุกดาก็มากินข้าวที่บ้านของตระกูลใจบุญอยู่บ่อยครั้ง จนถึงขั้นปฏิบัติกับแม่เพลงเฉกเช่นดั่งแม่ของตนเองแล้ว
เมื่อเดินเข้าประตูมานั้น ก็พบว่า ประวีร์ได้นั่งอยู่ในบ้านแล้ว ตอนที่เขาเห็นมุกดากับจันวิภากลับมาแล้วนั้น บนใบหน้าพลันปรากฏรอยยิ้มขึ้นมาทันที
“กลับมาแล้วเหรอ? เร็วมากอยู่นะ” ประวีร์ทักทายคนสองคน
“พี่ชาย พี่ก็มาถึงแล้วเหรอ ดีจังเลย วันนี้พวกเราสามารถดื่มให้หนำใจในบ้านนี่แหละ ไม่ต้องไปเป็นห่วงอะไรแล้วมุก คืนนี้ก็นอนที่บ้านฉันนี่แหละ เราไม่ได้คุยโม้กันมานานแล้วนะ” จันวิภาดีใจมีความสุขมาก เพราะว่าเธออยากให้มุกดาอยู่เป็นเพื่อนกับตนเอง
“งั้นฉันขอโทรศัพท์ แล้วค่อยว่ากันดีไหม?” มุกดาเองก็อยากอยู่กับจันวิภา จากนั้นเธอเลยโทรศัพท์ไปหาลุงนัทธ์
“คุณนาย ตอนนี้คุณเป็นคนมีครอบครัวแล้ว ไปเที่ยวข้างนอกย่อมได้เสมอ แต่ว่าผมคิดว่าคุณกลับบ้านทุกวันย่อมจะดีกว่า เอาแบบนี้แล้วกัน คุณสนุกให้เต็มที่ ไม่ว่าจะดึกขนาดไหนก็ตาม ผมจะออกไปรับคุณเอง” นัทธ์พูดปฏิเสธการยื่นใบลาของมุกดา
มุกดาเองก็ไม่มีวิธีอื่นแล้ว เพราะว่าตอนนี้เป็นภรรยาของคนอื่นแล้ว เธอควรจะกลับบ้าน
“ไม่ได้ใช่ไหม ไม่เป็นไรหรอก พวกเราสนุกให้เต็มที่แล้วค่อยว่ากัน อีกเดี๋ยวฉันส่งแกกลับไปเอง ถ้าไม่ไหวก็ให้พี่ชายเขาไปส่งแกกลับไปก็ได้แล้ว” จันวิภามองเห็นสีหน้าของมุกดาอยู่แวบหนึ่ง ก็รู้ทันทีว่าไม่ได้
ก็ไม่มีวิธีอื่นแล้ว คนอื่นเขาออกเงินให้เพื่อรักษาอาการป่วยพ่อของมุกดา แถมเธอดันไปแต่งงานกับคนคนนั้นอีก ยังไงก็ต้องเชื่อฟังเขาอยู่ดี
แม่เพลงทำอาหารไว้ตั้งมากมาย ต่างเป็นอาหารที่ทุกคนชอบทั้งนั้น จันวิภาเอาไวน์ของพ่อของเธอที่เก็บซ่อนไว้ที่หวงนักหวงหนาเอาออกมา ทุกคนต่างดื่มกินกันอย่างอิ่มหนำสำราญ
ผู้ใหญ่ทั้งสองคนกินอิ่มแล้ว จากนั้นก็ออกไปเดินเล่นข้างนอก
หลงเหลือผู้น้อยสามคน ที่ยังคงดื่มกันต่อ
“มุก แกอย่าดื่มเหล้าอย่างอึดอัดแบบนี้เลย มีเรื่องอะไรในใจก็พูดออกมาเลย พวกเราเป็นเพื่อนสนิทกัน” จันวิภาเห็นว่ามุกดาพูดน้อยมาก เธอเลยอยากพูดชี้ทางให้
“ใช่สิมุกมีเรื่องอะไรก็พูดออกมาเถอะ พวกเราเป็นเพื่อนสนิทกัน” ประวีร์มองออกว่ามุกดาไม่สบายใจ
“อืม ฉันรู้ ฉันเคยคิดอยากจะไปทำงานที่บริษัทฮอนดากรุ๊ปมาก ทว่าฉันกลับรู้สึกว่าหรือว่าฉันมีที่มาที่ไปกับบริษัทฮอนดากรุ๊ป ตั้งแต่เริ่มทำงานมาเพิ่งไม่นาน แถมยังลางานบ่อย มีคนจงใจจะไล่ฉันออกแหละ และก็โดนไล่ออกอย่างหน้าตาเฉย ตอนนี้ทำให้ฉันไม่รู้จะทำอย่างไรในบริษัทดี” มุกดาพูดความขุ่นข้องใจของตนเองมา
“เอ่อมุกแกคิดมากไปแล้ว มีคนไม่ถูกชะตากับแก แต่ดันมีคนไปจัดการกับพวกเขาให้ แกน่าจะดีใจมากนะ มีเรื่องอะไรที่ต้องปวดหัวกัน?” จันวิภาไม่เข้าใจว่าเรื่องอะไรที่ทำให้มุกดาต้องมาคอยปวดหัวอยู่
“ทว่าคนทั้งบริษัทรู้เรื่องของฉันทั้งหมด ต่างพูดลับหลังฉันว่าฉันเป็นปีศาจจิ้งจอกเจ้าเล่ห์ แต่ว่าฉันไม่ได้ทำอะไรเลย ฉันก็ไม่รู้ด้วยซ้ำว่ามันเกิดเรื่องอะไรขึ้นมา” มุกดาพูดจบก็กระดกเหล้าเข้าปาก
ประวีร์ดึงแก้วของเธอเอาไว้ เธอเลยแค่ดื่มไปครึ่งแก้วเท่านั้นเอง
“พี่ประวีร์” มุกดาจ้องมองประวีร์ ในใจมีความรู้สึกน้อยใจแต่พูดไม่ออก
เพราะว่าผู้ชายคนนี้เธอเคยคิดว่าเธออยากจะแต่งงานกับเขาที่สุด ทว่าเขาดันโดนคนอื่นส่งไปต่างประเทศแทน แถมไม่มีข่าวคราวมาตั้งหลายปีแล้ว
ตอนนี้มามองเขา ในใจของตนเองนั้นยังมีความรู้สึกตื่นเต้นอยู่บ้าง
“มุก จันทร์พูดก็ถูกนะ ตอนนี้คุณไม่ต้องไปคิดให้มากความ เรื่องอะไรก็มองว่ามันพัฒนาไปอย่างไรก็พอ ถึงตอนนี้ไม่มีเรื่องอะไรที่พุ่งเป้ามาที่คุณโดยตรงเลย คุณก็ไม่ต้องไปใส่ใจมันรอให้เรื่องมันมาถึงจริงๆแล้ว พวกเราค่อยมาคุยกันอีกครั้ง” ประวีร์จ้องมองนัยน์ตาของมุกดาอย่างลึกซึ้ง
“จริงเหรอ? ไม่ต้องไปสนใจได้จริงๆ เหรอ?” มุกดาเองก็เริ่มมึนเมาเล็กน้อยแล้ว ตอนที่เธอมองประวีร์นั้นมันเริ่มตาลายแล้ว
เธอเริ่มเงยหน้ากระดกไวน์แดงเข้าปากอีกครั้ง ไวน์แก้วนี้กระดกเข้าปากไปแล้วก็เมาได้ที่แล้วแหละ
นอนพาดไปบนโต๊ะ และลุกไม่ขึ้นแล้ว