จันวิภามองดูสร้อยคอในมือของทศพร มันเป็นของตัวเองจริงๆ แต่ว่าทำตกหายเมื่อไหร่เธอไม่รู้ตัวเลย สร้อยคอเส้นนี้มีคนมอบให้กับเธอ และมันก็มีค่ามาก
“เป็นของฉันจริงๆ ขอบคุณนะคะ” จันวิภายื่นมือไปรับ แต่ทศพรกลับชักมือกลับ
“คุณก็จะเอามันคืนไปซื่อๆแบบนี้เลยเหรอ ไม่ชวนผมทานข้าวหน่อยหรือไง? ผมมาเพื่อส่งมันให้คุณโดยเฉพาะเลยนะ”ทศพรมองไปที่จันวิภา มองจนจันวิภาขนลุกทันที
“เชิญคุณทานข้าวเหรอ? ได้อยู่แล้ว งั้นคุณเอาสร้อยคืนฉันก่อนสิ ฉันจะได้เชิญคุณทานข้าว” จันวิภาก็อยากเข้าไปแย่งสร้อย แต่ส่วนสูงหนึ่งร้อยหกสิบเซนติเมตรกับความส่วนสูงที่หนึ่งร้อยแปดสิบห้าเซนติเมตรของทศพรช่างแต่งต่างกันเหลือเกิน
สุดท้ายแย่งไปแย่งมา จันวิภาก็ถูกทศพรกอดไว้ในอ้อมอก เธอไม่รู้ตัว ความสนใจของเธอถูกดึงดูดไปที่สร้อยเส้นนั้น
เห็นว่าจันวิภามุ่งมั่นกับการแย่งสร้อยเส้นนี้ กลับทำให้ทศพรไม่ค่อยถนัด เขาเลยเปลี่ยนท่ามากอดเธอเอาไว้ เขายิ่งกอดแน่นขึ้น ทำให้จันวิภาถูกพันธนาการอยู่ในอ้อมอกของเขาอย่างนั้น
“คุณทำอะไร คุณปล่อยฉัน ปล่อยฉันนะ!” เวลานี้จันวิภาเพิ่งตื่นตระหนกขึ้น เธอทุบไปที่อกของทศพรอย่างสุดกำลัง กลับเหมือนเป็นการจั๊กจี้เขาเบาๆเท่านั้น
“งั้นคุณลองอธิบายมาสิว่าทำไมถึงทำหายโดยไม่รู้อะไรเลย ทั้งๆที่สร้อยเส้นนี้สำคัญมากสำหรับคุณ?” คำพูดของทศพรแต่ละประโยคนั้นมีความเจ็บใจกลายๆ
“คุณไม่ต้องมาสนใจฉัน คุณปล่อยฉัน ไม่งั้นฉันกัดคุณ” จันวิภาเห็นว่าตัวเองหลุดออกจากพันธนาการของทศพรไม่ได้ ก็เลยขู่เขา
“งั้นคุณก็กัดเถอะ ยังไงผมก็ไม่ปล่อยคุณหรอก” ทศพรก็ยังคงกอดเธอไว้แน่น ไม่คิดเลยว่าการกอดผู้หญิงไว้ในอกของตัวเองจะสบายขนาดนี้ ทั้งนุ่มนิ่มและมีกลิ่นหอม
จันวิภาก้มหัวลงกัดแขนของทศพร ทศพรกลับอึ้ง ก่อนจะสูบลมเย็นเข้า ผู้หญิงคนนี้บอกจะกัดก็กัดจริงไม่ใช่เล่นนะเนี่ย ปากเล็กๆยังมีแรงเยอะขนาดนั้น กัดคนยังมีเจ็บมากอยู่เหมือนกัน
ทศพรใช้มือยกหน้าของจันวิภาขึ้น เห็นริมฝีปากนุ่มนิ่มของเธอ ก็ไม่รู้ว่าทำไมสมองเป็นอะไรถึงควบคุมไม่อยู่ เขาจึงกัดลงไป
แน่นอนว่าคุณชายพรของพวกฉันไม่ได้กัดจันวิภาจริง เขาทำไม่ลง เขาใช้ปากของตัวเองห่อหุ้มเข้ากับริมฝีปากของจันวิภา ดูดดื่มเข้าไปอย่างเต็มที่
จันวิภาถูกจู่โจมกะทันหันเลยทำให้เธออึ้งไป สมองของเธอกลับว่างเปล่า
เธอจ้องมองตาทศพร ทศพรใช้มือปิดตาของเธอไว้ เธอเพิ่งรู้สึกตัวขึ้นมา จันวิภาเธอโดนผู้ชายตรงหน้านี้กระทำชำเรา
จันวิภาใช้แรงผลักทศพรออก เธอเช็ดปากของตัวเองอย่างแรงไปมา
“คุณ คุณ คุณนี่มันเลว คนเลว” สร้อยนี่ไม่เอามันแล้ว และเธอหันตัววิ่งหนีไป
ทศพรยังคงคิดถึงรสจูบของจันวิภา ช่างอ่อนหวาน เหมือนยาเสพติดที่ลองแล้วเลิกไม่ได้ อยากจะจูบอีกสักครั้ง
แต่ว่าเห็นแก้มแดงๆของจันวิภา เขามีความพอใจมาก แล้ว สาวน้อย นี่คงเป็นครั้งแรกสินะ มันก็เป็นครั้งแรกของผมเหมือนกัน ฮ่าๆๆ
ทศพรไม่ได้ตามจันวิภาไป เขายังคงชิมรสที่ติดอยู่บนริมฝีปาก แล้วก็เก็บสร้อยไว้อย่างดี จากนั้นเขาก็ได้ขับรถจากไป
ระหว่างทาง เขายังคงผิวปาก เขามีความสุขมากเลยทีเดียว
มาถึงที่ที่ชลธีเชิญร่วมทานอาหาร ชลธีกับธินิดานั่งรออยู่ในนั้น ทศพรนั่งลงข้างๆชลธี นอกจากนี้ยังมีพี่น้องลูกเศรษฐีที่เติบโตมากับพวกเขาก็มาด้วย ชลธีเชิญใครมาเมื่อไหร่ก็รีบมากันหมด
ทักทายกับพวกเพื่อนที่มากันแล้ว ทศพรก็ชวนธินิดาคุย แม้ว่าจะไม่ได้เจอกันมานาน แต่ทุกคนก็ไม่ได้ท่าทีตื่นเต้นมากนักเมื่อได้พบกัน
“น้ำผึ้ง ทำไมจู่ๆคุณถึงละทิ้งอาชีพการเต้นที่คุณมุ่งมั่นตามหามาหลายปีล่ะ ทำไมกลับมาเฝ้าชลอีกแล้ว?” คำถามของทศพรเหมือนเป็นคำถามแทนใจของทุกคน เพราะพวกเขาต่างก็อยากรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับธินิดา รวมถึงชลธี
“ไม่มีอะไรหรอก ก็แค่ฉันเริ่มโตขึ้น แล้วจู่ๆฉันก็รู้สึกว่าเขาสำคัญกว่าสิ่งอื่นใด?” ธินิดาพูดด้วยรอยยิ้ม และมองไปที่ชลธีอย่างมีความสุข
“ออ ออ โชว์ความหวานอะไรกัน เป็นการดูถูกสุนัขโสดเดียวดายอย่างเราจริงๆ ถูกทารุณกรรมเกินไปแล้ว!” สุนัขหลายตัวเริ่มโห
“เอาแบบนี้ดีกว่า ทำเหมือนเดิม พวกเราเรียกสาวๆมาเป็นเพื่อนพวกเรา” ชายเศรษฐีในนั้นมีข้อคิดขึ้น ผู้ชายที่นั่งอยู่ในที่นี้มีห้าคนโสด งั้นเรียกสาวๆมาห้าคน
“ช่างเถอะ กูไม่ต้องการ กูคิดว่ากูอยู่คนเดียวได้เว้ย” ทศพรปฏิเสธโดยตรง
“เป็นอะไร เมื่อก่อนมึงไม่เคยปฏิเสธเลยนะ ทำไมจู่ๆก็เปลี่ยนไป มีคนในใจแล้วใช่ไหม? เมื่อไหร่จะพามาให้ทุกคนเจอกันบ้างวะ?” คนอื่นๆก็เริ่มเพ่งเล็งเป้าหมายไปที่ทศพร
คนเหล่านี้ที่บ้านฐานะร่ำรวยมาก กับเรื่องผู้หญิงพวกเขามองว่าเป็นแค่ของเล่น เอาแค่เล่นๆ แต่ถึง ขั้นจะแต่งงาน จะต้องเผชิญหน้าผู้หญิงเพียงคนเดียว ในชีวิตที่พวกเขายังไม่เคยเจอ
“ไม่มี ไม่มี ช่วงนี้กูแค่ไม่ค่อยมีความสนใจเรื่องผู้หญิงเท่าไหร่” หลังจากทศพรพูดเสร็จยังเล็งไปหาชลธี ชลธีรีบถอยตัวลง จ้องไปที่ทศพรอย่างจับผิด
“กับมึงกูยิ่งไม่สนใจเลย สู้ผู้หญิงไม่ได้ มึงจะกลัวอะไรวะ!” ทศพรมองชลธีด้วยความรังเกียจ
แม้ว่าหน้าตาของชลธีจะหน้าตาดี ดูดีกว่าจันวิภาไม่มากเท่าไหร่ แต่ทศพรเป็นลูกผู้ชายแท้ๆ
เห็นทศพรไม่ต้องการสาว ทุกคนก็ไม่เรียกมา มีเพียงไม่กี่คนที่พร้อมจะทานอาหาร แล้วคุยกันดีๆ
อาหารครบแล้ว เหล้าเบียร์ก็เอาขึ้นมาแล้ว ธินิดาเอาตัวเองเป็นนายหญิง มีความกระตือรือร้นที่จะเสิร์ฟเหล้ากับแกล้มให้กับทุกคน
คนอื่นๆก็ตะโกนว่าพี่สะใภ้
“อย่าตะโกนไปเรื่อย!” เสียงพี่สะใภ้นั้นชลธีฟังแล้วอึดอัดมาก
ทันใดนั้นทุกคนก็เงียบ แล้วมองหน้าของชลธี เมื่อก่อนก็เรียกแบบนี้นี่ ก็ไม่เห็นว่าเขาจะโกรธอะไรเลย
“ความหมายของฉันคือน้ำผึ้งเป็นผู้หญิง แถมยังไม่ได้แต่งงาน พวกคุณเรียกแบบนี้มันไม่ดี เรียกชื่อเถอะ” เห็นหน้าตาน่าสงสารของธินิดา ก็รู้สึกว่าตัวเองคิดมากไปหรือเปล่า
“เรียกชื่อ เรียกชื่อ แบบนี้ดีขึ้นหน่อย” ทศพรรีบออกมาช่วยแก้คำพูด ในนี้เขากับชลธีเป็นพี่น้องที่ดีที่สุดกัน แม้ว่าชลธีจะมีเรื่องราวที่ไม่บอกเขา แต่ว่านั่นไม่มีผลกระทบกระเทือนต่อความสัมพันธ์ระหว่างกัน
เมื่อได้ยินทศพรช่วย คนนอกนั้นก็ตามเรียกชื่อของธินิดา บรรยากาศก็กลับคืนสภาพเดิม
“ชล ฉันได้ยินว่าพนักงานที่คุณหาได้ครั้งนี้ มีคนแอบปิดบังเรื่องแต่งงานน่ะ” เห็นผู้ชายพวกนี้กำลังเล่นเกมนับนิ้วกัน ธินิดาลากชลธีเข้ามาแล้วแอบบอกเขา
“เรื่องการแต่งงานที่ปิดบังอยู่? เป็นใครเหรอ?” ชลธีตั้งตัวไม่ทัน
“ฉันได้ยินคนพูด เด็กใหม่ที่มาสำนักงานเลขาธิการมุกดา เธอแต่งงานแล้ว แต่ว่าในจดหมายสมัครงานกลับเขียนว่าโสด” ธินิดาคิดว่าตัวเองได้ให้ข่าวใหญ่กับชลธีไปแล้ว