มุกดาปฏิเสธไป เธอรู้สึกว่าของบำรุงพวกนี้น่าจะเป็นคนที่อายุแบบนีรชากินถึงจะถูก ตนเองยังอายุน้อยขนาดนี้ คงไม่มีความจำเป็นต้องกินของพวกนี้
“ทำไมไม่กินล่ะ บำรุงร่างกายให้ดี หนูจะได้ตั้งท้องไง แม่ยังรอเป็นคุณย่าอยู่นะ!” นีรชาบอกเป้าหมายที่ตนเองนำมาออกไปแล้ว
แวบหนึ่งหน้าของมุกดาแดงขึ้นมา นี่ยังมีลูกอีก อีกไม่นานเท่าไรตนเองจะโดนไล่ออกจากบ้านไป ขืนมีลูกมาอีก คงไม่ค่อยดีมั้ง
แต่คำพูดเหล่านี้ไม่สามารถบอกนีรชาไปได้ ในสัญญาของเธอและชลธีเขียนเอาไว้ว่าไม่สามารถให้ครอบครัวของอีกฝ่ายรู้ได้
“อืม งั้นหนูรับไว้ก็ได้ค่ะ” มุกดาคิดดูแล้ว เอาของเก็บไว้ก่อนดีกว่า ถ้าไม่อย่างนั้นนีรชาคงพูดมาอีกยกใหญ่
“นี่สิถึงเป็นเด็กดี! มุกจ๊ะ หนูคิดว่าอยู่ที่นี่หนูคุ้นเคยหรือเปล่า? ถ้ารู้สึกไม่คุ้นเคย ก็กลับไปอยู่ที่คฤหาสน์ตระกูลสุวรรณเลิศของพวกเราเถอะ ที่นั่นคนใช้มาก ใช้งานสะดวกกว่าหน่อย” นีรชาอยากให้มุกดากลับบ้านไปอยู่ด้วยกันมาก ตนเองอยู่ที่บ้านรู้สึกเบื่อมากเช่นกัน ลูกชายสองคนนั้นถึงแม้ว่าแต่งงานกันแล้ว แต่เพราะไม่ใช่ลูกแท้ๆ ของตนเอง จึงห่างเหินกับตนเองมาก หล่อนอยากให้มีคนอยู่เป็นเพื่อนพูดคุยกับหล่อนเหลือเกิน
“ไม่ต้องค่ะ ไม่ต้อง หนูอยู่ที่นี่ดีมากเลยค่ะ ขอบคุณคุณน้านะคะ” เมื่อควบคุมตนเองไม่ได้ มุกดาจึงเรียกนีรชาว่าน้าอีกแล้ว
“เรียกแม่สิ เรื่องอะไรกัน ลืมอีกแล้ว งั้นไม่กลับไปก็ไม่กลับเถอะ แม่แค่หวังว่าหนูกับชลจะมีลูกสักคนกันไวๆ หน่อย แบบนี้แม่จะได้มีเรื่องให้ทำแล้ว ถ้าไม่อย่างนั้นแม่จะว่างจนว้าวุ่นเอานะ” นีรชาในตอนนี้นอกจากทำอะไรทานนิดหน่อย ก็คือการไปช้อปปิ้ง ยังมีไปเสริมความงามและทำสปากับเพื่อนสนิทไม่กี่คน ช่างน่าเบื่อเหลือเกิน
ได้ยินคำพูดของนีรชา ใบหน้าของมุกดายิ่งแดงขึ้น นี่นีรชาดีต่อตนเองมากจริงๆ และเห็นตนเองเป็นครอบครัวเดียวกันด้วย มุกดาเองเธอก็อยากเห็นตัวเองเป็นส่วนหนึ่งของตระกูลสุวรรณเลิศเช่นกัน แต่ว่ากลับทำไม่ได้ สัญญาเหลือเพียงหนึ่งปีกว่า ถ้าความรู้สึกของตนเองถลำลึกมากไป ต่อไปตอนที่ออกมาจะจิตใจจะยิ่งบอบช้ำมาก
“ใช่แล้ว มุกจ๊ะ พวกเราไปเสริมสวยกันดีกว่า รายการในบัตรของแม่มีเยอะมาก เดิมทีแม่แค่คนเดียวคงทำไม่หมดหรอก หนูไปเป็นเพื่อนแม่เถอะ?” นีรชารู้สึกว่าตนเองชอบมุกดาเหลือเกิน เด็กสาวคนนี้สวยงาม นิสัยก็ดีด้วย สรุปแล้วในสายตาของนีรชา มุกดาอะไรก็ดีไปหมด
เห็นท่าทางของนีรชาดูน่าสงสาร มุกดาทนไม่ไหวอยู่นิดหน่อย งานแปลภาษาของตนเองสามารถเอาไว้ทำทีหลังได้
“งั้นก็ได้ค่ะ แม่คะ ขอหนูไปเปลี่ยนชุดก่อน และจะไปเป็นเพื่อนคุณแม่ค่ะ” มุกดาไปเปลี่ยนเสื้อผ้ามาชุดหนึ่ง จากนั้นไปเสริมความงามเป็นเพื่อนนีรชาแล้ว
สถานที่ที่นีรชาไปเสริมความงามเป็นสถานที่มีระดับสูงที่สุด ตระกูลสุวรรณเลิศขาดอะไรทุกอย่าง แค่ไม่ขาดเงิน
นีรชาดึงมือของมุกดาไว้ ระหว่างทางที่เดินไปยังมีคุณผู้หญิงร่ำรวยมากมายทักทายหล่อนตลอดทาง หล่อนตอบกลับไป พลางแนะนำมุกดาให้คนเหล่านั้นรู้จักด้วย
“นี่คือมุกดาลูกสะใภ้ของฉันค่ะ สวยใช่ไหม?” ซึ่งเป็นคำพูดเดียวกัน ตั้งแต่ด้านนอกจนกระทั่งเดินมาถึงด้านใน นีรชาไม่บ่นเบื่อหน่ายเลยสักนิด
แต่นั่นกลับทำเอามุกดารู้สึกเขินอายมากแทน สายตาที่คนเหล่านั้นมองตนเองมีสารพัดแบบ ส่วนมากต่างคิดว่าตนเองจับคนรวย มีความรู้สึกที่ดูถูกอย่างหนึ่ง
มาถึงในห้องแขกพิเศษด้านในสุด เหลือเพียงตำแหน่งสองที่ให้นีรชาและมุกดาเท่านั้น
พนักงานเสริมสวยสองคนเข้ามาเสริมความงามให้พวกเธอแล้ว
“แม่บัว คุณแม่มาแล้วเหรอคะ?” มีคนทักทายนีรชาขึ้นมา บนใบหน้าของคนคนนั้นมันวาวเปล่งประกาย นีรชาจำไม่ได้ว่าเป็นใคร
“แม่บัว หนูคือธินิดาไงคะ” ธินิดาทักทายกับนีรชาไปอย่างกระตือรือร้นมาก
“อ่อ น้ำผึ้งเองเหรอ วันนี้เธอก็มาเหมือนกันเหรอ คุณแม่ของเธอล่ะ?” ความจริงนีรชาไม่ได้ชอบธินิดาเลย แต่ว่าเป็นครอบครัวชนชั้นสูงเหมือนกัน จึงยังต้องรักษาหน้าตาเอาไว้อยู่
บวกกับลูกชายของตนเองเคยชอบผู้หญิงคนนี้มากมาหลายปี เธอเกือบจะตกลงให้ลูกชายแต่งงานกับธินิดาด้วยแล้ว ยังดีที่ผู้หญิงคนนี้ถอยออกไปเอง
“คุณแม่ของหนูทำสปาอยู่อีกห้องหนึ่งค่ะ แม่บัวนับวันยิ่งดูอ่อนวัยนะคะ” ธินิดาอยากใช้ความสนิทสนมของตนเองและนีรชามาเพิกเฉยต่อมุกดา
“ที่ไหนกัน ปากหนูน้ำผึ้งนี่หวานที่สุดเลยนะ ยังเป็นน้ำผึ้งของพวกเราที่รู้ภาษา ถ้าว่างๆ ก็มาเล่นที่บ้านฉันนะ” นีรชาพูดพอเป็นมารยาทประโยคหนึ่ง
“ค่ะ” ธินิดารีบตอบรับทันที
เนื่องจากนีรชาเริ่มนวดหน้าแล้ว จึงไม่สามารถพูดอะไรได้ต่อ
“ผิวพรรณของคุณผู้หญิงท่านนี้ดีมาก พวกเธอไม่ต้องบำรุงหนักมาก แค่บำรุงไปตามปกติก็พอแล้ว ระดับแรงของมือต้องเบาหน่อย อย่าทำลายผิวพรรณของหล่อนเสียหายล่ะ” เสียงที่นุ่มละมุนดังขึ้นมาเหนือศีรษะของมุกดาแล้ว
เธอรู้สึกคุ้นเคยกับเสียงนี้มาก พอเงยหน้าขึ้นมอง ยังเป็นเสียงของคนคนนั้นจริงด้วย คือจันทิมา และเป็นน้องชายของทศพร
“ค่ะ ฉันทราบแล้วค่ะ” คนที่ดูแลผิวให้มุกดาตอบรับไป
“คุณป้าครับ ครั้งก่อนผลิตภัณฑ์บำรุงผิวที่ผมแนะนำให้คุณป้าเป็นอย่างไรบ้างครับ” จันทิมาถามนีรชาที่นวดเสร็จแล้ว หล่อนนอนอยู่เตรียมจะมาส์กหน้า
“มวล ผลิตภัณฑ์บำรุงที่เธอแนะนำให้ฉันใช้ดีมากเหลือเกิน ริ้วรอยบนหน้าของฉันไม่มีเลย หลายคนมาถามฉันว่าใช้ของอะไรด้วย ฉันบอกพวกเขาไปแล้วนะ” นีรชาให้ความสนใจต่อใบหน้าของตนเองมาก แต่ยังดีที่จันทิมาให้คำแนะนำด้านเสริมความงามแก่ตนเอง ทำให้ตนเองเสียเงินไปไม่มาก แต่กลับได้รับประสิทธิภาพดีที่สุดมา
“หึๆๆ ผมถึงว่ากิจการในช่วงนี้ดีเป็นพิเศษ ที่แท้เป็นคุณป้าโฆษณาให้ผมนี่เอง” จันทิมาหัวเราะแล้ว
“แม่บัวใช้ของอะไรกันคะ หนูจะได้แนะนำให้คุณแม่หนูฉันสักหน่อย ให้คุณแม่ของหนูดูอ่อนวัยเหมือนกันกับท่าน” ธินิดาทำสปาเสร็จแล้ว เตรียมจะมามาส์กหน้า พนักงานเสริมสวยไปผสมที่มาสก์หน้าอยู่ หล่อนจึงถือโอกาสตอนที่ว่างอยู่ เดินมาตรงกลางระหว่างมุกดาและนีรชา พูดจากับนีรชาขึ้นมาแล้ว
“อันนี้เธอต้องถามมวลนะ เขาเป็นผู้เชี่ยวชาญ” นีรชาต้องมาส์กหน้าแล้ว จึงไม่ได้พูดอะไรกับธินิดาต่ออีก
ธินิดามองจันทิมาแวบหนึ่ง แต่ในดวงตาของจันทิมากลับไม่ได้มองหล่อน ทว่ากำลังมองสำรวจผิวพรรณของมุกดาอยู่
“มวล คุณบอกฉันสักหน่อยแล้วกัน ไปเถอะ พวกเราออกไปคุยกันหน่อย” ธินิดาขวางที่ด้านหน้าของจันทิมา จากนั้นแอบโยนของอย่างหนึ่งใส่ในที่มาส์กหน้าของมุกดาแล้ว
“ได้ ผมจะแนะนำให้คุณ” จันทิมาไม่ได้สังเกตเห็นอะไร เขาตามธินิดาออกไป
มุกดาเห็นสองคนออกไปกันแล้ว บนหน้าของนีรชาก็ทาที่มาส์กหน้าไว้เรียบร้อย มุกดากลับไม่อยากมาส์กหน้า ผิวของเธอค่อนข้างแพ้ง่าย ดังนั้นเธอจึงไม่ยินยอมบำรุงมาแต่ไหนแต่ไร
“ฉันไม่มาส์กหน้าแล้วค่ะ คุณเอาไปให้คนอื่นใช้เถอะ ฉันขอไปเข้าห้องน้ำหน่อย” มุกดาแอบบอกกับพนักงานเสริมสวย
พนักงานเสริมสวยอยากพูดอะไร แต่ว่ามุกดาก็ลุกขึ้นมาเสียก่อน เธอรีบร้อนเดินไปมากเช่นกัน กลัวจะถูกนีรชาเรียกกลับมาอีก
ตอนที่เธอเดินมาถึงหน้าประตู ดันมาชนเข้ากับพนักงานเสริมสวยคนนั้นที่ถือมาส์กหน้าของธินิดาเข้าพอดี ชนจนที่มาส์กหน้าอันนั้นสาดกระเซ็น