“คุณนายโจนส์คนนี้ก็ใจดีเสียเหลือเกิน ยังช่วยจ่ายเงินให้พวกเราด้วย งั้นไม่ใช่ว่าวันไหนแม่ต้องเชิญเธอมาทานข้าวสักมือหรือเปล่า? แต่ได้ยินว่าคุณนายโจนส์ไม่ได้เชิญมาง่ายๆ ด้วยสิ” นีรชาบ่นพึมพำขณะนั่งอยู่บนรถกลับบ้าน
“อืม แม่คะ ถ้าไม่อย่างนั้นเอาไว้มีเวลาพวกเราซื้อของไปเยี่ยมเยือนเธอสักหน่อย แสดงถึงความรู้สึกซาบซึ้งของพวกเราดีกว่าค่ะ” มุกดาคิดว่าคุณนายโจนส์คนนี้จิตใจเอื้ออารีมาก แต่เธอคิดว่าบางทียังมีความเป็นไปได้ว่าโจนส์กรุ๊ปอยากร่วมงานกับบริษัทฮอนดากรุ๊ป
มาถึงที่คฤหาสน์ของชลธี นีรชาให้คนใช้หิ้วของที่ซื้อให้มุกดาเข้าไปแล้ว กลับพบว่าที่ท้ายกระโปรงหลังรถยังมีข้าวของมากมายที่เป็นของคุณนายโจนส์
“เป็นพนักงานขายเข้าใจอะไรผิดหรือเปล่าคะ ทำไมหล่อนถึงเอาของของคุณนายโจนส์มาใส่บนรถของพวกเราแล้วล่ะ?” ข้าวของเหล่านั้นล้วนเป็นของที่คุณนายโจนส์ซื้อมา
“แม่คะ ด้านในนี้ยังมีการ์ดอีกใบค่ะ” มุกดาตาไว เห็นด้านในของยังมีการ์ดใบหนึ่ง
“มอบให้มุกที่รัก หวังว่าจะไม่รังเกียจ” ลายมือนั้นเขียนได้สวยงามอย่างมาก
“ว้าว เป็นของที่คุณนายโจนส์มอบให้หนู นี่แม่คิดออกแล้ว ลูกสะใภ้ของแม่ทำให้คนอื่นชอบกันมากๆ แม่เห็นแล้วว่าสายตาที่คุณนายโจนส์มองหนูรักใคร่เอ็นดูมาก” นีรชารู้สึกว่าคนที่ตนเองชอบถูกคนอื่นยอมรับ หล่อนก็ดีใจมาก
มีเพียงมุกดาที่รู้สึกแปลกใจมาก ตอนที่ไปเข้าร่วมงานเลี้ยง รางวัลใหญ่ลึกลับของคุณโจนส์นั้นทำเอาเธอตกใจจนยากจะรับได้ ตอนนี้คุณนายโจนส์กลับส่งข้าวของมากมายขนาดนี้มาให้ตนเองอีก ช่วงนี้สวรรค์เอาใจใส่เธอเป็นพิเศษหรือเปล่านะ?
หลังจากแบ่งของออกเรียบร้อย นีรชาต้องกลับไปแล้ว อาหารเย็นของครอบครัวยังรอให้หล่อนกลับบ้านไปจัดเตรียมอยู่ล่ะ
“มุกจ๊ะ แม่ไปแล้วนะ รอแม่กับชลคุยกันลงตัว พวกหนูค่อยย้ายกลับไปอยู่ พวกเราทั้งครอบครัวอยู่ด้วยกันคงจะดีมากๆ เลยล่ะ!” นีรชาไปแบบอาลัยอาวรณ์
มุกดาไม่ได้คิดจริงจังอะไร คฤหาสน์ของตระกูลสุวรรณเลิศ แต่ไหนแต่ไรเธอไม่เคยคิดจะไปอยู่แล้ว
พอเก็บข้าวของเสร็จหมด มุกดาโทรศัพท์ไปหาจันทร์และแสนดี ทั้งสองคนเตรียมตัวเลิกงานกันแล้ว บอกว่าอีกสักพักคงถึง
และเธอยังโทรศัพท์ไปหาประวีร์อีกสาย ประวีร์ก็เตรียมตัวเสร็จแล้วเช่นกัน บอกอีกว่าเพื่อรออาหารมื้อใหญ่ เมื่อช่วงเช้าจึงไม่ได้กินข้าวเลย
มุกดาแอบหัวเราะ ประวีร์เย็นชาต่อคนภายนอก แต่สำหรับพวกเธอที่เป็นเหมือนเงาตามตัวนั้น เขากลับเป็นพี่ชายที่อ่อนโยนมาโดยตลอด
มุกดาเปลี่ยนเป็นกระโปรงที่ดูเรียบง่ายชุดหนึ่ง สีฟ้าอ่อน ทำให้ผิวพรรณของเธอยิ่งเพิ่มความน่ารักสดใส
เป็นคนที่อายุยี่สิบเอ็ดปีแล้ว แต่ว่ามุกดากลับยังชอบสีสันที่สดใสงดงามอยู่ รู้สึกว่ามีเพียงการสวมใส่สีสดใส อารมณ์ถึงดีขึ้นมาบ้าง
ตอนที่เตรียมตัวออกเดินทาง มุกดายังบอกกล่าวนัทธ์เอาไว้ก่อนว่าตอนเย็นตนเองไม่อยู่ทานข้าวที่บ้านแล้ว
นัทธ์ยิ้มกริ่มพยักหน้าให้ เขามองเห็นรถของคุณชายจอดอยู่หน้าประตูแล้ว น่าจะเป็นหนุ่มสาวสองคนอยากออกไปโรแมนติกกันสักหน่อย
มุกหน้าเดินออกประตูมา มองเห็นรถของชลธีจอดอยู่หน้าประตู เธอจงใจเดินอ้อมไปหน่อย อยากหลบเลี่ยงเขา
พออ้อมมาถึงหน้ารถ กลับมองเห็นรองเท้าหนังที่มันวาวคู่หนึ่ง บวกกับร่างสูงชะลูดกำลังพิงหน้ารถอยู่
มุกดาเงยหน้าแล้วยิ้มให้ชลธี
“ประธานชลธีคะ รอคนอยู่เหรอ?”
“อืม รอคน” ชลธีส่งเสียงอืมออกมาจากในจมูก มองมุกดาอยากหลบตนเองอยู่ เขาจะไม่เปิดโปงเช่นกัน
“งั้นคุณค่อยๆ รอไปนะคะ ฉันจะออกไปข้างนอกมีธุระนิดหน่อย” มุกดาเตรียมตัวจะไป อยู่ด้วยกันกับชลธี เธอรู้สึกว่าอากาศดูจะบางเบาลงไปพอสมควร
มุกดาเดินมาได้สองก้าว ก็ถูกคนจับแขนเอาไว้แล้ว
“คุณผู้หญิงครับ เมื่อวานคุณบอกว่าได้รับรางวัลใหญ่แล้วจะเลี้ยงข้าวผมมื้อหนึ่ง ผมก็รออยู่นะ คุณคงไม่ได้ลืมหรอกมั้ง?” ชลธีดึงมุกดามาอยู่ด้านหน้าของตนเอง
มุกดานึกไม่ถึงว่าสิ่งที่ตนเองพูดไปเรื่อย ชลธียังคิดจริง เขาจะให้ตนเองเลี้ยงข้าวเขาจริงเหรอ แค่ห้าร้อยเนี่ยนะ
“คือว่าไม่ได้ลืมค่ะ รออีกสองวันได้หรือเปล่า วันนี้ฉันนัดกับคนอื่นเอาไว้แล้ว” มุกดาพูดติดอ่างกับชลธี เลี้ยงก็เลี้ยงสิ แต่ว่าเธอไม่อยากพาเขาไปเจอเพื่อนของตนเอง น่ากระอักกระอ่วนเหลือเกิน
“งั้นพอดีเลย พวกเราไปด้วยกันเถอะ” ชลธียัดมุกดาเข้าไปในรถแบบไม่ยอมให้ขัดขืนได้
“เอ๋ นี่ ประธานชลธี วันนี้คุณไม่เหมาะจะไป” มุกดาร้อนใจแล้ว ตาคนนี้เผด็จการเกินไปแล้วมั้ง?
“ทำไม?” หน้าของชลธีดูไม่ดีเอามากๆ หรือว่าตนเองหน้าตาน่าเกลียดเกินไปจริงๆ เหรอ? ถึงไปเจอเพื่อนของเธอไม่ได้?
“วันนี้ไปกินร้านข้างทาง สถานะของคุณไม่เหมาะสมไม่ใช่เหรอ? ชุดสูทที่คุณใส่อยู่ ขืนไปนั่งที่นั่น จะดูขัดกันเกินไปหรือเปล่า?” มุกดาเห็นสีหน้าของชลธีไม่สู้ดีมากนัก จึงอธิบายให้เขาฟัง
“อ่อ เป็นแบบนี้เองเหรอ!” ชลธีไม่ได้พูดอะไร เขาคิดดูแล้ว จากนั้นดึงมุกดาเดินเข้าบ้านมา
“คุณรออยู่ตรงนี้แป๊บหนึ่ง ผมขึ้นไปเดี๋ยวมา” ชลธีรีบเข้าไปในห้องทันที
ไม่นานชลธีก็เดินออกมาแล้ว เขาไปเปลี่ยนเป็นเสื้อยืดสีฟ้าอ่อนตัวหนึ่งบวกกับกางเกงขายาวสีขาว พอแต่งตัวด้วยชุดลำลองแบบนี้ ทำให้ชลธีที่อายุยี่สิบเก้าปีดูวัยรุ่นขึ้นมาโดยชัดเจน
“ไปเถอะ” ชลธีดึงมุกดาออกไปอีกรอบ ทั้งสองสวมเสื้อผ้าสีฟ้าอ่อนเหมือนกัน อยู่ด้วยกันแล้วดูเป็นชุดคู่รักได้พอดีเลย
ที่มุกดาอยากบอกกับชลธีคือเธอไม่ได้อยากให้เขาเปลี่ยนเสื้อผ้า เพียงแต่ไม่อยากให้เขาไป ทว่ามาถึงขั้นนี้แล้ว เธอก็ไม่มีทางเลือกไหน
“ที่ไหน?” ชลธีถามมาประโยคหนึ่ง เวลานี้อารมณ์ของเขาดีอย่างมาก
“กุ้งมังกรเจ๊พิมพ์” มุกดาอึดอัดจะตายอยู่แล้ว ถ้าอีกเดี๋ยวทุกคนเจอชลธีเข้า จะกระอักกระอ่วนมากหรือไม่
คิดไปเรื่อยมาตลอดทาง ก็มาถึงจุดมุ่งหมายแล้ว เธอมองเห็นจันทร์และแสนดีมาแต่ไกลว่าเพิ่งลงจากรถแท็กซี่มาเมื่อสักครู่นี้
“คุณเข้าไปก่อน ผมจะไปจอดรถ” ชลธีมองเห็นจันวิภาและโธรณีแล้ว จึงให้มุกดาไปทักทายแขกก่อน
ออกมาจากชลธี มุกดาสูดหายใจลึกๆ เอาอากาศเข้าไปทีหนึ่ง เมื่อสักครู่อยู่บนรถแทบหายใจไม่ออกเลย
“มุก มานี่ พวกเราจองที่นั่งดีๆ เอาไว้แล้ว” จันวิภามองไม่เห็นรถของชลธี จองที่นั่งเสร็จถึงได้เห็นมุกดา
“ได้ ฉันมาแล้ว” มุกดาเจอเพื่อนสนิทของตนเอง เธอจึงเดินเข้าไปหาแล้ว กำลังคิดว่าจะบอกพวกเธออย่างไรดีว่าตนเองพาอีกคนหนึ่งมาด้วย
“มุก จันทร์ แสนดี พวกเธอมาเร็วกันจัง ฉันมาสายแล้วหรือเปล่า?” ประวีร์ก็มาถึงแล้วเช่นกัน วันนี้เขาใส่ชุดลำลองสีเทาตัวหนึ่ง ดูหล่อเท่มากทีเดียว ทำให้สายตาของทุกคนเป็นประกายกันหมด
แม้แต่เหล่าหญิงสาวที่เดินผ่านถนนไป ยังยิ้มกรุ้มกริ่มให้เขากันหมด
“พวกเรานั่งตรงนี้กันเถอะ สี่ที่นั่งพอดี” จันวิภาชี้ไปยังตำแหน่งที่ตนเองจองเอาไว้
“เพิ่มอีกทีหนึ่งเถอะ เดี๋ยวยังมีอีกคนหนึ่งจะมาด้วย” มุกดารีบบอกทันที ถ้าอีกเดี๋ยวชลธีมาแล้วเห็นว่าไม่มีที่นั่งของตนเอง ต้องโกรธแน่นอน
“ยังมีอีกคน?” หญิงสาวสองคนถามแบบประสานเสียงกัน
“อืม พี่ชายเธอ” ตอนที่มุกดาพูดคำนี้ออกมา หน้าอัดอั้นจนแดงไปหมด