บทที่ 1541 ไม่อยากจะเชื่อ
ดวงตาเนี่ยหลิงหลงกลับคืนความเยือกเย็นอย่างรวดเร็ว ถ้าเนี่ยอู๋โยวสวมรอยเป็นผู้นำพันธมิตรจริง นี่กลับช่วยประหยัดปัญหาแล้ว ขอแค่ตัวเองต้องเอาข้อมูลที่เยี่ยหวันหวั่นเป็นคนจีนไปแจ้งกับพันธมิตรอู๋เว่ย ทุกอย่างก็จะคลี่คลาย
ที่น่ากลัวยิ่งกว่าคือ เป็นจี้ซิวหร่านที่ใช้อำนาจของตัวเอง ช่วยอีกฝ่ายไต่ขึ้นบัลลังก์ของพันธมิตรอู๋เว่ย…
แต่คิดๆ ดู สถานการณ์อย่างนี้ก็ไม่น่าเกิดขึ้น ด้วยสไตล์การกระทำของพันธมิตรอู๋เว่ย ถึงเป็นจี้ซิวหร่าน หรือเป็นเจ้าพ่อบางคนของคุกแห่งบาป หรือแม้แต่ประธานสมาคมสหพันธ์วิทยายุทธ์ออกหน้า พวกเขาก็ไม่น่าประนีประนอมยอมรับคนแปลกหน้าคนหนึ่งเป็นผู้นำพันธมิตรอู๋เว่ย…
คิดไปคิดมา ในที่สุดเนี่ยหลิงหลงก็มั่นใจ จะต้องเป็นว่าหลังเนี่ยอู๋โยวมาถึงรัฐอิสระ เพราะเหตุผลบางอย่างจึงสวมรอยเป็นผู้นำพันธมิตรอู๋เว่ย ไป๋เฟิงแน่นอน!
ส่วนเป็นเหตุผลไหน เนี่ยหลิงหลงไม่สนใจจะรู้ มันก็ไม่เกี่ยวอะไรกับเธอ
เวลานี้ทุกคนในงานกำลังฮือฮา
กุลสตรีและหญิงสูงศักดิ์ที่กังขาและเปี่ยมความรังเกียจเยี่ยหวันหวั่นก่อนหน้านี้ต่างตะลึงอยู่กับที่ ไม่อยากจะเชื่อ
ผู้หญิงคนนั้น ดูยังไงก็ไม่เหมือนแบดเจอร์ไป๋เฟิงที่ล่ำลือกันว่าชั่วโฉดโหดเหี้ยมเลยสักนิดเถอะ!
พันธมิตรอู๋เว่ยมีแนวคิดแบบไหน ไม่กลัวฟ้ากลัวดิน เคยแย่งทองเพชรอัญมณีของตระกูลเสิ่น เคยสู้กับทหารรับจ้างตระกูลเนี่ย ทำลายล้างกองกำลังใต้อาณัติของตระกูลจี่
ถ้าเป็นเหล่านี้ ก็แล้วไป…แต่กระทั่งว่า ในข่าวลือ เธอยังเคยยั่วยุผู้ชายที่เลื่องชื่อว่าไร้พ่ายคนนั้นด้วย…
ตัวละครโหดเหี้ยมอย่างนี้ไปยั่วยวนคุณชายใหญ่ตระกูลหังเนี่ยนะ!
ถ้าพูดว่าไปยั่วยวนผู้นำอาชูร่าหรือไม่ก็จักรพรรดิจี้ บางทีอาจยังพอมีความเป็นไปได้นิดหน่อยบ้าง แต่คุณชายใหญ่ตระกูลหังนั่น…
“เมื่อคุณชายใหญ่ตระกูลหังคนนั้นพูดว่าผู้นำพันธมิตรอู๋เว่ย…ขู่เอาเงินเขาเหรอ” ในกลุ่มคน จู่ๆ ชายหนุ่มคนหนึ่งก็เอ่ยปาก
เมื่อสิ้นคำพูดนี้ รอบด้านพลันเงียบกริบไร้เสียง
นี่แม่งใช้สมองคิด ก็เป็นไปไม่ได้เด็ดขาด…
ตระกูลหังตระกูลซุนมีหน้ามีตาในรัฐอิสระ แต่ถ้าพูดถึงเงิน เงินของพันธมิตรอู๋เว่ยอย่างน้อยก็มากกว่าตระกูลหังไม่น้อยกว่าสิบเท่า ผู้นำพันธมิตรอู๋เว่ยเสียสละร่างกายเพื่อหลอกเอาเงินนิดหน่อยจากคุณชายใหญ่ตระกูลหังเนี่ยนะ?
เรื่องตลกไม่ได้เล่าอย่างนี้นะ
“พะ…พะ…พันธมิตรอู๋เว่ย…” เวลานี้คุณหนูใหญ่ตระกูลซุนปากและฟันสั่นน้อยๆ สีหน้าซีดเผือด ทั้งร่างทรุดลงกับพื้นราวกับโคลนเหลวไม่ปาน สายตาจับจ้องเยี่ยหวันหวั่นด้วยความหวาดหลัว “บะ…แบดเจอร์…มะ…ไม่ใช่ ผะ…ผู้นำไป๋คะ….”
เยี่ยหวันหวั่นมีสีหน้าไร้อารมณ์ จ้องคุณหนูใหญ่ตระกูลซุนและคุณชายใหญ่ตระกูลหังอย่างเย็นชา
เธอไม่รู้จักสองคนนี้เลยแม้แต่น้อย ทำไมจู่ๆ ถึงวิ่งออกมา บอกว่าตัวเองยั่วยวนคุณชายใหญ่ตระกูลหัง แถมยังขู่เอาเงินเขาได้กัน
ถ้าเป็นการเข้าใจผิด อธิบายแบบนั้นเธอก็เข้าใจได้ แต่นี่ไม่ใช่การเข้าใจผิดเห็นๆ เลยเถอะ
สมมติว่านี่ไม่ใช่การเข้าใจผิด คำอธิบายที่ดียิ่งกว่าก็คือ เบื้องหลังสองคนนี้จะต้องมีคนชี้นำแน่นอน
เวลานั้นกุลสตรีชุดแดงที่ยืนอยู่ด้านข้าง ‘เนี่ยอู๋โยว’ หน้าผากซึมเหงื่อหนึ่งสาย เธอเป็นคนที่ชี้นำคุณชายใหญ่ตระกูลหังกับคุณหนูใหญ่ตระกูลซุน แต่…ไหนเลยเธอจะนึกถึงว่า ผู้หญิงคนนั้นจะเป็นผู้นำพันธมิตรอู๋เว่ย!
ถ้าเธอรู้ละก็ เธอจะกล้าทำเรื่องอย่างนี้ออกมาได้ที่ไหนกัน!
“ผู้นำ…พันธมิตรอู๋เว่ย?” คุณชายใหญ่ตระกูลเสิ่นมีสีหน้างุนงง เขาหันไปหาเนี่ยอู๋หมิงที่ด้านข้างก่อน จากนั้นสายตาก็มองไปยังเยี่ยหวันหวั่นอีกและพิจารณาขึ้นลง
ก่อนหน้านี้ตอนที่เขาไปพันธมิตรอู๋เว่ย ผู้นำพันธมิตรอู๋เว่ยคนนั้นแต่งตัวเหมือนกับแม่ม่าย แถมยังใช้ผ้าตาข่ายสีดำคลุมหน้า ไหนเลยเขาจะจำได้ หวานใจน้อยที่ทำให้เขาตื่นเต้นหวั่นไหว กลับเป็นผู้นำพันธมิตรอู๋เว่ยไปเสียได้!
“มิน่า…ก่อนหน้านี้ตอนฉันไปพบเธอที่พันธมิตรอู๋เว่ย ถึงเห็นหน้าตาเธอไม่ชัด แต่ชอบรู้สึกว่าเสียงคุ้นหน่อยๆ…ที่แท้ ฉันเคยเจอเธอตอนอยู่ที่บ้านตระกูลเนี่ยก่อนแล้ว” คุณชายใหญ่ตระกูลเสิ่นพึมพำในลำคอ
————————————————————————————————-
บทที่ 1542 ขอโทษ ฉันจำคนผิด
“เฮ้อ…” เนี่ยอู๋หมิงมีสีหน้าเปี่ยมความโศกเศร้า ถอนหายใจจนปัญญาออกมาจากปาก
จบกันแล้ว หลังคุณชายใหญ่ตระกูลเสิ่นรู้ว่าเยี่ยหวันหวั่นตอนนี้เป็นผู้นำพันมิตรอู๋เว่ย จะต้องไม่กล้ามีความคิดอะไรอีกแน่นอน
“น้องเสิ่น…ความจริง พี่ใหญ่ก็ไม่ได้ตั้งใจปกปิดน้องเสิ่นหรอกนะ น้องเสิ่นก็รู้…ความรักของอย่างนี้น่ะ ไม่เกี่ยวกับตัวตน ไม่เกี่ยวกับเพศ ไม่เกี่ยวกัยชาติตระกูล รักก็รักแล้ว รักแล้วก็ไล่ตาม ไม่ว่าเป็นคนเป็นผีหรือเป็นยักษ์…ค่อให้เป็นคนกับหมา ก็แต่งงานได้เหมือนกันแหละ…แน่นอน หมาไม่ต้องการสินสอด แต่คนนี่…” เนี่ยอู๋หมิงจ้องคุณชายใหญ่ตระกูลเสิ่นพร้อมหัวเราะเบาๆ และเอ่ย
“ดี!” คุณชายใหญ่ตระกูลเสิ่นพลันยกนิ้วโป้งให้เนี่ยอู๋หมิงทันที “ผมก็ชอบผู้หญิงที่สวยแล้วก็ฉลาด ฉลาดแล้วก็มีกำลังรบ มีกำลังรบแล้วก็โหดเหี้ยมอำมหิตแบบนี้อย่างหวานใจน้อย! เธอคือหวานใจน้อยที่สวรรค์ส่งมาให้ใช้ชีวิตร่วมกับผม เทพธิดาน้อย…สุดที่รักของผม…”
ได้ยินดังนั้นเนี่ยอู๋หมิงมีสีหน้าเต็มไปด้วยความมึนงง นี่คุณชายใหญ่ตระกูลเสิ่นเอาจริงใช่ไหม…ถ้ามีแนวโน้มเป็นมาโซคิสม์จะนับเป็นโรคป่วยชนิดหนึ่งหรือเปล่า
“ถูกต้องๆๆ!” เนี่ยอู๋หมิงพยักหน้ารัว “น้องเสิ่น น้องเสิ่นดูพี่ พี่ผ่านมาก่อน ความรักของนี่น่ะ ก็คืออย่างนี้…”
“พี่เนี่ย พี่เคยมีแฟนมาก่อนเหรอ” ทันใดนั้นคุณชายใหญ่ตระกูลเสิ่นก็มองเนี่ยอู๋หมิงและถามอย่างสงสัย
เนี่ยอู๋หมิงนิ่งเงียบ
“นี่…น้องเสิ่น พี่จะบอกนาย ความรัก…ไม่เกี่ยวกับมีแฟนหรือไม่มีแฟนสักนิด!” เนี่ยอู๋หมิงเอ่ย
ยังไม่รอให้คุณชายใหญ่ตระกูลเสิ่นเอ่ยปาก เขาก็กลับรู้สึกถึงสายตาเย็นชาสุดขั้วกระดูกสายหนึ่งมองมายังตัวเอง สายตานั้นราวกับกริชฉาบประกายเย็นเยียบชวนให้คนอึดอัดสั่นสะท้าน
คุณชายใหญ่ตระกูลเสิ่นหันตัวทันที ก็กลับพบว่าผู้นำอาชูร่ากับจี้ซิวหร่านสองคนกำลังจ้องมองตัวเอง
คนหนึ่งในดวงตาแฝงรอยยิ้ม อีกคนหนึ่งเต็มไปด้วยรังสีเย็นชา
“พี่เนี่ย…ผู้นำอาชูร่ากับจักรพรรดิจี้มองผมทำไมเหรอ ผมรู้สึกว่าสายตานี่ทำเอาผมเหมือนโดนคุกคามยังไงไม่รู้…” คุณชายใหญ่ตระกูลเสิ่นเอ่ยกับเนี่ยอู๋หมิง
“โอ้?” ได้ยินดังนั้น เนี่ยอู๋หมิงหันไปมองด้านหน้า ตอนที่เห็นผู้นำอาชูร่า เนี่ยอู๋หมิงตะลึงเล็กน้อย
ผู้ชายคนนี้คุ้นตาหน่อยๆ แฮะ…คุ้นตามาก เขาเคยเห็นที่ไหนมาก่อนหรือเปล่า…แต่นึกอยู่สองนานก็กลับนึกไม่อออกอีก
เนี่ยอู๋หมิงยังไม่ทันอ้าปากพูด ไม่ไกลนัก คุณหนูใหญ่ตระกูลซุนกลับพลันคุกเข่าลงตรงหน้าเยี่ยหวันหวั่น “ผู้นำไป๋…เป็นการเข้าใจผิด…พวกเราจำคนผิดแล้ว…ผู้นำไป๋ คุณเชื่อฉันนะคะ!”
“ผู้นำไป๋ เป็นการเข้าใจผิดกันจริงๆ ครับ ก่อนหน้านี้มีผู้หญิงคนหนึ่งล่อลวงผม หลอกเอาเงินผม วันนี้ผู้นำไป๋แต่งตัวคล้ายกับผู้หญิงคนนั้น เลยทำให้พวกผมเข้าใจผิดไป ผู้นำไป๋อย่าใส่ใจเลยนะครับ” คุณชายใหญ่ตระกูลหังมองเยี่ยหวันหวั่น ระบายยิ้มเต็มหน้า
“โอ้…จำผิดคนเหรอ” เยี่ยหวันหวั่นจ้องสองคนนั้นพลางหัวเราะเบาๆ เอ่ย
“ใช่ครับๆๆ เป็นการจำผิดคนแล้ว จำผิดคนแน่นอนเลย!” คุณชายใหญ่ตระกูลหังหัวเราะแห้งตอบ
‘เพียะ!’
ฉับพลันนั้นเสียงหนึ่งดังกังวานทั่วทั้งงาน
ภายใต้สายตาจับจ้องของทึกคน ชีซิงก้าวช้าๆ ไปข้างหน้า พลิกฝ่ามือตบใบหน้าของคุณชายใหญ่ตระกูลหังอย่างแรง
จากนั้น มุมปากของคุณชายใหญ่ตระกูลหังก็มีเลือดไหลออกมา
“ขอโทษที ฉันจำคนผิด นึกว่าเป็นศัตรูของฉัน” ชีซิงจ้องคุณชายใหญ่ตระกูลหังด้วยสีหน้าไร้อารมณ์
ได้ยินดังนั้น เป่ยโต่วตาเป็นประกาย พริบตานั้นเขายกเท้าขึ้น ก่อนถีบคุณชายใหญ่ตระกูลหังปลิวออกไปหลายเมตร
“ไอ้หยา!” เป่ยโต่วทำหน้าตกใจ “ขอโทษที ฉันจำคนผิด!”