บทที่ 1579 แกเป็นใคร
“ไปรายงานตัวที่โรงเรียนชื่อเยี่ยน? ”
ได้ยินดังนั้น เยี่ยหวันหวั่นชะงักเล็กน้อย เดิมทีเธอยังนึกว่าน่าจะต้องใช้เวลาอีกสักพัก ไม่นึกว่าจะเร็วขนาดนี้
“อืม” เสียงหัวเราะเบาๆ ของจี้ซิวหร่านดังออกมาจากในโทรศัพท์ “ไปเร็วหน่อยเลี่ยงเกิดปัญหาแทรกซ้อน”
“ปัญหาแทรกซ้อน…”
เยี่ยหวันหวั่นหมดคำพูดเล็กน้อย ตัวเองเหมือนคนชอบสร้างปัญหาแทรกซ้อนเหรอ
“ได้ เข้าใจแล้ว…งั้น ยังมีธุระอะไรอีกไหม” เยี่ยหวันหวั่นเอ่ยถาม
“อย่าลืมพกจดหมายแนะนำที่ผมให้คุณไปด้วย แล้วก็เรียกยอดฝีมือของพันธมิตรอู๋เว่ยไปกับคุณสักสองสามคน รอบๆ พื้นที่ของสามโรงเรียนใหญ่ไม่ค่อยสงบนัก ถ้าคุณไม่อยากยุ่งยาก ผมจะให้คูกู่ไปส่งคุณ” จี้ซิวหร่านเอ่ยเสียงเบา
ได้ยินดังนั้นเยี่ยหวันหวั่นส่ายหน้าโดยจิตใต้สำนึกแล้วรีบเอ่ยปาก “ไม่ต้องลำบากหรอก…เดี๋ยวฉันไปพันธมิตรอู๋เว่ยหามาสักสองสามคนก็ได้แล้ว”
“อืม มีปัญหาอะไรติดต่อผมได้ทุกเมื่อ”
จี้ซิวหร่านพูดจบก็วางสายไป
เยี่ยหวันหวั่นล้มหัวลงนอนอีกครู่หนึ่งจึงค่อยลุกขึ้นอาบน้ำแล้วไปทักทายคุณนายเนี่ยยามเช้า
เยี่ยหวันหวั่นไม่ได้พูดถึงเรื่องที่ตัวเองต้องไปรายงานตัวที่โรงเรียนชื่อเยี่ยนให้คุณนายเนี่ยฟัง
สามโรงเรียนใหญ่ของรัฐอิสระมีความพิเศษอยู่หน่อยจริงๆ จัดว่าเป็นกลาง ทั้งล่วงเกินและไม่ล่วงเกินคน
สามโรงเรียนใหญ่รับภารกิจทหารรับจ้างจากประเทศอื่นๆ รวมไปถึงการลอบสังหารผู้นำตระกูลของสี่ตระกูลใหญ่ แม้กระทั่งจี้หวงกับผู้นำอาชูร่าก็ยังมีชื่ออยู่ในลิสต์ของสามโรงเรียนทหารรับจ้าง นอกจากงานลอบฆ่าแล้วก็ยังมีภารกิจทหารรับจ้างแปลกพิสดารอีกสารพัด
เยี่ยหวันหวั่นยังเคยได้ยินเบื้องบนพันธมิตรอู๋เว่ยพูดกระทั่งว่า ในโรงเรียนทหารรับจ้างมีคนอยากเก็บผมของผู้นำอาชูร่าหนึ่งเส้น ภารกิจถูกปล่อยออกมาหลายปีก็ยังไม่เคยมีใครทำสำเร็จมาก่อน และภารกิจนี้ก็ยังถูกยกให้เหนือกว่าระดับ S เสียอีก
กองกำลังต่างๆ ของรัฐอิสระไม่ชอบโรงเรียนทหารรับจ้างแม้แต่น้อย แต่ก็ไม่มีใครไปล่วงเกินสามโรงเรียนใหญ่นี้
ถ้าเยี่ยหวันหวั่นบอกคุณนายเนี่ยว่าตัวเองจะไปโรงเรียนชื่อเยี่ยน เกรงว่าจะเจอการต่อต้านของคุณนายเนี่ยได้ จึงไม่พูดดีกว่า
หลังออกจากบ้านเนี่ย เยี่ยหวันหวั่นก็ขับรถกลับไปยังพันธมิตรอู๋เว่ย
หลังถึงพันธมิตรอู๋เว่ย เยี่ยหวันหวั่นจึงค่อยค้นพบว่า วันนี้เป๋ยโต่วส่งข้อความขอลาหยุดเพื่ออยู่เป็นเพื่อนแม่ที่โรงพยาบาลมาหาเธอ
เยี่ยหวันหวั่นก็ไม่ได้สนใจหยิบเอาเครื่องสำอางออกมา ส่องกระจกในห้องทำงานแล้วพลันละเลงแต่งหน้า
ผ่านไปราวๆ หนึ่งชั่วโมง เยี่ยหวันหวั่นมองตัวเองในกระจกแล้วจึงค่อยพยักหน้าอย่างพอใจ เรียกได้ว่าสมบูรณ์แบบเลย…
หน้าตาแบบนี้ รับประกันว่าแม้แต่พ่อแม่แท้ๆ ของเธอก็จำไม่ได้ว่าเธอเป็นใคร
“พี่เฟิง…”
เวลานี้เองประตูห้องทำงานพลันถูกเปิดออก ชีซิงกอดเอกสารปึกหนึ่งเดินเข้ามาด้วยสีหน้าไร้อารมณ์
เยี่ยหวันหวั่นเพิ่งหันไปชีซิงก็พลันตะลึงงัน
สองคนสี่ตาสบกันทว่าไร้คำพูด
“ใคร!”
ทันใดนั้นชีซิงกระทืบเท้าหนึ่งที ร่างกายเข้าประชิดตัวเยี่ยหวันหวั่นราวภูตผีปีศาจชั่วพริบตา ดวงตาแผ่รังสีเย็นเยียบ
ในห้องทำงานของผู้นำกลับมีผู้หญิงน่าเกลียดหาใดเปรียบแทรกซึมเข้ามา!
เห็นสีหน้านี้ของชีซิง เยี่ยหวันหวั่นกลับพึงพอใจมาก ดูเหมือนว่าการแต่งหน้านี้ของตัวเอง…จะได้ผลจริงๆ แฮะ แม้แต่ชีซิงยังจำเธอไม่ได้เลย!
“ตื่นตกใจอะไร!” เยี่ยหวันหวั่นขมวดคิ้วเอ่ย
ได้ยินคำพูดนี้ ฝ่ามือขวาที่ยื่นไปจับเยี่ยหวันหวั่นของชีซิงพลันหยุดค้างกลางอากาศ
ถึงแม้จะจำหน้าตานี้ไม่ได้ แต่เสียงกลับน่าคุ้นเคยอย่างยิ่ง…
“พะ…พี่เฟิง? ”
ชีซิงจ้องเยี่ยหวันหวั่นที่แต่งหน้าน่าเกลียด ดวงตาฉายแววตกใจไม่อยากเชื่อ
—————————————————————————————-
บทที่ 1580 ฉันจะไปเป็นสายลับ
“อืม ฉันเอง” เยี่ยหวันหวั่นพยักหน้า
“พี่เฟิง…นี่พี่…”
หลังยืนยันตัวตนของเยี่ยหวันหวั่น ชีซิงก็ยิ่งตกตะลึง หน้าตาดีๆ ทำไมถึงกลายเป็นแบบนี้แล้ว
“ฉันแต่งอย่างนี้ นายก็จำไม่ได้แล้วจริงเหรอ” เยี่ยหวันหวั่นยิ้มเอ่ย
ได้ยินดังนั้นชีซิงส่ายหน้า “พี่เฟิง นี่คือการแต่งหน้าเหรอ ผมนึกว่าเป็นวิชาเปลี่ยนหน้าเสียอีก”
เยี่ยหวันหวั่นหัวเราะเบาๆ ผู้หญิงที่แต่งหน้าเก่งหน่อย เดิมทีก็ไม่ต่างอะไรกับวิชาเปลี่ยนหน้าหรอกเข้าใจไหม
“พี่เฟิง นี่เหมือนกับ เปลี่ยนหัวเลย” ชีซิงครุ่นคิดครู่หนึ่งแล้วจึงเอ่ยปาก
“นี่เรียกว่าเปลี่ยนหน้าย่ะ” เยี่ยหวันหวั่นเหล่มองชีซิง
ชีซิงนิ่งเงียบ
“วางเอกสารไว้บนโต๊ะ นายไปเรียกผู้อาวุโสใหญ่กับผู้อาวุโสสามมา” เยี่ยหวันหวั่นเอ่ยปาก
“ครับ” ชีซิงพยักหน้าก่อนวางเอกสารในมือลงบนโต๊ะทำงาน จากนั้นก็หันตัวเดินออกจากห้องทำงานไป
ผ่านไปชั่วครู่ ผู้อาวุโสใหญ่กับผู้อาวุโสสามที่สวมชุดสูทสีแดงก็เดินเข้ามาในห้องทำงานของเยี่ยหวันหวั่นพร้อมกันอย่างกลัวว่าคนไหนจะรั้งท้ายครึ่งก้าว
“ผู้…”
ผู้อาวุโสสามเพิ่งคิดจะอ้าปาก แต่เมื่อเห็นหน้าตาอัปลักษณ์ของเยี่ยหวันหวั่นก็หยุดชะงักทันควัน จากนั้นก็หน้ามืดทึม เอ่ยเสียงเย็นชา “ใครกัน กล้าบุกพันธมิตรอู๋เว่ย!”
“แตกตื่นอะไร” เยี่ยหวันหวั่นชำเลืองมองผู้อาวุโสสาม “จำฉันไม่ได้เหรอ”
“ผู้นำ? ”
ได้ยินเสียงของเยี่ยหวันหวั่น ผู้อาสุโสสามพลันมีสีหน้างุนงง
นี่คือผู้นำพันธมิตรอู๋เว่ยของพวกเขาเหรอ!
ทำไมเปลี่ยนหัวไปแล้ว
“เดี๋ยวฉันจะไปโรงเรียนชื่อเยี่ยน พวกนายไปกับฉัน หลังถึงโรงเรียนชื่อเยี่ยนพวกเราค่อยกลับมา” เยี่ยหวันหวั่นเอ่ยปาก
ผู้อาวุโสใหญ่กับผู้อาวุโสสามจัดเป็นบุคคลเบื้องบนของพันธมิตรอู๋เว่ย ยามปกติปรากฏหน้าตาในที่สาธารณะน้อยมากและก็ไม่ได้ติดต่ออะไรกับสามโรงเรียนใหญ่ ไม่เหมือนพวกชีซิงกับเป๋ยโต่วที่จัดเป็นพวกแข็งขัน ถูกคนจำหน้าตาได้ง่ายมาก
“ผู้นำจะไปโรงเรียนชื่อเยี่ยนทำไมเหรอครับ” ผู้อาวุโสใหญ่มองเยี่ยหวันหวั่นอย่างเปี่ยมความสงสัย
“ไปเป็นสายลับ” เยี่ยหวันหวั่นเอ่ยปาก
เธอเป็นผู้นำพันธมิตรอู๋เว่ยย่อมไม่สามารถพูดกับผู้อาวุโสว่าจะไปเป็นนักเรียนที่โรงเรียนชื่อเยี่ยนได้ แบบนั้นจะเสียหน้าขนาดไหน ถ้าบอกว่าเป็นสายลับก็จะดูดีกว่า
ได้ยินดังนั้นผู้อาวุโสใหญ่กับผู้อาวุโสรองสบตากัน
“ช่วงนี้ฉันได้ยินมาว่ามีคนปล่อยภารกิจที่โรงเรียนชื่อเยี่ยนอยากเด็ดหัวฉัน ฉันก็เลยจะใช้ใบหน้าตอนนี้ไปรายงานตัวที่โรงเรียนชื่อเยี่ยน หาตัวคนที่ปล่อยภารกิจคนนั้นออกมาแล้วกำจัดมันทั้งตระกูล” เยี่ยหวันหวั่นแต่งเรื่องเอ่ย
ได้ยินคำพูดของเยี่ยหวันหวั่น ผู้อาวุโสใหญ่หัวเราะน้อยๆ มิน่าเล่า…ครั้งนี้สมกับเป็นสไตล์ของผู้นำพวกเขาจริงๆ
“อย่างนี้นี่เอง” ผู้อาวุโสสามมีท่าทีครุ่นคิด ใครมันคิดไม่ตกขนาดนั้น ดันอยากล่วงเกินผู้นำพันธมิตรอู๋เว่ยเสียได้…
“พวกนายสองคนมานี่ ฉันจะแต่งหน้าให้พวกนายด้วย” เยี่ยหวันหวั่นเอ่ยกับผู้อาวุโสใหญ่และผู้อาวุโสสาม
“ผู้นำ พวกเราปรากฏหน้าในที่สาธารณะน้อยมาก คนของโรงเรียนชื่อเยี่ยนไม่น่าจำพวกเราได้ ไม่จำเป็นต้องแต่งหน้าหรอกมั้งครับ…” ผู้อาวุโสใหญ่เอ่ย
“พูดเหลวไหลอะไร มานั่งซะ” เยี่ยหวันหวั่นขมวดคิ้วเอ่ย
เพื่อเป็นการป้องกันก็ยังคงแต่งหน้าให้สองคนนี้ดีกว่า ถ้าหากถูกคนจำได้ วันข้างหน้าเธอผู้นำพันธมิตรอู๋เว่ยจะอยู่ในรัฐอิสระยังไงแต่งหน้าแต่โดยดีแล้ว
ภายใต้ความจนปัญญา ผู้อาวุโสใหญ่กับผู้อาวุโสสามได้แต่ถอนหายใจ ในเมื่อขัดขืนเปล่าประโยชน์ ก็มีแต่ต้องถูกเยี่ยหวันหวั่นจัดการแต่โดยดีแล้ว
หลังแต่งไปมาสักพัก เยี่ยหวันหวั่นก็มองหน้าตาของสองผู้อาวุโส จากนั้นก็พยักหน้าอย่างพอใจเต็มที่
หันไปมองกระจก หน้าตาของทั้งสองเหมือนแก่ขึ้นอีกสิบปี…
หลังเตรียมการพร้อม ผู้อาวุโสใหญ่ก็ตะโกนเรียกสมาชิกหัวกะทิของพันธมิตรอู๋เว่ยคนหนึ่ง สมาชิกหัวกะทิคนนี้อายุราวหกสิบกว่า แต่กลับดูเปี่ยมกำลังวังชา ฝีมือน่าจะไม่เลวทีเดียว