บทที่ 1683 คนงามคุ้นตาชอบกล
“หลิงหลง ฆ่าเธอซะ” ผู้อาวุโสเหลยเฮ่อสั่งการ
ได้ยินดังนั้น เนี่ยหลิงหลงกลับส่ายหน้า “หนูไม่สนใจชีวิตของเธอ”
ผู้หญิงคนนี้ เธอยังต้องเก็บไว้ให้ประธานกลุ่มสหพันธ์วิทยายุทธ์
หลังเหลยเฮ่อครุ่นคิดชั่วครู่ก็พลันมองไปที่ชายหนุ่มด้านข้าง
“นายของอาชูร่าครับ”
เหลยเฮ่อกับนายของอาชูร่ามีการติดต่อทางธุรกิจกัน ด้วยเหตุผลระดับนี้ จึงนับว่ายังมีมิตรภาพอยู่บ้าง
วันนี้ตัวเขาไม่สามารถลงมือกับเยี่ยหวันหวั่นด้วยตัวเองได้เพื่อหลีกเลี่ยงข้อสงสัย แต่นายของอาชูร่ากลับทำได้…
“พูด”
ชายหนุ่มเอ่ยอย่างเรียบนิ่ง
“นายของอาชูร่า ช่วยคนชราสักเรื่อง ฆ่าผู้หญิงคนนั้นทิ้ง สำหรับนายของอาชูร่าคงนับว่าง่ายเหมือนแค่ยกมือ”
ในขณะเดียวกัน หางตาของเยี่ยหวันหวั่นพลันกวาดมองมาเห็นชายหนุ่มที่นั่งตัวตรงใบหน้าเย็นชาปานเกล็ดน้ำแข็งที่ด้านข้างเหลยเฮ่อบนที่นั่งกิตติมศักดิ์โดยไม่ได้ตั้งใจ
พริบตาที่เห็นชายหนุ่ม เยี่ยหวันหวั่นพลันตกตะลึง จากนั้นสายตาก็ไม่ละไปไหนอีก
คน…คนงาม…
วินาทีถัดมา หญิงสาวกระโดดลงจากเวทีดัง ‘สวบ’ ประดุจเงาหนึ่งสาย และร่วงไปอยู่ตรงหน้าที่นั่งกิตติมศักดิ์
ผู้อาวุโสเหลยเฮ่อตอนนี้กำลังพูดคุยกับนายของอาชูร่า จู่ๆ ก็สังเกตเห็นเงาคนบินมาตรงหน้าตัวเองก็ชะงักไม่ได้
เห็นผู้มาเยือนคือเยี่ยหวันหวั่น ผู้อาวุโสเหลยเฮ่อพลันมีสีหน้าเย็นชา “เยี่ยหวันหวั่น เธอยังมีอะไรอยากพูดเหรอ”
ส่วนนายของอาชูร่าที่อยู่ข้างกายผู้อาวุโสเหลยเฮ่อเห็นว่าหญิงสาวกระโดดมาทางทิศของตัวเองโดยมีเป้าหมายชัดเจน ดวงตาที่เหมือนกับสระน้ำลึกเย็นเยียบก็ผุดระลอกคลื่นอย่างยากจะสังเกตเห็น
นิ้วมือที่ถือถ้วยชาของจี้ซิวหร่านที่อยู่อีกด้านก็ชะงักเล็กน้อย ดวงตาอ่อนโยนใจดีก็มองไปยังหญิงสาวเช่นกัน
เวลานี้ลูกตาเยี่ยหวันหวั่นแทบจะติดอยู่กับร่างกายของชายหนุ่มที่สวมชุดสูทสไตล์วินเทจแบบเคร่งขรึม ไม่ได้สนใจเสียงดุด่าเธอของเหลยเฮ่อแม้แต่น้อย เธอก้าวขึ้นหน้าด้วยความรวดเร็ว เดินไปถึงตรงหน้าชายหนุ่มที่เมื่อครู่นี้หางตาเหลือบเห็นแล้วก็ไม่ยอมละสายตาอีก
ทั้งที่ชายหนุ่มแต่งตัวเหมือนขุนนางเยอรมันสมัยเก่า รอบตัวแผ่กลิ่นอายเย็นชาไม่มีสิ่งมีชีวิตกล้าเข้าใกล้ แต่เยี่ยหวันหวั่นกลับรู้สึกว่าเขาเหมือนกับแม่เหล็กขนาดมหึมา ดึงดูดเธอให้เข้าใกล้อย่างบอกไม่ถูก…
สายตาของหญิงสาวไล่จากกระดุมข้อมือหินออบซีเดียนที่ปากกระบอกแขนเสื้อไปจนถึงสูทสีดำวินเทจ แล้วจึงมองที่กระดุมเม็ดแรกของคอเสื้อ จากนั้นก็ผ่านลำคอมาจนถึงสาเหตุที่ชายหนุ่มดึงดูดเธอ…ใบหน้าที่มอมเมาทุกสิ่งมีชีวิตนั้น…
ต่อให้เป็นช่างแกะสลักที่เก่งกาจที่สุดในโลกก็ไม่สามารถรังสรรค์เค้าโครงที่สมบูรณ์แบบนี้ออกมาได้ หัวคิ้วที่ไม่แยแสน่าเกรงขาม สันจมูกโด่ง ริมฝีปากที่บางและเย้ายวน โดยเฉพาะดวงตาคู่นั้น…
ราวกับยอดของภูเขาหิมะที่มีเมฆหมอกลอยอ้อยอิ่งหลังฝน ศักดิ์สิทธิ์เย็นชาและไม่อาจขัดขืน แต่กลับทำให้เธอยิ่งอยากเข้าไปทำให้แปดเปื้อนสักครา
สมองที่ภายใต้ฤทธิ์แอลกอฮอล์เดิมทีก็มึนเบลออยู่แล้วของเยี่ยหวันหวั่น เวลานี้ก็เหลือแค่ใบหน้านี้แล้ว
เห็นเยี่ยหวันหวั่นเมินตัวเอง ท่าทีของผู้อาวุโสเหลยเฮ่อยิ่งย่ำแย่แล้ว เขาเอ่ยปากอีกครั้ง “บังอาจ นังชั้นต่ำ แกคิดจะทำอะไร ยังไม่ยอมรับโทษอีก!”
นักเรียนความกล้าเทียมฟ้านี่แค่ชนะการแข่งขันไม่กี่รอบ อาศัยการหนุนหลังของคนแซ่กงก็กลับกล้าไม่มองเขาในสายตาแล้วเหรอ
เยี่ยหวันหวั่นปัดๆ มือไปทางเหลยเฮ่ออย่างกับปัดแมลงวัน จากนั้นก็วางฝ่ามือข้างหนึ่งลงบนโต๊ะตรงหน้าชายหนุ่มที่ดึงดูดเธอเบื้องหน้านี้ดัง ‘ปึง’ โดยตรง
ข้อศอกของหญิงสาวค้ำโต๊ะ ฝ่ามือยันคาง มุมปากยกขึ้น เผยรอยยิ้มบางราวกับดอกท้อภูเขาบานสะพรั่งในยามราตรีให้ชายหนุ่ม ก่อนเอ่ยปากอย่างคลุมเครือว่า “คนงามคนนี้คุ้นตาชอบกล…ขอถามหน่อย พวกเราเคยเจอกันที่ไหนมาก่อนหรือเปล่า”
————————————————————————————–
บทที่ 1684 ถึงกับเรียกนายของอาชูร่าว่าคนงาม
พริบตาที่สิ้นเสียงของเยี่ยหวันหวั่น
นายของอาชูร่านิ่งเงียบ
ผู้อาวุโสเหลยเฮ่อที่ด้านข้างอ้าปากค้าง
ผู้อาวุโสกงพูดไม่ออก
จี้ซิวหร่านนิ่งเงียบ
ทุกคนที่มุงดูก็นิ่งเงียบ
หญิงสาวน่าเกลียดบาดตาคนหนึ่งกับชายหนุ่มที่ราวกับเทพเจ้า…
หญิงสาวน่าเกลียดยังเท้าคางอย่างที่ตัวเองคิดว่าดูเจ้าชู้และเกี้ยวพาชายหนุ่มอย่างมั่นใจหาใดเปรียบ…
ทุกคนแทบจะตกตะลึงค้างแล้ว
เหนือสิ่งอื่นใด ชายหนุ่มที่กำลังถูกจีบด้วยวิธีระดับต่ำนั้นคือสุดยอดจอมมารที่คนทั้งรัฐอิสระเกรงกลัว กระทั่งแม้แต่มองตรงๆ ยังไม่กล้า…
เรื่องช็อกนี้มันช่าง…
ในตอนที่ทุกคนยังคงอึ้งค้าง เยี่ยหวันหวั่นก็ขยิบตาให้ชายหนุ่ม และเอ่ยด้วยน้ำเสียงแบบนักต้มตุ๋น “คนงาม วิชาทำนายชะตาของฉันไม่เลวนะ อยากให้…ฉันทำนายดูไหม”
นายของอาชูร่าที่ตรงข้ามได้ยินคำพูดนี้ ก็มองหญิงสาวที่เมามายแวบหนึ่ง มุมปากยกขึ้นอย่างยากสังเกตเห็น
เมื่อครู่ตอนที่เยี่ยหวันหวั่นจู่ๆ ก็วิ่งมายังที่นั่งกิตติมศักดิ์ สายตาของทุกคนก็มองไปอย่างสงสัยแล้ว
เห็นผู้อาวุโสเหลยเฮ่อต่อว่า ยังนึกว่าเยี่ยหวันหวั่นจะหาเรื่องผู้อาวุโสเหลยเฮ่อ พวกเขากำลังทอดถอนใจกับความใจกล้าของเยี่ยหวันหวั่นไปพลาง เตรียมดูละครสนุกไปพลาง…
แต่เวลานี้เมื่อเห็นฉากนี้ แทบทุกคนก็ตาค้างแล้ว
เชี่ย!
นี่มันสถานการณ์อะไรกัน?
ผะ…ผู้หญิงน่าเกลียดคนนี้…กำลังลวนลามนายของอาชูร่าเหรอ
นึกไม่ถึงแม้แต่น้อย…ผู้หญิงคนนี้…ไม่เพียงใจกล้าเทียมฟ้าแล้ว!
เธอคงไม่อยากมีชีวิตอยู่แล้วมั้ง
“เชี่ย! ยัยอัปลักษณ์นั่นกำลังทำอะไรน่ะ”
“ตายๆ! ถะ…ถึงกับเรียกนายของอาชูร่าว่าคนงาม ถึง…ท่านผู้นั้นจะหน้าตา…”
“หุบปากเลย! เยี่ยหวันหวั่นนี่ดื่มมากจนทำบ้าๆ หรือว่านายก็ไม่อยากมีชีวิตแล้ว?”
ด้านล่างเวทีเงียบเชียบราวกับจักจั่นจำศีล ทุกคนจ้องมองฉากที่เกิดขึ้นกะทันหันทางฝั่งที่นั่งกิตติมศักดิ์เขม็งดุจไก่ไม้
เยี่ยหวันหวั่นเห็นคนงามไม่ตอบสนอง มือเล็กก็ดึงฝ่ามือใหญ่ของชายหนุ่มมาโดยตรงอย่างไม่สนมารยาท
“ชู่ว—”
เห็นเยี่ยหวันหวั่นถึงกับแตะต้องโดยตรง ทั่วทั้งสถานที่ก็มีเสียงสูดลมหายใจเย็นดังขึ้นพร้อมกัน
นายของอาชูร่าหรี่สองตา จ้องมือที่ถูกหญิงสาวจับไว้ของตัวเองก็กลับไม่ได้ชักออก แล้วก็ไม่ได้มีร่องรอยของการระเบิดโทสะ แม้แต่สีหน้าบนใบหน้ายังไม่แปรเปลี่ยน
แต่ในสายตาคนนอกกลับอกสั่นขวัญแขวนแล้ว นี่คือความสงบก่อนพายุฝนชัดๆ เลยนะ!
ภายใต้สายตาสะพรึงกลัวราวสายฟ้าผ่าของทุกคน ได้ยินแค่เสียงทุ้มต่ำของนายของอาชูร่าดังขึ้น “งั้นเหรอ ทำนายได้อะไร”
จี้ซิวหร่านที่อยู่อีกด้านหลุบตา ใช้ฝาถ้วยชาเขี่ยใบชาในถ้วย
เยี่ยหวันหวั่นได้ยินดังนั้น กระทั่งมือเล็กลูบจนหนำใจแล้วจึงค่อยเผยยิ้ม เอ่ยปากขึ้น “ฉันทำนายได้ว่าคนงาม…ในชีวิตคุณขาดฉันนะ!”
“พรวด…แค่กๆๆๆ …” ด้านล่างเวที พวกหลี่ซิน โจวเทาและโจวฝูสำลักไอกันถ้วยหน้า
หลี่ซินเกือบไอจนปอดหลุดออกมา “เชี่ย…แม่งดูไม่ออกจริงๆ …สหายเยี่ยหวันหวั่นไม่เพียงฝีมือดีมาก…แต่ความกล้าก็ยังมากด้วย…”
แม้แต่หลี่หานเฟิงก็ถูกฉากนี้ทำตกใจค้างแล้ว นึกไม่ถึงสักนิดเดียวว่าศิษย์น้องเล็กหลังดื่มเหล้าแล้วจะน่ากลัวขนาดนี้ เขาพลันกังวลสุดแสน
ทำยังไงดี!
เป็นแบบนี้ต่อไปได้แย่แน่!
ยุแหย่ใครไม่แหย่ ดันจะไปแหย่นายของอาชูร่า…
เวลานี้ผู้อาวุโสกงที่นั่งอยู่บนที่นั่งกิตติมศักดิ์ในที่สุดก็นั่งไม่ติดแล้ว เห็นลูกศิษย์บ้านตัวเองถึงกับสร้างปัญหาใหญ่ขนาดนี้ จึงรีบลุกขึ้นไปขอโทษ
ยังไงเสียนายของอาชูร่าก็เป็นแขกผู้มีเกียรติที่ผู้อาวุโสเชิญมา
“เด็กคนนี้ดื่มเหล้าเมาแล้ว พฤติกรรมไร้มารยาท ล่วงเกินไปมากมาย นายของอาชูร่าให้อภัยด้วย”