บทที่ 1693 จี้หวงพูดถูก
คำพูดของเยี่ยหวันหวั่นเป็นการเฉไฉก็จริงแต่ก็มีความจริงอยู่ด้วย เยี่ยหวันหวั่นไม่ได้แหกกฎ กลับกันคือกฎของโรงเรียนมีช่องโหว่อยู่
“ผู้อำนวยการ ผู้เยาว์อยากพูดสักสองสามประโยค ไม่ทราบว่าเหมาะสมหรือเปล่า” ฉับพลันนั้น จี้ซิวหร่านมองผู้อำนวยการชื่อเยี่ยนพลางเอ่ยปาก
ได้ยินดังนั้น ผู้อำนวยการชื่อเยี่ยนก็พยักหน้าน้อยๆ พูดกับจี้หวงว่า “จี้หวงไม่ต้องเกรงใจ มีอะไรพูดมาตามตรงก็พอ”
“ผู้อำนวยการ เยี่ยหวันหวั่นศิษย์โรงเรียนชื่อเยี่ยนฆ่าทหารรับจ้างระดับ S คนหนึ่งจริงๆ แต่เยี่ยหวันหวั่นเป็นแค่ทหารรับจ้างระดับ D ก็เหมือนที่เธอพูด สู้หนึ่งต่อสอง แถมยังเผชิญหน้ากับทหารรับจ้างระดับ S สองคน บางทีอาจจะเครียดไป เลยควบคุมความเหมาะสมได้ไม่ดี อีกอย่างที่ผมเห็น เมิ่งเทียนคนนั้นมีเจตนาฆ่าก่อน แต่น่าเสียดายที่พลังต่อสู้ด้อยกว่าจึงถูกเยี่ยหวันหวั่นฆ่ากลับ ผู้เยาว์คิดว่าเยี่ยหวันหวั่นควรไร้ความผิดครับ” จี้ซิวหร่านหัวเราะเบาๆ เอ่ย
จี้ซิวหร่านไม่ได้พูดถึงช่องโหว่ของกฎใดๆ กฎนี้ยังไงผู้อำนวยการชื่อเยี่ยนก็ตั้งขึ้นมา ถ้าจี้ซิวหร่านพูดถึงกฎซ้ำๆ อีก กลับจะทำให้ผู้อำนวยการเสียหน้า
ผู้อำนวยการพยักหน้าน้อยๆ จากนั้นก็หันไปมองนายของอาชูร่าและถามว่า “นายของอาชูร่าคิดว่ายังไง”
ได้ยินคำพูดนี้ ชายหนุ่มมองผู้อำนวยการชื่อเยี่ยน หลังคิดชั่วครู่จึงค่อยเอ่ย “ผมคิดว่า จี้หวงพูดถูก”
ผู้อาวุโสกงนิ่งเงียบ
ผู้อาวุโสเหลยเฮ่อพูดไม่ออก
นักเรียนทหารรับจ้างทั้งหมดรวมไปถึงเบื้องบนก็มองหน้าสบตากัน ในรัฐอิสระไม่ใช่ต่างพูดกันว่าจี้หวงกับนายของอาชูร่าเป็นน้ำกับไฟไม่ถูกกันเหรอ…สองคนนี้…ดูยังไง…ก็รู้สึกว่ามีตรงไหนไม่ถูก สองคนนี้…
เยี่ยหวันหวั่นก็พูดไม่ออก
ผู้อาวุโสเหลยเฮ่อมองนายของอาชูร่าแวบหนึ่งจากนั้นก็เก็บสายตาไป ทำไมวันนี้เขาถึงนึกอยากเชิญนายของอาชูร่ามากัน ไม่ช่วยเขาแม้แต่น้อยกลับกันยังเลื่อยขาเก้าอี้ต่างๆ นานา…
แต่น่าเสียดาย ชายหนุ่มตรงหน้านี้คือนายของอาชูร่า ตัวเขากลับไม่อาจมีเรื่องด้วยได้
หลังผ่านไปนาน ผู้อำนวยการก็มองเยี่ยหวันหวั่นที่อยู่บนเวทีและพยักหน้าเบาๆ “ตกลง เยี่ยหวันหวั่น แค่ครั้งนี้ครั้งเดียวอย่าทำซ้ำอีก จากนี้การแข่งขันแลกเปลี่ยนวิทยายุทธ์ทุกครั้งห้ามดื่มเหล้า”
เมื่อได้ยินคำพูดนี้ของผู้อำนวยการ เยี่ยหวันหวั่นตอบกลับด้วยรอยยิ้มทันที อย่าว่า ผู้อำนวยการชื่อเยี่ยนคนนี้เป็นคนยุติธรรมมีเหตุผลมาก…
“แข่งขันต่อ” ผู้อำนวยการชื่อเยี่ยนเอ่ยปาก
เยี่ยหวันหวั่นพูดไม่ออก ตัวเองดื่มเหล้าไม่ได้แล้ว นี่ยังจะแข่งอะไรอีก…ยอมแพ้มันแล้วกัน
ในตอนนี้เหลือทหารรับจ้างระดับ S แปดคน ทั้งหมดพลังต่อสู้น่าตื่นตะลึง ถ้าตัวเธอไม่ดื่มเหล้าก็ไม่มีโอกาสชนะเลย จุดนี้ไม่จำเป็นต้องสงสัย
“เยี่ยหวันหวั่น รอบนี้เธอชนะสามารถแข่งต่อได้จนกว่าจะแพ้” ไม่นานกรรมการบนเวทีก็ขึงตาใส่เยี่ยหวันหวั่นหนึ่งทีก่อนจะประกาศอย่างรำคาญ
“ไม่ท้าประลองได้หรือเปล่า” เยี่ยหวันหวั่นเอ่ยปากถาม
ตัวเองเข้ารอบสิบผู้แข็งแกร่งแล้ว แข่งหรือไม่แข่งความหมายไม่ต่างกันมาก
“ไม่ได้! นี่คือกฎ เธอต้องเคารพกฎ!” กรรมการตัดสินเอ่ย
เยี่ยหวันหวั่นหมดคำพูด นี่คือเสียท่าให้กับกฎแล้วสินะ…
ภายใต้ความจนใจ ดวงตาเยี่ยหวันหวั่นกวาดมองที่นั่งสิบผู้แข็งแกร่งก่อนจะชี้ทหารรับจ้างระดับ S คนหนึ่งส่งๆ
เยี่ยหวันหวั่นวางแผนไว้แล้วว่าพอเริ่มการต่อสู้ ตัวเองจะยอมแพ้มันเสียเลย ประหยัดการถูกอัดฝ่ายเดียว
ชายหนุ่มคนหนึ่งเดินลงมาจากสิบที่นั่งผู้แข็งแกร่งและมาถึงบนเวที เผชิญหน้ากับเยี่ยหวันหวั่นอย่างรวดเร็ว
“ฉัน…”
เยี่ยหวันหวั่นมองทหารรับจ้างระดับ S ตรงหน้า กำลังจะเอ่ยปากยอมแพ้…
—————————————————————————————-
บทที่ 1694 ผมอยากยอมแพ้
“กรรมการ ผมยอมแพ้ ไม่แข่งแล้ว” ชายหนุ่มเร็วกว่าเยี่ยหวันหวั่นหนึ่งก้าว พูดออกมาก่อน
“เธออยากยอมแพ้!?”
กรรมการมองชายหนุ่มที่เป็นทหารรับจ้างระดับ S อย่างตกใจอยู่บ้าง นักเรียนผู้นี้มีพลังต่อสู้แข็งแกร่งกว่าเมิ่งเทียนเยอะ เจอหน้าแม้แต่มือยังไม่ขยับก็อยากยอมแพ้แล้ว…
“ครับ ยอมแพ้” ชายหนุ่มพูดจบก็ไม่แม้แต่มองเยี่ยหวันหวั่นสักแวบเดียว กระโดดลงจากเวทีในพริบตา เหลือไว้แต่เยี่ยหวันหวั่นที่มีสีหน้าอึ้งงัน
“เยี่ยหวันหวั่นชนะ…เลื่อนเป็นที่แปดของสิบผู้แข็งแกร่ง…” กรรมการตัดสินได้แต่ต้องประกาศเช่นนี้
“เยี่ยหวันหวั่น เธอเลือกได้ว่าจะพักก่อนสักหน่อยแล้วค่อยประลอง หรือจะเลือกไม่พักก็ได้” กรรมการตัดสินเอ่ย
“หนูเลือกเขา” เวลานั้นเยี่ยหวันหวั่นชี้ไปที่ทหารรับจ้างระดับ S คนหนึ่งบนที่นั่งสิบผู้แข็งแกร่ง
“ผู้หญิงคนนี้ ทำไมต้องเลือกฉัน บ้ารึไง ฉันไม่รู้จักเธอสักหน่อย” ชายคนนั้นขมวดคิ้วเล็กน้อยก่อนเดินลงมาอย่างไม่พอใจ
หลังชายหนุ่มเดินขึ้นสนาม ก็ชูนิ้วกลางให้เยี่ยหวันหวั่น จากนั้นเอ่ยกับกรรมการตัดสิน “ผมยอมแพ้”
พูดจบ ไม่เปิดโอกาสให้คนอื่นเอ่ยปากก็เดินลงจากเวทีทันที
กรรมการตัดสินเอ่ย “เยี่ยหวันหวั่นชนะ เลื่อนขึ้นเป็นสิบผู้แข็งแกร่งอันดับเจ็ด”
เยี่ยหวันหวั่นงุนงงพูดไม่ออก
พลังต่อสู้ตอนไม่ได้เมาเหล้าของเธอเทียบกับทหารรับจ้างระดับ S ที่แท้จริงเหล่านี้ก็ขยะดีๆ นี่เอง แต่คนพวกนี้แต่ละคนไม่พูดพร่ำทำเพลงก็ยอมแพ้แล้ว มันหมายความว่ายังไงกัน
เยี่ยหวันหวั่นครุ่นคิดเล็กน้อยก็เข้าใจว่าทำไม
เยี่ยหวันหวั่นรู้ตัวว่าตัวเองมีแค่พลังต่อสู้หลังเมาเหล้าเท่านั้นที่จะทะยานเป็นค่าแสนน่ากลัว แต่นี่ไม่ได้แสดงว่าคนอื่นก็รู้เรื่องด้วย…
ทหารรับจ้างระดับ S ที่ยอมแพ้พวกนี้คงยังนึกว่าเธอเป็นสุดยอดผู้แข็งแกร่งที่เทพขวางฆ่าเทพ ปีศาจขวางฆ่าปีศาจบนเวทีก่อนหน้านี้คนนั้น…
เธอแข็งแกร่งกับผีสิ…
นึกถึงตรงนี้ เยี่ยหวันหวั่นก็พลันฉุกความคิด ถ้าเป็นแบบนี้…ไม่แน่ ตัวเธออาจคว้าที่หนึ่งได้ก็ได้…
ถึงแม้ไม่จำเป็นอะไร แต่ถ้าที่หนึ่งส่งมา งั้นทำไมจะไม่รับล่ะ เธอก็ไม่ได้โง่สักหน่อย
“นาย ลงมา!”
เวลานั้นเยี่ยหวันหวั่นพลันความมั่นใจพุ่งทะยาน กวาดสายตามองชายคนหนึ่งบนที่นั่งสิบผู้แข็งแกร่ง
“ฉัน?” ชายหนุ่มชี้ตัวเองด้วยสีหน้าว่างเปล่า
“ใช่ นายนั่นแหละ ลงมาสิ” เยี่ยหวันหวั่นพยักหน้า
“เอ่อ…เธอสะดวกเปลี่ยนคนประลองหรือเปล่า” ชายหนุ่มมองเยี่ยหวันหวั่นพลางเอ่ยถามอย่างระมัดระวัง
“เหลวไหล คนเขาเลือกนายนะโว้ย!”
“รีบไสหัวลงไปเลย นายแม่งยังจะให้เธอเปลี่ยนคนประลองเหรอ! ทำไม คิดจะวางกับดักพวกเรารึไง!”
“ยังไม่ลงไปอีกฉันจะใช้กำลังแล้วนะ ฉันบอกนายเลย”
ภายใต้การผลักไสไล่ส่งของทุกคน ชายหนุ่มได้แต่เดินขึ้นเวทีอย่างไม่เต็มใจ
“ลงมือเถอะ” เยี่ยหวันหวั่นเอ่ย
“เธอลงมือก่อน” ชายหนุ่มส่ายหน้า
“นายก่อน” เยี่ยหวันหวั่นเอ่ย
“ฉันไม่ลงมือก่อน” ชายหนุ่มมีสีหน้าไม่จำยอม
เยี่ยหวันหวั่นถลึงตา ทหารรับจ้างระดับ S ผู้ยิ่งใหญ่ ผู้ชายตัวโตหนึ่งคน ทำไมถึงยังมาเล่นตัวกับเธอเนี่ย!
เวลานั้นเยี่ยหวันหวั่นฟาดฝ่ามือใส่ชายหนุ่ม ชายหนุ่มคนนี้ไม่ว่ายังไงก็ไม่ยอมลงมือ ยืดเวลานานกลับจะไม่เป็นประโยชน์ต่อเธอ บางทีอาจจะถูกมองพิรุธออกได้ เยี่ยหวันหวั่นจึงลงมือเสียเลย ไม่ได้จริงๆ เธอก็แค่ยอมแพ้เท่านั้น
แต่เยี่ยหวันหวั่นยังไม่ทันแตะถึงตัวชายหนุ่ม ชายหนุ่มก็พลิกไปทั้งตัว จากนั้นก็กระโดดลงจากเวทีทันใด “เป็นยังไงล่ะ มีความสามารถก็ออกมาอัดฉันสิ!”
เยี่ยหวันหวั่นพูดไม่ออก ชายคนนี้เป็นบ้าอะไร…
ทุกคนในงานจ้องชายหนุ่มอย่างกระอักกระอ่วน แม้อยากจะแขวะสักสองสามประโยค แต่คิดดูอีกทีก็ช่างปะไร ยังไงคนเขาก็เป็นทหารรับจ้างระดับ S…ถ้าถูกแค้นฝังใจก็เหมือนจะไม่ค่อยเหมาะสม