บทที่ 1717 ยุคสมัยใหม่
การถ่ายทอดสดยังคงดำเนินต่อไป
เหยาเจียเหวินกวาดสายตามองทั่วงาน หัวเราะเบาๆ ก่อนเอ่ย “เช่นกันค่ะ เป็นเกียรติมากที่ได้เข้าร่วมหวงเทียนเอนเตอร์เทนเมนต์ ถ้าไม่มีประธานเยี่ย จูเสินสือไต้ของพวกเราก็คงยืนหยัดจนถึงวันนี้ไม่ได้ แล้วก็ต้องขอโทษเป็นอย่างยิ่งกับความผิดที่ซีอีโอคนก่อนของจูเสินสือไต้พวกเราเยี่ยไป๋ได้กระทำขึ้น…”
ตอนที่เหยาเจียเหวินพูดถึงเยี่ยไป๋ซีอีโอคนก่อนของจูเสินสือไต้ ทั่วทั้งงานก็พลันฮือฮา
ตามคำพูดของเหยาเจียเหวินในตอนนั้น เยี่ยไป๋ขโมยเงินทุนทั้งหมดของจูเสินสือไต้ไปแล้วออกจากประเทศ ไร้ซึ่งวี่แวว ทำให้จูเสินสือไต้ตกอยู่ในสถานการณ์เป็นอัมพาตอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
และความจริงก็เป็นแบบนี้ เยี่ยไป๋หายไปหลายเดือน ไม่มีข่าวคราวนานแล้ว
“เรื่องที่เยี่ยไป๋ขโมยเงินทุนของจูเสินสือไต้ ไม่ทราบว่าประธานเหยาคิดเห็นว่ายังไงครับ” หนึ่งในนักข่าวมองเหยาเจียเหวินพลางถาม
เหยาเจียเหวินได้ยินดังนั้นก็ส่ายหน้าพูดว่า “นี่คือการแสดงความเห็นแก่ตัวและไร้ความรับผิดชอบอย่างใหญ่หลวง แล้วก็เป็นอาชญากรรมอย่างหนึ่ง ทุกคนก็รู้ว่าเยี่ยมู่ฝานประธานจูเสินสือไต้ของพวกเราถูกจับกุมด้วยข้อหาฆาตกรรม
และเยี่ยไป๋คือน้องสาวของเยี่ยมู่ฝาน รวมถึงพ่อของพวกเขาก็มีประวัติอาชญากรรม…เคยทำเรื่องอย่างเดียวกัน บางทีนี่อาจสะท้อนถึงยีนอาชญากร ที่นี่ฉันขอประณามพวกเขาอย่างรุนแรงค่ะ”
“ประธานเหยา เยี่ยไป๋ก่อตั้งจูเสินสือไต้ด้วยตัวคนเดียว แถมยังพาจูเสินสือไต้สร้างผลงานยอดเยี่ยมที่โดดเด่น หลังจากคุณรับตำแหน่งมีความกดดันหนักไหมครับ” นักข่าวถามต่อ
ได้ยินแล้วเหยาเจียเหวินก็ยิ้มพลางส่ายหน้า “ใช่ค่ะ คุณพูดถูกต้อง เยี่ยไป๋ก่อตั้งจูเสินสือไต้ด้วยตัวคนเดียวจริง แล้วก็สร้างผลงานจริง จุดนนี้ทุกท่านเห็นกับตา แต่ว่า…
ไม่ใช่ว่าความสามารถของเยี่ยไป๋จะดีเด่ไปกว่าฉัน กลับกันฉันรู้สึกว่าเยี่ยไป๋อาศัยโชคมากกว่า ไม่ได้อาศัยความสามารถของตัวเอง ไม่เหมือนกับฉัน หลังจากเงินทุนของจูเสินสือไต้ถูกเยี่ยไป๋ขโมยไปก็ยังคงพาจูเสินสือไต้ออกจากสภาพที่ยากลำบากได้
จู่ๆ เยี่ยไป๋ก็โผล่ขึ้นมา เป็นแค่สินค้าตามกระแสของการเปลี่ยนผ่านยุคสมัยเท่านั้น และจากวันนี้เป็นต้นไป ฉันสามารถเพาะเลี้ยงเยี่ยไป๋ได้สิบคนร้อยคน กระทั่งมากกว่านั้น เยี่ยไป๋ที่ฉันบ่มเพาะขึ้นมาไม่มียีนอาชญากรแน่นอน”
หน้าผากของเยี่ยหวันหวั่นผุดเงาดำ ดวงตาทอประกายเย็นชาไม่หยุด เธอเลี้ยงงูเห่าไว้แล้วจริงๆ …
เป่ยโต่วจ้องถ่ายทอดสดพลางเอ่ยด้วยสีหน้าเซ็งเต็มแก่ “วงการบันเทิงของจีนวุ่นวายจริงๆ หมากัดกันขนเต็มปาก…พี่เฟิง นี่มีอะไรน่าดูกัน พี่ลุกขึ้นเถอะ ให้ผมดูเทพธิดาของผมดีกว่า…”
เวลานั้น เยี่ยหวันหวั่นปิดหน้าจอถ่ายทอดสด
ดี ดีมาก ดีจริงๆ
ในเมื่อพูดว่าเยี่ยไป๋มียีนอาชญากร…
งั้นเธอก็จะให้พวกเขาดูว่าหลังจากตัวเองกลับไปแล้ว อะไรถึงจะเรียกว่ายีนอาชญากรที่แท้จริง!
“ไม่ต้องดูแล้ว ไปบอกชีซิงว่าเตรียมตัวทันที พวกเราจะไปประเทศจีน” เยี่ยหวันหวั่นเอ่ยเสียงเย็น
ได้ยินคำพูดของเยี่ยหวันหวั่นเป่ยโต่วอึ้งเล็กน้อย “พี่เฟิง…เร็วขนาดนั้นเชียว ผมยังเตรียมตัวไม่เสร็จเลยนะ…อีกสองวันค่อยไปไม่ได้เหรอ”
เวลานั้นเยี่ยหวันหวั่นเหลือบมองเป่ยโต่วอย่างเรียบนิ่ง “นายคิดว่า ดูเทพธิดานายบนเน็ตฯ ดี หรือว่าไปประเทศจีนดูให้เห็นกับตาดีกว่าล่ะ”
“อะ…” เป่ยโต่วต้องเยี่ยหวันหวั่นอย่างตกใจ จากนั้นก็ตบต้นขาทันที “จริงด้วย ทำไมผมคิดไม่ถึงนะ! เทพธิดาผมอยู่จีนไม่ใช่เหรอ! พี่เฟิง พี่ฉลาดเกินไปแล้วจริงๆ!”
————————————————————————————-
บทที่ 1718 ในที่สุดก็กลับมาแล้ว
“แต่ฉันบอกนายไว้ก่อน เทพธิดานายมีแฟนแล้ว” เยี่ยหวันหวั่นเอ่ย
“โอ้…จู่ๆ ผมนึกขึ้นได้ว่ายังมีธุระนิดหน่อย” เป่ยโต่วทำท่าครุ่นคิดทันที
“สาวสวยประเทศจีนมีเยอะมากนะ” เยี่ยหวันหวั่นเสริมอีก
“อ๊ะ…ผมนึกขึ้นได้อีกแล้ว ผมจัดการธุระของผมเสร็จแล้ว พี่เฟิง ผมไปหาเหล่าชีตอนนี้แหละ” เป่ยโต่วพูดจบก็ไม่ให้โอกาสเยี่ยหวันหวั่นเอ่ยปากแล้วหันตัวจากไป
วันนั้นเยี่ยหวันหวั่นเริ่มเดินทางไปยังประเทศจีน พาชีซิง เป่ยโต่ว แล้วก็ผู้อาวุโสใหญ่กับผู้อาวุโสสามที่หน้าไม่อายอยากตามไปพร้อมกัน รวมไปถึงหัวกะทิของพันธมิตรอู๋เว่ยอีกกลุ่มหนึ่งออกจากรัฐอิสระแล้ว
จากรัฐอิสระมุ่งหน้าไปประเทศจีนจำต้องนั่งเครื่องบินหลายเที่ยวระหว่างหลายประเทศ ซับซ้อนอย่างยิ่ง
แต่ใช้กำลังทรัพย์ของพันธมิตรอู๋เว่ยรวบเที่ยวบินทั้งหมดก็นับว่าสุขสบาย ภายในเครื่องบินโดยสารแทบจะเป็นคนของพันธมิตรอู๋เว่ยทั้งหมด
ทุกคนไม่เคยไปประเทศจีน ในใจเกี่ยวกับประเทศจีนมีความสงสัยมาก จึงมองการเดินทางนี้เป็นการท่องเที่ยวโดยสมบูรณ์
สำหรับสมาชิกหัวกะทิของพันธมิตรอู๋เว่ย การเดินทางไปประเทศจีนครั้งนี้ ผู้นำให้ประโยชน์พวกเขาล้วนๆ!
ผ่านไปหลายวัน ประเทศจีน ที่สนามบิน
ตอนนั้นเยี่ยมู่ฝานกับคุณพ่อเกิดเรื่อง ซือเยี่ยหานพลันหายสาบสูญ ตระกูลเยี่ยกับตระกูลซือต่างมองเธอเป็นตะปูตำตาหนามแทงใจ
หลีกเลี่ยงการลำบากคุณแม่ และภายใต้ความจนใจ เยี่ยหวันหวั่นได้แต่ออกจากประเทศจีนก่อนชั่วคราว ขณะเดียวกันก็ค้นหาชีวิตของตัวเอง
ตอนนี้…ในที่สุดเธอก็กลับมาแล้ว…
อยู่ในรัฐอิสระเวลาแค่ไม่กี่เดือนสั้นๆ พอกลับมาที่นี่อีกครั้งก็ราวกับโลกอีกใบหนึ่ง ทำให้เธอคุ้นเคยเกินจะเปรียบ
เยี่ยหวันหวั่นกดแว่นตาบนใบหน้า ก้าวเดินไปข้างหน้า
ครั้งนี้เธอกลับประเทศเงียบๆ หลีกเลี่ยงไม่ให้ถูกแฟนคลับจำได้ เธอสวมผ้าปิดปากและแว่นตา
เป่ยโต่วกับชีซิงเธอก็เปลี่ยนรูปลักษณ์ให้เล็กน้อย ให้พวกเขาเปลี่ยนเป็นเสื้อผ้าตามกระแสแฟชั่นในประเทศแทน
เป่ยโต่วสวมชุดเบสบอลประกอบด้วยสีทองกับสีน้ำเงินคล่องตัว ด้านหลังเป็นลายปักสไตล์จีนขนาดใหญ่ที่กำลังนิยมกันในช่วงนี้ เข้าคู่กับกางเกงยีนขาดๆ และรองเท้ากีฬา ชีซิงก็สวมชุดสเวตเตอร์ตัวอักษรสีดำเรียบง่ายกับกางเกงกีฬาปักขอบแดง
ทั้งสองแต่งตัวลำลองทันสมัย พลันเปลี่ยนสไตล์ไปโดยสิ้นเชิง เป็นหนุ่มละอ่อนดูเพลินตา ระหว่างที่เดิน อัตราการเหลียวมองค่อนข้างสูงทีเดียว
ผู้อาวุโสใหญ่สวมชุดลำลองสีแดง ดูแล้วค่อนข้างเท่มาก ลากกระเป๋าเดินทางกับผู้อาวุโสสามพิจารณามองรอบด้านอย่างสงสัย
เพื่อหลีกเลี่ยงการดึงดูดความสนใจ ผู้อาวุโสสามให้สมาชิกหัวกะทิพันธมิตรอู๋เว่ยเคลื่อนไหวอิสระ ไปจัดหาที่พักก่อน
เป่ยโต่วหันซ้ายแลขวา สงสัยใคร่รู้มาก ถามนู่นนี่เยี่ยหวันหวั่นตลอดทาง ชีซิงก็มองตรงแต่สังเกตสถานการณ์รอบด้านโดยสัญชาตญาณ
ภายในสนามบินกว้างขวาง เยี่ยหวันหวั่นหันตัวเอ่ยปาก “ฉันไปห้องน้ำก่อน พวกนายไปรอฉันที่ร้านกาแฟแป๊บหนึ่ง”
ชีซิงเอ่ย “ครับ”
เป่ยโต่วก็เอ่ย “ผมไปด้วยๆ!”
หลังเยี่ยหวันหวั่นกับเป่ยโต่วไปห้องน้ำ ชีซิงก็นั่งอยู่ในร้านกาแฟคนเดียว
ขณะที่หลับตาผ่อนคลาย ก็สัมผัสถึงสายตาที่ตกลงบนตัวเองอย่างฉับไวจึงลืมตามอง
วินาทีถัดมาก็เห็นเด็กสาวหลายคนที่ตรงข้ามกำลังมองสำรวจตัวเองอย่างใจกล้าไร้มารยาท
หลังสังเกตเห็นสายตาของอีกฝ่าย ไม่เพียงไม่มีหลีกเลี่ยงกระทั่งยังร้องกรี๊ดอย่างตื่นเต้นขึ้นมา
หลังเด็กสาวพวกนั้นซุบซิบพูดคุยกันหนึ่งรอบ ก็กลับเดินตรงเข้าไปหาชีซิงด้วยกันภายใต้สายตาสังเกตการณ์ของเขา