บทที่ 1727 ไปดูพ่อกับพี่ชาย
“หวันหวั่น…หลายเดือนมานี้ลูกไปอยู่ไหนกันแน่น่ะ”
ผ่านไปนาน เหลียงหวั่นจวินจึงค่อยเอ่ยมาก
“ฮ่าๆ พี่สาว พวกเรากับเยี่ยหวันหวั่นทำธุรกิจด้วยกัน ก่อนหน้านี้ยุ่งมากมาตลอด หวันหวั่นงอแงจะกลับมาดูคุณอยู่เรื่อยแต่จนปัญญา ธุรกิจขึ้นอยู่กับเธอมาก นี่พอมีเวลาพวกเราก็เลยกลับมาเลยไม่ใช่เหรอ” ผู้อาวุโสใหญ่มองเหลียงหวั่นจวินพลางยิ้มบอก
“ขอบคุณค่ะ ช่วงนี้พวกคุณต้องดูแลหวันหวั่นแน่นอน…ก่อนหน้านี้คุยกับคุณนาน รู้สึกว่าคุณมีความรู้ลึกซึ้ง ฉันก็นับถือคุณมาก เยี่ยหวันหวั่นทำธุรกิจด้วยกันกับพวกคุณ ฉันก็วางใจ” เหลียงหวั่นจวินเอ่ยกับผู้อาวุโสใหญ่
“พี่สาว วางใจเถอะ พวกเราต่างเป็นพาร์ตเนอร์ร่วมมือกัน ทุกคนเชื่อใจซึ่งกันและกัน ธุรกิจก็ทำได้ไม่เลว จากนี้พี่สาวโชคดีมีความสุขแล้ว” ผู้อาวุโสใหญ่ไม่ยอมน้อยหน้ารีบเอ่ยปาก
“ดีๆๆ …ขอบคุณทุกคน ไม่รู้ว่าแต่ละท่านทำธุรกิจอะไรเหรอ” สีหน้าเหลียงหวั่นจวินเต็มไปด้วยความสงสัย
“คุณน้า พวกเราเปิดบริษัทใหญ่โต ที่พวกเราทำล้วนเป็นธุรกิจไร้ต้นทุน ปล้นเงินเอย ปล้นสินค้าเอย ปล้นคนเอย พวกเราทำหมด ก่อนหน้านี้ก็อยากทำจำพวกธุรกิจค้าอาวุธอยู่หรอก แต่ไม่กล้าทำ จนปัญญา ไม่งั้นทำเงินได้มากกว่านี้แล้ว!” เป่ยโต่วว่า
เยี่ยหวันหวั่นพูดไม่ออก
ผู้อาวุโสใหญ่นิ่งเงียบ
ผู้อาวุโสสามนิ่งเงียบ
ชีซิงก็นิ่งเงียบ
สิ้นเสียงของเป่ยโต่ว ทั่วทั้งคฤหาสน์ก็ไร้สุ้มเสียง
“ทำไมล่ะ ผมพูดไม่ถูกเหรอ” เป่ยโต่วถามพวกเยี่ยหวันหวั่น
“ฮ่าๆ พี่สาว สหายน้อยนี่เป็นคนมีอารมณ์ขันที่สุดในกลุ่มพวกเราแล้ว เขาชอบล้อเล่นมาก” ผู้อาวุโสใหญ่เปล่งเสียงหัวเราะก่อนจะพูด
เดิมทีเป่ยโต่วยังอยากพูดเถียงบางอย่าง แต่กลับถูกเยี่ยหวันหวั่นถลึงตาใส่จนไม่กล้าอ้าปากต่อ
“ใช่ๆๆ ผมนี่ชอบล้อเล่นที่สุดแล้ว ก่อนหน้านี้ยังอยากสร้างจรวดขึ้นดวงจันทร์อยู่เลย” เป่ยโต่วยิ้มกระอักกระอ่วน
ได้ยินคำพูดนี้แล้วเหลียงหวั่นจวินจึงค่อยวางใจ จากนั้นจ้องเป่ยโต่ว “เด็กคนนี้ เรื่องล้อเล่นอย่างนี้พูดต่อหน้าคนสนิทก็พอ ห้ามพูดมั่วไปทั่วเด็ดขาด ถ้าถูกคนอื่นคิดเป็นจริงเป็นจัง จะก่อปัญหาใหญ่ได้นะ”
“ครับ คุณน้าพูดถูก หลังจากนี้ผมไม่ล้อเล่นแล้ว” เป่ยโต่วพยักหน้ารัวๆ
“ทุกท่านลำบากแล้ว เที่ยงกินข้าวที่บ้าน ฉันจะไปซื้อผัก…”
หลังจากเยี่ยหวันหวั่นกลับมา อารมณ์ของเหลียงหวั่นจวินก็ดีขึ้นมาก
“แม่ หนูไปเป็นเพื่อนเองค่ะ”
เยี่ยหวันหวั่นตามเหลียงหวั่นจวินไป
…
บนโต๊ะอาหาร เหลียงหวั่นจวินจ้องเยี่ยหวันหวั่น “จริงสิ หวันหวั่น แฟนหนุ่มคนนั้นของลูกล่ะ”
แฟนหนุ่ม?
ได้ยินดังนั้น พวกชีซิงกับเป่ยโต่วก็มองเยี่ยหวันหวั่นทันที ทำไมพวกเขาไม่รู้ว่าผู้นำมีแฟนหนุ่มแล้ว!
เพื่อไม่ให้เหลียงหวั่นจวินกังวลเกินไป คิดอยู่สักครู่เยี่ยหวันหวั่นก็อธิบาย “แม่คะ ช่วงนี้เขาไม่อยู่ในประเทศ มีธุระที่ต่างประเทศนิดหน่อยต้องให้เขาไปจัดการน่ะค่ะ”
เหลียงหวั่นจวินขมวดคิ้วเล็กน้อย มักรู้สึกว่าลูกสาวมีเรื่องปกปิดเธออยู่…หรือว่าเพราะเลิกกับแฟนหนุ่มคนนั้นแล้ว จำได้ว่าเมื่อก่อนเยี่ยหวันหวั่นเคยพูดว่า แฟนเธอเป็นแค่พนักงานคนหนึ่งของซือกรุ๊ป จะไปทำธุรกิจที่ต่างประเทศได้ยังไง…
แต่เยี่ยหวันหวั่นไม่อยากพูด เหลียงหวั่นจวินก็ไม่ถามมาก
หลังกินข้าวเสร็จ เยี่ยหวันหวั่นก็ให้พวกเป่ยโต่วกับผู้อาวุโสใหญ่อยู่ที่บ้าน อีกทั้งยังให้ผู้อาวุโสใหญ่กับผู้อาวุโสสามดูเป่ยโต่วอย่างใกล้ชิด ให้เขาห้ามพูดมั่วซั่ว จากนั้นเยี่ยหวันหวั่นก็สวมแว่นตาดำ มุ่งหน้าไปสถานที่คุมขังเพื่อเยี่ยมเยี่ยมู่ฝานกับเยี่ยเส่าถิง
——————————————————————–
บทที่ 1728 ยังดีฉันหัวไว
เยี่ยหวันหวั่นไปที่สำนักงานกฎหมายจ้างทนายก่อน จากนั้นก็พาทนายไปสถานที่คุมขัง
เมื่อมีการเจรจาของทนาย ในที่สุดเยี่ยหวันหวั่นก็ได้เห็นพ่อกับเยี่ยเส่าถิงสมใจ
เวลานี้เยี่ยเส่าถิงนั่งอยู่ตรงข้ามเยี่ยหวันหวั่น สวมกุญแจมือสวมชุดนักโทษ สีหน้าเปี่ยมคาวมซีดเซียว
“หวันหวั่น…ลูกมาได้ยังไง!?”
เยี่ยเส่าถิงเห็นเยี่ยหวันหวั่นก็พลันมีสีหน้าตกใจ ดวงตาฉายแววยินดี
ช่วงเวลาที่พวกเขาถูกคุมขัง เหลียงหวั่นจวินก็มาหาบ่อยๆ และเหลียงหวั่นจวินก็บอกเขาว่าเยี่ยหวันหวั่นไปรวบรวมหลักฐานความบริสุทธิ์ของพวกเขาแล้ว
“พ่อ…”
เห็นเยี่ยเส่าถิงที่เหี่ยวแห้งแล้ว ในดวงตาเยี่ยหวันหวั่นฉายความเจ็บปวดอยู่บ้าง
“หวันหวั่น ไม่เจอหลักฐานก็ไม่เป็นไรนะ…” เมื่อเห็นท่าทางของเยี่ยหวันหวั่น เยี่ยเส่าถิงรีบเค้นรอยยิ้ม
ในเมื่อมีคนจงใจวางกับดักพวกเขา แล้วจะปล่อยให้คนอื่นหาหลักฐานเจอได้ง่ายๆ ได้ยังไง
“พ่อคะ วางใจเถอะ ครั้งนี้หนูกลับมาแล้ว พวกเราจะไม่เป็นไรแน่นอน เชื่อหนูนะ” เยี่ยหวันหวั่นจ้องเยี่ยเส่าถิงและเอ่ยปาก
ถึงแม้ชายหนุ่มที่ดูเหมือนแก่ชราอยู่บ้างตรงหน้าไม่ใช่พ่อแท้ๆ ของตัวเอง แต่ในใจเยี่ยหวันหวั่นกลับมองเยี่ยเส่าถิงเป็นพ่อแท้ๆ มาตลอดไม่เคยแปรเปลี่ยน
“ไม่เป็นไรหวันหวั่น พยายามสุดความสามารถก็พอ…” เยี่ยเส่าถิงยิ้มต่อ คิดแค่ว่าเยี่ยหวันหวั่นปลอบตัวเองก็เท่านั้น
ถ้าเยี่ยหวันหวั่นหาหลักฐานเจอจริงๆ หลักฐานนั้นก็คงถูกส่งไปนั่นแล้ว…
ยังไม่รอให้เยี่ยหวันหวั่นเอ่ยปากพูดอะไรต่อ เยี่ยเส่าถิงก็ถูกพาไปเนื่องจากครบเวลา
ผ่านไปครู่หนึ่ง เยี่ยมู่ฝานก็ถูกพาเข้ามา
เยี่ยมู่ฝานตรงหน้าโกนหัวเกรียน ใส่กุญแจมือสวมชุดนักโทษ หน้าตาลอยชาย
“เชี่ย…หวันหวั่น แกมาได้ยังไง! ฉันยังนึกว่าเป็นแม่ซะอีก!”
ดวงตาเยี่ยมู่ฝานเป็นประกายเมื่อเห็นเยี่ยหวันหวั่น พลันมีชีวิตชีวาขึ้นทันที
ตั้งแต่ที่พวกเขาถูกวางกับดักเยี่ยหวันหวั่นก็ไร้ข่าวคราว ช่วงเวลาหลายเดือนมานี้พวกเขาไม่เคยเห็นเยี่ยหวันหวั่นเลย
“ข้างในเป็นยังไงบ้าง” เยี่ยหวันหวั่นจ้องเยี่ยมู่ฝานขณะถาม
“เป็นยังไง…แกถามว่าเป็นยังไง พี่แกโตมาผิวเนียนละเอียด อยู่ที่นี่จะดีได้ยังไง เกือบเสียพรหมจรรย์แล้ว…แม่งเอ๊ย ยังดีฉันหัวไว ไอคิวค่อนข้างสูง ตอนนี้อยู่ข้างในก็นับว่าไม่เลว” เยี่ยมู่ฝานเอ่ยปาก
เยี่ยหวันหวั่นพูดไม่ออก
ได้ยินน้ำเสียงของเยี่ยมู่ฝาน ไม่แค่อยู่ได้ไม่เลว ข้างในเหมือนจะยังสบายมาก…
“หวันหวั่น เหลียงเหม่ยเซวียนพวกสวะสองคนนั่นต้องจงใจใส่ร้ายพวกเราแน่นอน เหลียงเหม่ยเซวียนต้องฆ่าเยี่ยเส่าอันแน่…หวันหวั่น แกหาหลักฐานเจอหรือยัง อีกไม่นานก็จะเปิดศาลตัดสินแล้ว ถ้ายังไม่เจอหลักฐาน ฉันกับพ่อต้องขึ้นสวรรค์คุ้มครองแกกับแม่แล้ว” เยี่ยมู่ฝานจ้องเยี่ยหวันหวั่นพร้อมบอก
เมื่อได้ยินคำพูดนี้ เยี่ยหวันหวั่นเหลือบมองเยี่ยมู่ฝาน เดิมทีคิดว่าเวลาหลายเดือนมานี้จะสามารถทำให้เยี่ยมู่ฝานโตขึ้นกลายเป็นผู้ใหญ่หนักแน่นขึ้นมาบ้าง ตอนนี้ดูท่าอาจจะเป็นเธอที่คิดมากไปหน่อย
“ตอนนี้ยังไม่มีหลักฐาน…” เยี่ยหวันหวั่นพูดตามความจริง
“หา!? ยังหาหลักฐานไม่เจอ…” เยี่ยมู่ฝานจ้องเยี่ยหวันหวั่นอย่างว่างเปล่า “จบกัน จบเห่แล้ว…ฉันบอกแกเลย เหลียงเหม่ยเซวียนยัยชั่วนั่นต้องเตรียมป้องกันไว้แล้วแน่ เรื่องใหญ่ขนาดนั้น รับรองว่าคงไม่ทิ้งหลักฐานอะไรไว้ ถ้าถูกเปิดโปง ถูกคนหาหลักฐานเจอ ถึงตอนนั้นคนที่จบเห่ก็คือยัยนั่นแล้ว…”