บทที่ 1729 ขี่ช้างจับตั๊กแตน
เยี่ยหวันหวั่นไม่ได้คัดค้านเกี่ยวกับที่เยี่ยมู่ฝานพูด เหลียงเหม่ยเซวียนระมัดระวังมากจริงๆ อยากจะหาหลักฐานของเธอไม่ง่ายเลย
“ตอนนี้ฉันมั่นใจว่าเหลียงเหม่ยเซวียนกับพ่อบ้านหวงสองคนร่วมมือกันใส่ร้ายพวกพี่” หลังเยี่ยหวันหวั่นครุ่นคิดชั่วครู่จึงเอ่ยกับเยี่ยมู่ฝาน
“พ่อบ้านหวง!?”
“ก่อนหน้านี้ฉันสะกดรอยตามเหลียงเหม่ยเซวียน พบว่าเธอคบชู้กับพ่อบ้านหวง…อีกอย่างนะ การตายของเยี่ยเส่าอันหนีไม่พ้นพวกเขา พวกเขานั่นแหละที่ทำ” เยี่ยหวันหวั่นอธิบาย
“เชี่ย…ฉันก็รู้สึกว่ายัยชั่วเหลียงเหม่ยเซวียนนั่นกับเจ้าแก่หวงมีปัญหาสักอย่าง เล่นหูเล่นตากันทั้งวัน ทั้งสองคนคบชู้กันจริงๆ ด้วย…หวันหวั่น ใช้ได้นี่ สืบเรื่องนี้ออกมาได้” เยี่ยมู่ฝานชูนิ้วโป้งให้เยี่ยหวันหวั่น
“ให้เวลาฉันอีกหน่อย ฉันจะต้องล้างมลทินให้พวกพี่ได้แน่” เยี่ยหวันหวั่นจ้องเยี่ยมู่ฝานและเอ่ยปาก
“เชี่ย หวันหวั่น แกต้องไวหน่อยนะ ไม่มีเวลาแล้วจริงๆ นี่เดี๋ยวก็จะเปิดศาลแล้ว ถึงตอนนั้นไม่มีหลักฐานพิสูจน์ว่าฉันกับพ่อบริสุทธิ์ ผลที่ตามมาไม่กล้าคิด จริงสิ แกได้เอาเป็ดย่างมาให้ฉันไหม ปากฉันใกล้จะเสียต่อมรับรสแล้ว” เยี่ยมู่ฝานพูดถึงครึ่งหนึ่ง ก็เปลี่ยนประเด็นและจ้องเยี่ยหวันหวั่น
เยี่ยหวันหวั่นหมดคำพูด
“ไม่ได้เอามา” เยี่ยหวันหวั่นขมวดคิ้วเอ่ย “รอตอนพี่ออกไป อยากกินเป็ดย่างมากขนาดไหนก็ได้กินน่า”
“ออกไปแล้วฉันจะยังกินเป็ดย่างเหรอ” เยี่ยมู่ฝานเบ้ปาก
“หมดเวลาแล้ว”
ไม่ปล่อยโอกาสให้เยี่ยหวันหวั่นพูดต่อ เยี่ยมูฝานก็ถูกคนพาออกไปจากที่นี่
เวลามีจำกัด เยี่ยหวันหวั่นก็ไม่ได้รั้งอยู่ หันตัวออกไปจากสถานที่คุมขัง
หลังจากให้ทนายกลับไปแล้ว เยี่ยหวันหวั่นก็ขับรถกลับไปยังคฤหาสน์ทะเลทองคำ
เพิ่งเข้าประตูมาเยี่ยหวันหวั่นก็เห็นเหลียงหวั่นจวิน ผู้อาวุโสใหญ่ ผู้อาวุโสสาม รวมถึงชีซิงทั้งสี่คนกำลังเล่นไพ่พิชิตแลนลอร์ด ส่วนเป่ยโต่วก็กำลังค้อมตัวยืนอยู่ข้างหลังชีซิง
“ชีซิง ลงอันนี้…นายมีระเบิดทำไมไม่ระเบิด ลงโจ๊กเกอร์ใหญ่สิ…กลัวอะไร โจ๊กเกอร์เล็กก็อยู่ในมือนายนี่…” เสียงของเป่ยโต่วดังไม่หยุด
ชีซิงขมวดหัวคิ้วน้อย เหล่มองอีกฝ่าย “อย่าพูดได้ไหม ฉันคือแลนลอร์ด”
ไม่นาน เหลียงหวั่นจวินกับผู้อาวุโสใหญ่และผู้อาวุโสสามที่ล่วงรู้ไพ่แลนลอร์ดของชีซิงทั้งหมดผ่านปากเป่ยโต่วก็กำราบชีซิงลงกับพื้นได้อย่างราบรื่น สุดท้ายชีซิงก็พ่ายแพ้ตานี้ไป
“ชีซิง ความจริงการเล่นของนายมีปัญหานิดหน่อยนะ” เป่ยโต่วเอ่ยอย่างครุ่นคิด
ชีซิงเอ่ย “ไสหัวไป”
“ผะ…หวันหวั่น เธอกลับมาแล้ว”
ผู้อาวุโสใหญ่จ้องเยี่ยหวันหวั่นที่เพิ่งเข้าบ้านมา เขาเอ่ยพลางหัวเราะเบาๆ
พอเห็นเยี่ยหวันหวั่นกลับมา เหลียงหวั่นจวินก็ลุกขึ้น เก็บกวาดหนึ่งรอบ “หวันหวั่น ลูกรับแขกนะ แม่จะไปซื้อของอีกรอบ ตอนเย็นทุกคนกินข้าวที่บ้าน”
“ได้ค่ะ” เยี่ยหวันหวั่นพยักหน้าให้เหลียงหวั่นจวิน
หลังเหลียงหวั่นจวินจากไป เยี่ยหวันหวั่นก็ไม่พูดพร่ำทำเพลง พาพวกเป่ยโต่วชีซิงสี่คนออกจากคฤหาสน์
ครึ่งชั่วโมงผ่านไป หน้าบ้านตระกูลเยี่ย
เยี่ยหวันหวั่นหยิบภาพถ่ายของเหลียงเหม่ยเซวียนกับพ่อบ้านหวงมาแบ่งให้ทั้งสี่คนดูอย่างชัดเจน
“ช่วงนี้จับตาดูสองคนนี้อย่างใกล้ชิด ถ่ายภาพได้ก็ถ่าย บันทึกวิดีโอได้ก็บันทึก จำไว้ว่าอย่าถูกใครพบเข้า” เยี่ยหวันหวั่นมอบหมายงาน
ด้วยความเชี่ยวชาญของพวกเป่ยโต่ว ทำเรื่องแค่นี้ไม่น่าจะมีปัญหา
แม้ไม่รู้จุดประสงค์ของเยี่ยหวันหวั่นแต่พวกเป่ยโต่วก็กลับไม่ได้สงสัยใดๆ ต่างพยักหน้ารับติดต่อกัน ถึงจะลอบสาปแช่งวิจารณ์ที่ผู้นำบ้านตนให้พวกตนทำเรื่องอย่างสะกดรอยตามซึ่งออกจะขี่ช้างจับตั๊กแตนไปหน่อยก็ตามที
———————————————————-
บทที่ 1730 อาณาจักรที่พี่เยี่ยพิชิต
ช่วงเวลาหลายวันติดต่อกัน ตอนกลางวันพวกเป่ยโต่วรับหน้าที่สะกดรอยตาม ตอนกลางคืนทั้งสี่คนก็กลับคฤหาสน์มาพักผ่อน ไม่มีปัญหาใดๆ
ส่วนเยี่ยหวันหวั่นจัดการฝั่งมารดาเรียบร้อยแล้ว ก็ย่อมต้องไปเจอพวกหานเซี่ยนอวี่สักรอบ
ขณะเดียวกัน ที่คฤหาสน์ตรงชานเมืองที่หานเซี่ยนอวี่พำนักอาศัย
ในโถงใหญ่ หานเซี่ยนอวี่กับลั่วเฉินนั่งอยู่บนโซฟาอย่างเหนื่อยล้า เจียงเยียนหรานก็ยืนอยู่ด้านหน้าหน้าต่างสูงจรดเพดานอย่างใจลอย ส่วนกงซวี่ก็เดินไปเดินมาในห้องอย่างอยู่ไม่สุข ไม่หยุดสักวินาทีเดียว
เฟ่ยหยางที่กำลังนั่งจ้องโน้ตบุ๊กอยู่หน้าโต๊ะนวดหว่างคิ้วพลางมองไปทางกงซวี่อย่างเหลืออด “พ่อคุณทูนหัว นายนั่งลงนิ่งๆ อย่าเดินไปมาหน้าฉันสักเดี๋ยวได้ไหม”
สิ้นเสียงคำพูดนี้ กงซวี่ก็เหมือนประทัดที่ถูกจุดยังไงยังงั้น หัวรังนกที่ยุ่งเหยิงนั้นก็เริ่มคำรามลั่น “เชี่ย! คุณชายใกล้จะถูกแก๊งโจรอันธพาลจับไปถ่ายหนังหนังโป๊แล้วนะ ผมจะเดินไปมาแล้วทำไม สิทธิบุคคลในการเดินไปเดินมาของผมก็ไม่มีแล้วเหรอ หา?”
เฟ่ยหยางดันแว่นตาอย่างหมดคำพูด เขาจะไปถ่ายหนังโป๊แล้วเกี่ยวอะไรกับการเดินพล่านในห้องไม่หยุดเหมือนสปริงที่เด้งตลอดเวลากัน
แต่เฟ่ยหยางก็รู้ว่ากงซวี่อารมณ์ไม่ดี เขาอ้าปาก สุดท้ายก็ยังอดทนไม่ว่าอีกฝ่าย “ได้ๆๆ นายเดินไปเถอะ ถ้าเดินไปมาหลายรอบแล้วจะช่วยให้ถอดผ้าน้อยชิ้นลงละก็…”
เสี่ยวฉิงที่ช่วยลั่วเฉินจัดเสื้ออยู่ด้านข้างเอ่ยเสียงอ่อน “เทียบกับพี่ซวี่ พี่เซี่ยนอวี่กับพี่เฉินยังแย่ยิ่งกว่าอีก…”
ตงไจ๋พยักหน้าเห็นด้วย “ไม่ใช่หรือไงล่ะ! พี่เซี่ยนอวี่ถูกบังคับให้ต้องปล่อยบทของหนังฮอลลีวูดฟอร์มยักษ์นั่น ต้องยกทุกอย่างให้เจ้าหลิงเส่าเจ๋อนั่นของหวงเทียน พี่เฉินก็ต้องอยู่เป็นเพื่อนคุณหนูใหญ่ชั่วร้ายคนนั้นทุกวัน! พี่เฉิน ยัยแม่มดนั่นไม่ได้ทำอะไรพี่ใช่ไหม”
สีหน้าของลั่วเฉินเหมือนแข็งไปแล้วบางส่วน เขาเอ่ยปากด้วยสีหน้าทะมึน “ฉันไม่เป็นไร ไม่ต้องสนฉัน พวกนายดูแลฝั่งบริษัทก็พอ”
สีหน้าของเสี่ยวฉิงเต็มไปด้วยความโกรธ “หวงเทียนเอนเตอร์เทนเมนต์อาศัยเบื้องหลังใต้ดินกดขี่ข่มเหงแบบนี้ไม่มีใครจัดการได้เลยหรือไง”
เจียงเยียนหรานที่อยู่ข้างหน้าต่างเอ่ยแผ่วเบา “เบื้องหลังคนพวกนั้นลึกขนาดนั้น ต่างก็เป็นคนโหดเหี้ยมไร้หัวใจ ใครกล้าจัดการกันล่ะ”
ตงไจ๋พึมพำงึมงำ “ไม่สู้ทุกคนรวมตัวออกกันจากจูเสินสือไต้ก็สิ้นเรื่องแล้ว…”
หลังตงไจ๋พูดประโยคนี้จบ รวมหานเซี่ยนอวี่ที่เมื่อครู่นี้นิ่งเงียบไม่ได้พูดอะไรมาตลอด ลั่วเฉิน กงซวี่ และเจียงเยียนหราน ทั้งสี่คนแทบจะเอ่ยอย่างพร้อมเพรียงกัน
“ไม่ได้”
สี่คนสบตากันก่อนจะเงียบลง
กงซวี่พ่นลมแล้วเอ่ยว่า “ไปอะไรล่ะ จูเสินสือไต้เป็นเลือดเนื้อของพี่เยี่ยเชียวนะ! เป็นอาณาจักรที่พี่เยี่ยพิชิตมาให้พวกเรา จะประเคนให้คนอื่นได้ยังไง ถ้าพวกเราไปจะไม่ละอายต่อพี่เยี่ยเหรอ”
ความว่างเปล่าบนใบหน้าของเจียงเยียนหรานเวลานี้แปรเปลี่ยนเป็นแน่วแน่โดยสิ้นเชิง “เอาเป็นว่าฉันจะไม่ไป”
ลั่วเฉินก็เอ่ยตามมาติดๆ “ผมก็จะอยู่รอพี่เยี่ยกลับมา”
หานเซี่ยนอวี่เอ่ยอย่างอ่อนโยนด้วยเสียงที่เหมือนสามารถปลอบประโลมจิตใจผู้คนได้ “สถานการณ์ไม่ได้ร้ายแรงขนาดนั้น ยังไงอิทธิพลของพวกเราก็ตั้งอยู่ที่นี่ พวกเขาก็ไม่กล้าทำเกินเลยเกินไป”
ถึงแม้หานเซี่ยนอวี่จะพูดแบบนี้ แต่สีหน้าของทุกคนก็ไม่ได้ผ่อนคลายลง ในใจต่างรู้ว่าคนอันธพาลพวกนั้นรับมือยากมาก
กงซวี่ราวกับสัตว์เลี้ยงที่ถูกทิ้ง เขาสะอื้นไห้พลางกอดหมอนฟุบบนโต๊ะน้ำชาอย่างเหี่ยวเฉา “แง…ผมคิดถึงพี่เยี่ยมากเลย…”