บทที่ 1743 โหดเกินไปแล้ว!
กงซวี่เกือบโกรธจนจะบ้าเพราะเยี่ยหวันหวั่นมีท่าทางเมินเฉยแล้ว “พี่เยี่ย พี่อ่อนต่อโลกเกินไปแล้ว ไม่เข้าใจเรื่องใต้ดินพวกนั้น ผมบอกพี่ตามตรงดีกว่า เยี่ยอีอีสมคบคิดกับคนของสมาคมหงซิ่ง สมาคมหงซิ่งพี่น่าจะรู้จักอยู่แล้วมั้ง พวกนั้นไม่ใช่โจรกุ๊ยธรรมดา คนพวกนั้นต่างเป็นพวกเดนตายเลียเลือดบนคมดาบ ไม่มีมนุษยธรรม!”
ตอนที่กงซวี่พูด ก็มีลูกสมุนหลายคนพุ่งเข้ามาล้อมพวกเขาเป็นวงกลมจากรอบๆ
เยี่ยหวันหวั่นดึงกงซวี่มานั่งบนเก้าอี้ที่ด้านข้าง “ไม่ต้องรีบน่า! นั่งลงดื่มชา! ฉันรู้จักสมาคมหงซิ่งนะ! เหมือนจะน่ากลัวมาก! แต่ ฉันก็น่ากลัวมากเหมือนกัน!”
กงซวี่เกือบจะทรุดลงแล้ว “พี่เยี่ย! พี่เลิกล้อเล่นได้แล้ว! นี่มันเวลาไหนแล้วพี่!”
เยี่ยหวันหวั่นเบ้ปาก “ไม่ได้ล้อเล่นนะ ฉันน่ากลัวมากจริงๆ! เพื่อนสองคนนี้ของฉันก็ไม่มีมนุษยธรรม! แถมยังโหดเหี้ยมมาก!”
กงซวี่บอก “…แขนยังไม่ใหญ่เท่าต้นขาคนเขาเลย! โหดเหี้ยมกับผีสิ!”
ทำยังไงดี พี่เยี่ยเขาหลังออกไปหลายวันแล้วกลับมาเหมือนจะเปลี่ยนไปปัญญาอ่อนแล้ว
พริบตาที่สิ้นเสียงของกงซวี่ เห็นแค่ว่าชายร่างใหญ่กล้ามแน่นมีรอยสักที่สูงราวหนึ่งเมตรเก้าสิบเหวี่ยงกำปั้นใหญ่เท่าหม้อดินเผาตรงเข้าใส่ใบหน้าสง่างามหล่อเหลาที่ไร้อารมณ์ของชีซิง
“อ้าก! จบเห่แล้ว!” กงซวี่กรีดร้องพลางปิดตา
อย่างที่คิดไว้ กงซวี่เพิ่งปิดตาก็ได้ยินเสียง ‘ตูม’ ดังสนั่น
กงซวี่แอบมองลอดหว่างนิ้วไปข้างนอกอย่างระมัดระวัง วินาทีถัดมาก็เลื่อนมือออก ตกใจจนคางใกล้จะถึงพื้นแล้ว…
นะ…นี่มันเกิดอะไรขึ้น!
เขาเห็นอะไรเข้าแล้ว?
ร่างกายที่ผอมบางเมื่อเทียบกับชายร่างใหญ่ของชีซิงยืนอยู่ตรงนั้นโดยไม่เคลื่อนไหว แค่พลิกข้อมือหนึ่งที ก็คว้าจับมือของชายร่างใหญ่นั้นไว้ด้วยความเจ้าเล่ห์
จากนั้นวินาทีถัดมา ทั้งร่างของชายร่างใหญ่ก็ถูกโยนออกไปเหมือนกับกระสอบทราย…
“เอ่อ…” เขา…เขาตาฝาดไปหรือเปล่า เมื่อกี้เกิดเรื่องอะไรขึ้น
ชั่วขณะที่กงซวี่กำลังมึนงง เป่ยโต่วที่เหมือนกับนกยูงก็เคลื่อนไหวแล้ว เห็นแค่เขาเตะลูกสมุนคนหนึ่งลอบไป อีกมือก็บิดหักแขนของชายร่างใหญ่อีกคน เกิดเป็นเสียงดัง ‘กร๊อบ’ ชวนขนพลองสยองเกล้า
“อ้ากกก—อ้ากกก—”
เสียงกรีดร้องของชายร่างใหญ่แทบจะทะลุเพดาน
ชายร่างใหญ่คนนั้นกลิ้งลงกับพื้นอย่างร้องหาพ่อหาแม่ ทั้งแขนถูกบิดหักกลับไปด้านหลัง ห้อยต่องแต่งอยู่ตรงนั้นอย่างอ่อนยวบเหมือนเส้นหมี่…
ชายร่างใหญ่ที่เมื่อครู่ถูกชีซิงโยนออกไปกระแทกเข้ากับกำแพง กำลังกระตุกพลางกระอักเลือดออกมา…
คางของกงซวี่ใกล้จะร่วงลงมาแล้ว แผ่นหลังสั่นเทา ท่าทางที่มองเป่ยโต่วกับชีซิงเหมือนมองผียังไงยังงั้น หดตัวไปอยู่ด้านหลังเยี่ยหวันหวั่นโดยไม่รู้ตัว “ชะ…ชะ…เชี่ย…”
จากนั้นในเวลาสั้นๆ ไม่กี่นาที ทุกคนอึ้งตะลึงมองเด็กหนุ่มที่หน้าตาหล่อเหลาสองคนนั้นอัดพวกชายร่างใหญ่บึกบึนจนหัวแตกเลือดไหลเหมือนกับปีศาจ
ทั้งสองคน หนึ่งคนสีหน้าไร้อารมณ์ อีกหนึ่งคนมีรอยยิ้มตื่นเต้นและบิดเบี้ยวที่ชวนให้คนขนลุกชัน ขอแค่ลงมือก็ใช้วิธีที่โหดเหี้ยมถึงขีดสุด ทุกคนมองดูจนขนพองสยองเกล้า
ชายร่างใหญ่คนหนึ่งถูกเตะลอบไปบนกำแพง หน้าผากถูกแรงมหาศาลกระแทกแตกโดยตรง…
“อุก…” เหยาเจียเหวินที่เมื่อครู่นี้ยังยกตนข่มท่านอ้วกไปด้วย ตัวอ่อนยวบเหมือนโคลนไปด้วย กลิ่นฉุนของปัสสาวะลอยขึ้นมา
เยี่ยหวันหวั่นดื่มกาแฟอย่างสำราญใจ “เป็นยังไง โหดไหม”
กงซวี่พูดไม่ออก
โหดเกินไปแล้วไหม!
————————————————————————–
บทที่ 1744 หมาที่ดุที่สุดในโลก
เวลานี้กงซวี่เบิกตากว้าง มองเยี่ยหวันหวั่นอย่างไม่อยากเชื่อ มุมปากกระตุกน้อยๆ เหมือนอยากพูดอะไรบางอย่าง แต่สุดท้ายก็ไม่ได้พูดออกไป สายตาขยับน้อยๆ ตกลงบนตัวของเป่ยโต่วอีกครั้ง
นกยูงตัวที่ขนาดรูปร่างใกล้เคียงกับเขา ทำไมถึงครอบครองพละกำลังระเบิดเถิดเทิงแบบนี้ได้ ฝ่ามือเดียวก็ตบวัวตายได้แล้วมั้ง!
นี่มันน่ากลัวเกินไปแล้ว…แล้วก็โคตรแม่งโหดเหี้ยมเลย!
“บ้าเอ๊ย…แม่เจ้า ผมไม่ได้กำลังฝันไปใช่ไหม…” กงซวี่มองสตูดิโอที่ถูกทำลายจนเละเทะ ชายร่างสูงใหญ่บึกบึนพวกนั้นกองอยู่กับพื้น ปากส่งเสียงร้องครวญครางไม่หยุด
นี่แตกต่างจากความคาดหมายของกงซวี่โดยสิ้นเชิง
“เชี่ย พวกแกเจ้าพวกหมีนี่ เล่นเป็นแก๊งมาเฟียอยู่รึไง”
หลังเป่ยโต่วโยนชายกำยำชุดดำออกไปแล้วก็กวาดตามองทั่วสถานที่ และส่ายหน้าอย่างเปี่ยมความผิดหวัง “ถุ้ย แม่งหน้าไม่อายกันทั้งนั้นจริงๆ ”
ชีซิงยืนอยู่ด้านข้างเยี่ยหวันหวั่น สีหน้าไร้อารมณ์ราวกับเทพเฝ้าประตู
“พี่ชาย สุดยอดมาก…”
กงซวี่เดินไปข้างกายเป่ยโต่วและชูนิ้วโป้งให้อีกฝ่าย “พี่โคตรเจ๋งเลย”
“น้องชาย แค่นี้ก็คิดว่าพี่เป่ยนายเจ๋งแล้วเหรอ นี่เพิ่งถึงไหนเอง นายยังไม่เคยเห็นตอนพี่เป่ยนายน่าเกรงขามที อย่าพูดถึงคนพวกนี้เลย เคยได้ยินชื่อเจ้าสวะหมาไหม เจ้าสวะหมาเจอพี่เป่ยนายยังต้องหลีกทางให้ นายคิดว่าฉันโม้นายสินะ” สีหน้าเป่ยโต่วเปี่ยมความทะนง
“จะ…เจ้าสวะหมา? ”
พอได้ยินเจ้าสวะหมาในคำพูดเป่ยโต่ว กงซวี่มีสีหน้างุนงง เจ้าสวะหมาคือบ้าอะไร?
“ทำไม ไม่เคยได้ยินชื่อเจ้าสวะหมาเหรอ” เป่ยโต่วเหลียวมองกงซวี่
กงซวี่ยืดหลังตรงทันทีแล้วรีบพูด “เคยได้ยินสิ พี่ ผมก็เป็นคนที่เคยเห็นโลกกว้างนะ เจ้าสวะหมาอะไรนั่นต้องเคยได้ยินอยู่แล้ว ก็คือหมาตัวใหญ่ที่ร้ายกาจมาก พี่ เจ้าสวะหมาก็คือพิตบูลที่ได้ชื่อว่าเป็นหมาที่ดุที่สุดในโลกใช่ไหมล่ะ ผมยังเคยเลี้ยงตัวหนึ่งเลยนะ”
ถึงแม้ไม่รู้ว่าเป่ยโต่วพูดถึงอะไรกันแน่ แต่เพื่อไม่ให้เสียหน้า กงซวี่ก็เลยได้แต่ต้องฝืนกำลังรักษาหน้า พล่ามมั่วไปเรื่อย
เป่ยโต่วมองกงซวี่อย่างยากบรรยาย “เอ่อ… หมายถึงเจ้าสวะหมาที่รัฐอิสระ นายไม่รู้จักเหรอ”
“รู้จัก ต้องรู้จักอยู่แล้ว จะไม่รู้จักได้ยังไง รัฐอิสระน่ะนะ…ก็คือรัฐที่ค่อนข้างมีอิสระ แยกตัวจากโลก เป็นแดนสวรรค์ บนเกาะมีพิตบูลที่ดุร้ายที่สุดในโลกไง”
เป่ยโต่วพูดไม่ออก
ชีซิงนิ่งเงียบ
เยี่ยหวันหวั่นก็นิ่งเงียบ
ยังไม่รอให้เยี่ยหวันหวั่นเอ่ยปากพูดอะไร เป่ยโต่วก็เหลือบตา เห็นแค่ว่าชายกำยำที่ข้างเท้าถือเศษกระจกในมือกำลังลุกขึ้นช้าๆ
ยังไม่ทันที่ชายกำยำคนนั้นจะลุกขึ้น เป่ยโต่วก็เข้าไปเตะหน้าของฝ่ายตรงข้ามอย่างแรงและเตะชายชุดดำคนนั้นลอยออกไปสามสี่เมตร
“หมอบดีๆ ฉันให้แกลุกขึ้นมาเหรอ” เป่ยโต่วชายกำยำที่ตัวเองเตะออกไปอย่างไม่พอใจเล็กน้อย
“เห กล้ามากนี่ ยังเมินฉันอีก” เห็นชายชุดดำไม่เปล่งเสียง เป่ยโต่วก็พลันระเบิดอารมณ์โกรธ
ยังไม่รอให้เป่ยโต่วเคลื่อนไหว กงซวี่ก็เข้าไปขวางเป่ยโต่วทันทีแล้วเอ่ย “คนสลบไปแล้วจะตอบได้ยังไง ช่างมันเถอะครับ”
เป่ยโต่วพยักหน้า “เห็นแก่หน้านาย”
ไม่นานเป่ยโต่วก็หันมองเยี่ยหวันหวั่น “พี่เยี่ยพังเสร็จแล้วยังจะพังต่อไหม”
ตอนนี้พวกเหยาเจียเหวินหน้าซีดเผือด เจ้าหน้าที่สตูดิโอก็หลบอยู่อีกด้าน โกรธแต่ไม่กล้าระบาย
เด็กหนุ่มสองคนที่เยี่ยไป๋พามาน่ากลัวเกินไปแล้ว!