บทที่ 1745 ทั้งหมดคือการเข้าใจผิด
“ไม่ต้องพังแล้ว” เยี่ยหวันหวั่นเอ่ยเสียงเรียบ
“งั้นพวกเราไปกินข้าวกันเถอะ ผมหิวแล้ว” เป่ยโต่วเอ่ย
“รีบทำไม ทำเรื่องเสร็จแล้วเหรอ” เยี่ยหวันหวั่นเอ่ย
“พี่เยี่ย พวกเราไม่ไปเดี๋ยวกำลังเสริมของพวกนั้นก็มาแล้วจะหนียากนะ!” กงซวี่รีบพูด
“น้องชาย คำพูดนี้หมายความว่าไง กำลังเสริมมาแล้วทำไม ขยะพวกนี้ นิ้วเดียวฉันก็บี้ตายแล้ว มดมากขนาดไหนก็ยังไม่ทรงพลังเท่าช้างไม่ใช่เหรอ” เป่ยโต่วเบ้ปากเอ่ย
“พี่ พี่พูดถูก แต่…งั้นตอนนี้พวกเราจะอยู่ที่นี่ทำไม” กงซวี่มีสีหน้าไม่เข้าใจ
“ถ่ายหนังไงล่ะ นายไม่เห็นทุกคนตั้งใจทำงานกันอย่างเต็มที่เหรอ จะไปทั้งที่ไม่รับผิดชอบแบบนี้ได้ยังไง” เยี่ยหวันหวั่นหัวเราะเสียงเบา
ได้ยินคำพูดนี้ สีหน้ากงซวี่แปรเปลี่ยนไปเล็กน้อย จ้องเยี่ยหวันหวั่นอย่างตกใจ “เชี่ย…พี่เยี่ย…ไม่มั้งพี่…”
ไม่ปล่อยโอกาสให้เยี่ยหวันหวั่นเอ่ยปาก กงซวี่ก็กัดฟันราวกับทำการตัดสินใจครั้งยิ่งใหญ่ได้ “พี่เยี่ย นอกจาก…พี่จะถ่ายกับผม ไม่งั้นผมก็ไม่ถ่ายนะ”
เยี่ยหวันหวั่นกลอกตาใส่กงซวี่ทันที ในสมองเจ้านี่ใส่ถั่วเน่าไว้รึไง ใครจะให้เขาไปถ่ายกัน
เยี่ยหวันหวั่นคร้านจะสนใจกงซวี่ ลุกขึ้นเดินไปที่โต๊ะอย่างไม่เต็มใจ ใช้นิ้วเคาะบนโต๊ะเบาๆ และหัวเราะเสียงเย็นเอ่ยว่า “ผู้กำกับ หลบด้านใต้ทำอะไร ออกมาทำงานได้แล้ว”
“อะ…ผะ…ผู้อำนวยการเยี่ย…เข้าใจผิด ทั้งหมดเป็นการเข้าใจผิด ผมไม่สนิทกับพวกเขานะ!”
ผู้กำกับคลานออกมาจากใต้โต๊ะอย่างรวดเร็ว ใบหน้ามีรอยยิ้มประจบประแจงขณะมองเยี่ยหวันหวั่น “ผู้อำนวยการเยี่ย ผมเป็นแฟนคลับของคุณ แฟนคลับเดนตายของคุณ คนพวกนี้บังคับผมมาถ่ายหนังอย่างนี้ ช่างน่าขายหน้าอย่างใหญ่หลวงจริงๆ ผู้อำนวยการเยี่ย คุณรู้ไหม ชีวิตนี้ของผมรังเกียจการถ่ายหนังผิดศีลธรรมอย่างนี้ที่สุด!”
“หุบปาก” เยี่ยหวันหวั่นชำเลืองมองผู้กำกับอย่างรำคาญเล็กน้อย
“ครับ” ผู้กำกับพยักหน้า
“คนเขียนบทล่ะ” เยี่ยหวันหวั่นนั่งลงบนเก้าอี้ จากนั้นตะโกนขึ้น
“ผม…ผู้อำนวยการเยี่ย ผมคือคนเขียนบท…”
“เอาบทมาให้ฉันดูหน่อย” เยี่ยหวันหวั่นเอ่ย
คนเขียนบทส่งบทให้เยี่ยหวันหวั่นด้วยสองมืออย่างรวดเร็ว
เวลาอย่างมากสุดแค่สิบกว่าลมหายใจ เยี่ยหวันหวั่นกวาดตาผ่านบท จากนั้นก็ยิ้มเอ่ย “พวกคุณนี่ไม่เป็นมืออาชีพจริงๆ ตัวเอกหญิงกับตัวเอกชายเลือกซะหัวลาไม่ตรงปากม้า หนังเรื่องนี้หลังถ่ายออกไปจะดังได้ยังไง”
“ถูกครับๆๆ!” ผู้กำกับรีบเอ่ย “ผู้อำนวยการเยี่ย คุณพูดถูกมากๆ ก่อนหน้านี้ผมก็เคยว่าเลือกนักแสดงชุ่ยเกินไป ไม่มีความทรงพลังกับพลังทำลายล้างที่มีวิสัยทัศน์!”
“งั้นผู้กำกับคิดว่าใครเหมาะเป็นตัวเอกหญิงคนนี้ดี” มุมปากเยี่ยหวันหวั่นอมยิ้มขณะมองผู้กำกับ
ได้ยินดังนั้นผู้กำกับส่ายหน้ารัว “ผู้อำนวยการเยี่ย เรื่องนี้ผมไม่แน่ใจ!”
“คุณคิดว่าเหยาเจียเหวินเป็นยังไง”
ระหว่างที่เยี่ยหวันหวั่นพูด สายตาก็ตกลงบนตัวของเหยาเจียเหวินที่อยู่ไม่ไกล
“เยี่ยไป๋ เธอว่าไงนะ!”
เหยาเจียเหวินขึงตามองเยี่ยหวันหวั่นอย่างแรง
“เยี่ยม! เยี่ยมไปเลย! เหยาเจียเหวินเป็นตัวเอกหญิง สมบูรณ์แบบมาก!” ผู้กำกับรีบชูนิ้วโป้งให้เยี่ยหวันหวั่น
“ส่วนตัวเอกชาย…” เยี่ยหวันหวั่นหันมองไปยังพวกชายกำยำชุดดำที่กำลังร้องครวญคราง “ใครไม่อยากตาย ก็ยืนขึ้นมา”
ชายกำยำชุดดำที่ยังครวญครางสุดชีวิตเมื่อครู่ได้ยินดังนั้นก็ลุกขึ้นมาจากพื้นทันใด “ผม ผมไม่อยากตาย!”
—————————————————————–
บทที่ 1746 หมาที่เก็บกลับมา
“อะไรนะ! แกไม่อยากตายเหรอ” เป่ยโต่วยกเท้าถีบก้นของชายหนุ่ม “แกบอกไม่อยากตายก็ไม่ตายเลยเหรอ อยากให้ฉันขายหน้าหรือไง”
เยี่ยหวันหวั่นมองชายหนุ่ม “ไม่อยากตายก็ง่ายๆ ฉันมองรูปร่างคุณ เป็นพระเอกของหนังเรื่องนี้ได้สบาย คุณคิดว่าไงล่ะ”
“ผมทำได้ ผมมีประสบการณ์นะ! พี่ใหญ่ พี่ว่ายังไงผมว่ายังงั้น!” ชายกำยำชุดดำพยักหน้ารัว
ได้ถ่ายหนังอย่างนี้แถมยังไม่ถูกตีตาย นางเอกยังเป็นเหยาเจียเหวิน ถึงใช้คำว่าสวยมาบรรยายไม่ได้ แต่อย่างน้อยก็ไม่น่าเกลียด…คิดดูยังไง ตัวเขาก็ได้กำไรแล้ว…
“งั้น ถึงตอนนั้นเบลอหน้าผมได้หรือเปล่า” ชายกำยำคิดเล็กน้อยก่อนถาม
“คุณว่าไงล่ะ” เยี่ยหวันหวั่นจ้องชายชุดดำพลางยิ้มน้อยๆ
“โอ้ ผมคิดว่า…ไม่ต้องก็ได้ ผมเต็มใจอุทิศตนเพื่อศิลปะ!” ชายกำยำชุดดำเอ่ยปาก
“ผู้กำกับ ยังไม่เริ่มทำงานอีก” เยี่ยหวันหวั่นหันมองผู้กำกับ
“เยี่ยไป๋ นี่เธออยากตายสินะ…เธอคิดว่าเธอยังจะมีชีวิตเหรอ…พาหนุ่มหน้าขาวที่ฝีมือดีนิดหน่อยมาสองคน เธอก็กล้าต่อต้านฉัน ต่อต้านหวงเทียนเอนเตอร์เทนเมนต์แล้ว…เธอจะต้องตายอย่างน่าสมเพช รวมถึงครอบครัวของเธอ อย่าคิดจะมีชีวิตสักคนเดียว!” เหยาเจียเหวินมองเยี่ยหวันหวั่น คำรามเหมือนเป็นโรคประสาท
“พล่ามอะไร รีบถอดเสื้อเร็วๆ บอกไว้ก่อนอย่าเปลืองม้วนฟิล์มเชียว…”
ผู้กำกับเอ่ยกับเหยาเจียเหวินอย่างหมดความอดทน
ล่วงเกินเหยาเจียเหวิน อย่างมากก็อยู่ในวงการต่อไปไม่ได้ แต่ถ้าล่วงเกินเยี่ยหวันหวั่น เกรงว่าวันนี้คงรอดต่อไปไม่ได้…เยี่ยหวันหวั่นบ้าไปแล้ว…!
ไม่นาน ภายใต้การช่วยเหลือของชายกำยำชุดตัวเอกชาย เหยาเจียเหวินกับชายชุดดำก็เปลื้องผ้าเกลี้ยง แถมยังอยู่ในท่าคลุมเครือแบบต่างๆ
ชีซิงมองเยี่ยหวันหวั่นและเอ่ยด้วยสีหน้าไร้อารมณ์ “พี่เยี่ย พี่หลับตาดีกว่า”
เยี่ยหวันหวั่นได้ยินดังนั้นก็งุนงงสงสัยเล็กน้อย “หลับตาทำไม”
ชีซิงเอ่ยด้วยสีหน้าจริงจัง “พี่เยี่ย ถึงพวกเขาแค่ถ่ายภาพนิดหน่อยไม่ได้ทำอะไรกันจริงๆ แต่ยังไงพี่เยี่ยก็ยังเป็นหญิงสาวคนหนึ่ง ไม่ดีที่ดูพวกนี้”
เยี่ยหวันหวั่นพูดไม่ออก
“ชีซิง พูดอะไรน่ะ คลื่นโหมลมแรงอะไรที่พี่เยี่ยไม่เคยเห็นบ้าง ก็แค่ถ่ายภาพนิดหน่อยไม่ใช่เหรอ จะถึงไหนกันเชียว” เป่ยโต่วไม่ใส่ใจนัก
“ใช่…ใช่เลย พี่พูดถูก พี่เยี่ยผมไม่เคยเห็นคลื่นโหมลมแรงอะไรบ้าง นี่นับประสาอะไร!” กงซวี่ว่า
ภายใต้ความสิ้นหวังของเหยาเจียเหวิน ในที่สุดก็เสร็จสิ้นการถ่าย
เยี่ยหวันหวั่นเดินไปหาเหยาเจียเหวินอย่างรวดเร็ว มองเหยาเจียเหวินที่เกลียดจนแทบจะกินเนื้อตัวเอง เยี่ยหวันหวั่นยิ้มเอ่ย “ทำไม ประธานเหยา ขึ้นรถด้วยตัวเองรู้สึกยังไงบ้าง”
“เยี่ยไป๋…จบเรื่องนี้ไป…เธอรอก่อนเถอะ…ฉันจะให้เธอคุกเข่าแทบเท้าฉัน…” เหยาเจียเหวินจ้องเยี่ยหวันหวั่นอย่างเคียดแค้น
“โอ้?”
ได้ยินดังนั้น มุมปากเยี่ยหวันหวั่นก็ยกขึ้นน้อยๆ วาดเป็นรอยยิ้มชั่วร้ายน่ากลัว “ประธานเหยาจิตใจเข้มแข็งจริงๆ …จู่ๆ ฉันก็คิดได้ แค่ให้ประธานเหยาถ่ายภาพนิดหน่อย เหมือนจะปล่อยประธานเหยาง่ายไปหน่อย ไม่งั้น…ประธานเหยาก็ถ่ายหนังสักฉากแบบเล่นจริงทำจริงกับตัวเอกชายคนนั้นเมื่อกี้เลยดีกว่า ว่ายังไง”
สิ้นเสียงของเยี่ยหวันหวั่น เหยาเจียเหวินพลันหน้าซีด
“หึ…เหยาเจียเหวิน เธอก็แค่หมาตัวหนึ่งที่ฉันเก็บกลับมาเมื่อตอนนั้นเท่านั้น ทำไม ยังไม่โตเต็มวัยก็กล้ากัดเจ้าของอย่างฉันแล้วเหรอ” เยี่ยหวันหวั่นเชยคางของเหยาเจียเหวินขึ้นมา หัวเราะเสียงเย็นก่อนจะบอก